พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1532 ตาแก่
เวลาผ่านไป และตอนนี้ก็เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว แต่ยังไม่เห็นจินตรากลับมา
ผลินรู้สึกกังวลขึ้นมา
“แม่ไม่เคยออกไปซื้อของนานเหมือนวันนี้ ปกติแล้วแม่จะกลับมาภายในหนึ่งชั่วโมง” ผลินกล่าวอย่างกังวล
“อย่ากังวล บางทีป้าอาจเจอคนรู้จัก ก็เลยคุยกันนานหน่อย”
รพีพงษ์พูดปลอบใจ
รพีพงษ์รู้ว่าจินตราเป็นคนที่คุยเก่ง และถ้าเธอเจอคนรู้จัก อาจจะพูดคุยกันสักพักมันก็เป็นเรื่องปกติ
“ไม่ แม่กับฉันมาที่เมืองแฟรี่เพียงปีเดียว และพวกเราไม่มีคนรู้จักที่นี่” ผลินปฏิเสธ
“จะกังวลทำไม โทรศัพท์ไปหาเธอก็สิ้นเรื่อง” ปัณฑากล่าวอย่างไม่ยี่หระ
เมื่ออยู่บนโลกมาเป็นเวลานาน จึงทำให้ปัณฑารู้จักทุกอย่างบนโลกเป็นอย่างดี
“โทรศัพท์ โทรศัพท์คืออะไร?” ผลินถามอย่างงงๆ
“อ้อ มันเป็นเครื่องมือสื่อสาร” รพีพงษ์กล่าวเบา ๆ “พวกเรารอกันอีกสักครู่ดีไหม”
ผลินกัดริมฝีปาก “ไม่ คุณรพี พวกคุณรออยู่ที่นี่ ส่วนฉันจะออกไปหาแม่”
“คุณอย่าออกไปดีกว่า อย่าลืมว่าเมื่อวานพวกเราเพิ่งล่วงเกินพ่อบ้านเตชิต ถ้าคุณออกไปแล้วคุณเจอไอ้หมอนั้น เขารังแกคุณแน่นอน” รพีพงษ์กล่าว
“ไม่ได้! ฉันต้องออกไป ฉันมีแค่แม่เท่านั้น ถ้าฉันไม่เห็นแม่ก็จะอดห่วงไม่ได้” ผลินกล่าว
“คุณจะไปก็ได้ แต่ผมต้องไปด้วย” รพีพงษ์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“ยังมีฉันอีกคน” ปัณฑากระโดดขึ้นไปนั่งบนไหล่ของรพีพงษ์
“พวกคุณ…….” ผลินมองไปที่รพีพงษ์ เธอไม่เคยคิดว่า ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นคนที่มีคุณธรรมเช่นนี้ รู้ว่ามีอันตราย แต่เขาก็ยังเดินไปข้างหน้าพร้อมกับตนเอง
“เวลาไม่เคยคอยท่า พวกเรารีบไปกันเถอะ”
ขณะที่พูด รพีพงษ์ก็พาปัณฑาเดินออกไปก่อน แล้วผลินก็เดินตามหลัง
เพิ่งจะเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็มองเห็นกลุ่มคนจากระยะไกลกำลังเดินเข้ามาหาตนเอง
“มีไอสังหาร!”
รพีพงษ์กล่าวอย่างเย็นชา
“แม่ นั่นคือแม่ฉันเอง!”
ผลินกล่าวเสียงดัง
เมื่อฝูงชนเข้ามาใกล้มากขึ้น รพีพงษ์เห็นว่าตอนนี้แม่ของจินตราถูกมัดไว้ มีบาดแผลอยู่บนใบหน้าและข้อมือของเธอ
คนที่เป็นผู้นำไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นพ่อบ้านเตชิต
เขาจูงเชือกเหมือนกับจูงสุนัข แล้วพาจินตราเดินเข้ามาหาตนเอง
“แม่!”
ผลินกำลังจะพุ่งไปข้างหน้า แต่ถูกรพีพงษ์รั้งไว้เสียก่อน
“ลูก คุณรพี พวกคุณรีบหนีไปก่อน!”
จินตรากล่าวเสียงดัง
“อีหญิงเปรต ยังกล้าที่จะปากแข็งอีก”
ขณะพูด มีคนหนึ่งที่อยู่ข้างหลังเหยียบไปบนหลังของจินตรา แล้วเลือดก็พุ่งออกจากปากของจินตรา
รพีพงษ์กำหมัดทั้งสองไว้แน่น ตอนนี้เขาไม่สามารถยับยั้งรังสีสังหารในใจได้แล้ว
“รพีพงษ์ ตอนนี้คุณคิดว่าพวกเรายังจะถ่อมตนอยู่อีกไหม?” ปัณฑาที่อยู่ด้านข้ากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ดวงตาของเธอก็เติมไปด้วยแววสังหารเช่นกัน
ขณะที่พูด พ่อบ้านเตชิตและกลุ่มคนก็มายืนอยู่ตรงหน้ารพีพงษ์แล้ว
“สาวสวย พวกเราพบกันอีกแล้ว ไม่คิดว่าผมจะหาคุณเจอเร็วขนาดนี้ใช่ไหม?”
พ่อบ้านเตชิตมองผลินด้วยสายตาหื่น จากนั้นเขาก็จ้องไปที่รพีพงษ์
“ไอ้เด็กเปรต คุณก็อยู่ที่นี่ด้วย งั้นก็หมายความว่าเมื่อคืนคุณนอนกับสาวสวยคนนี้แล้วหรือ?”
พ่อบ้านเตชิตเลิกคิ้ว “ผมคิดว่าคุณเป็นผู้หญิงไร้เดียงสา ที่แท้ก็เป็นผู้หญิงชั้นต่ำ ในเมื่อนอนกับไอ้หมอนี้ได้ งั้นอีกสักครู่ก็ไปสนุกกับผมได้!”
“ไร้ยางอาย!”
ผลินกล่าวอย่างโกรธเคือง
ดวงตาของรพีพงษ์เฉียบคม ไม่เคยเห็นพ่อบ้านเตชิตคนนี้อยู่ในสายตาเลย ตรงกันข้าม สายตาของเขาจับจ้องพวกคนที่พ่อบ้านเตชิตพามาด้วย
ดูจากการแต่งตัวแล้ว คนพวกนี้น่าจะเป็นคนของตระกูลภูสรีดาว
อย่างไรก็ตาม จากการที่รพีพงษ์ส่งจิตวิญญาณเทพไปสำรวจ ทำให้รู้ว่าคนเหล่านี้ คนที่ระดับต่ำสุดก็อยู่ในระดับแดนดั่งเทพขั้นกลางแล้ว และชายผิวคล้ำที่เป็นผู้นำได้เข้าสู่ระดับแดนเทพขั้นกลางแล้ว!
ไม่คิดว่า คนของเทวโลกจะแข็งแกร่งขนาดนี้ คนที่อยู่ในระดับแดนเทพขั้นกลาง จะเป็นแค่นักสู้ในตระกูลใหญ่เท่านั้น ถ้าเล่าเรื่องนี้ให้คนในกลุ่มสิงโตฟัง ไม่รู้ว่าพวกเขาจะมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างไร
“อีแก่ ภารกิจของคุณเสร็จสิ้นแล้ว ไสหัวออกไป”
ขณะที่พูด พ่อบ้านเตชิตผลักอย่างแรง ทำให้จินตราที่มีแผลเต็มตัวนั้นล้มอยู่ด้านข้าง
“แม่!”
ผลินรีบวิ่งออกไป ร้องไห้และช่วยพยุงจินตราลุกขึ้น
“ลูก คุณรพี ฉันไม่ดีเอง ฉันไม่อยากทำ แต่คนกลุ่มนี้โหดเหี้ยมจริง ๆ ฉันไม่มีทางเลือก ฉันจึงต้องพาพวกเขามาที่นี่” จินตรากล่าวด้วยเสียงเคร่งขรึม
“คุณป้า อย่าโทษตนเองเลย คุณพาพวกมาที่นี่นั้นเป็นเรื่องถูกแล้ว ผมจะได้ไม่ต้องออกไปหาไอ้หมอนี้อีก”
รพีพงษ์กล่าวอย่างเย็นชา
“ฮึ่ม ไอ้เด็กเปรต พูดจายโสโอหัง คุณไม่ไปสืบดูว่า สถานะของผมพ่อบ้านเตชิตในเมืองเมืองแฟรี่คือสถานะอะไร!” พ่อบ้านเตชิตกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
รพีพงษ์เดินไปข้างหน้า แล้วอากาศที่อยู่ตรงหน้าพ่อบ้านเตชิตดูเหมือนจะถูกบีบอัดเล็กน้อย
“ผมไม่รู้ว่าคุณอยู่ในสถานะอะไร แต่ในความคิดของผม คุณมันเป็นแค่สุนัขตัวหนึ่งเท่านั้น!”
รพีพงษ์กล่าวอย่างเย็นชา
“คุณพูดอะไรน่ะ!” พ่อบ้านเตชิตจ้องไปที่รพีพงษ์ ในเมืองเมืองแฟรี่ไม่มีใครกล้าพูดกับตนเองเช่นนี้!
“ไอ้แก่! บอกว่าคุณเป็นสุนัข”
ปัณฑากล่าวซ้ำ
“อีเด็กเปรต พูดพล่อย ๆ เดี๋ยวกูจะฉีกปากมึง!”
“คุณเรียกใครว่าอีเด็กเปรต?”
พริบตา รังสีสังหารก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของปัณฑา หลังจากนั้นเธอก็ปล่อยพลังจิตวิญญาณออกไป โจมตีพ่อบ้านเตชิตทันที
“พ่อบ้านเตชิต ระวัง!”
ชายผิวดำที่เป็นผู้นำเคลื่อนไหวเร็วราวกับสายฟ้า แล้วไปยืนขวางอยู่หน้าพ่อบ้านเตชิตทันที
หลังจากนั้น พลังจิตวิญญาณสีดำแบบเดียวกันก็ถูกปล่อยออกมา แล้วพลังจิตวิญญาณทั้งสองก็ปะทะกันกลางอากาศ เห็นเพียงแค่ประกายไฟแล้วอากาศก็ผันผวน
“เด็กคนนี้ มีความสามารถไม่น้อย” ชายผิวดำกล่าวอย่างเคร่งขรึม
พ่อบ้านเตชิตก็รู้สึกแปลกใจมากเช่นกัน ไม่คิดว่าเด็กเล็กจะมีฝีมือเช่นนี้
“พวกคุณสามารถเอาชนะเขาได้ไหม” พ่อบ้านเตชิตถามเบา ๆ
“ถ้าเป็นเด็กคนนี้ก็ไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้ผมยังไม่รู้ว่าชายหนุ่มคนนั้นอยู่ในระดับไหน?” ชายผิวดำกระซิบที่ข้างหูพ่อบ้านเตชิต
“ระดับไหน?”
พ่อบ้านเตชิตมองไปที่รพีพงษ์ “พวกคุณอย่ากังวล ไอ้หมอนี้เก่งแค่ใช้หมัด เขาไม่น่าจะมีพลังจิตวิญญาณ มิฉะนั้น เมื่อวานผมก็คงกลับมาไม่ครบสามสิบสองแน่”
พ่อบ้านเตชิตกล่าวอย่างมั่นใจ เขาละเลยเรื่องทั้งหมด เมื่อวานเหตุผลที่รพีพงษ์จัดการเขา ประการที่หนึ่งคือเพื่อความถ่อมตน และประการที่สองคือพ่อบ้านเตชิตไม่คู่ควรที่รพีพงษ์จะใช้พลังจิตวิญญาณจัดการ
“ดี เมื่อเป็นเช่นนั้น พ่อบ้านเตชิตถอยออกไปก่อน สองคนนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเรา”
จากนั้น ชายผิวดำก็พาทุกคนมายืนอยู่ข้างหน้ารพีพงษ์ พวกเขาแต่ละคนไม่ได้พูดอะไร แต่มองรพีพงษ์และคนอื่น ๆ ด้วยสายตาที่เย็นชา
“พวกคุณ บุกเข้ามาพร้อมกันเลย” รพีพงษ์กล่าวเบา ๆ
“พูดจาโอหัง ไอ้หนู แกมาจากไหน มาทำอะไรที่เมืองแฟรี่ของพวกเรา” ชายผิวดำกล่าวถาม
“ผมไม่จำเป็นต้องอธิบายให้คุณฟัง ไม่ต้องพูดมาก คนที่ชื่อเตชิตทำร้ายจินตรา มันต้องตาย วันนี้ไม่มีใครสามารถปกป้องมันได้!”
รพีพงษ์กล่าวอย่างเย็นชา
“เชอะ ไอ้คนที่ไม่รู้ว่าฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ฆ่ามันซะ!” พ่อบ้านเตชิตที่หลบอยู่ข้างหลัง กล่าวเสียงดัง
ชายผิวดำมองรพีพงษ์ “คุณรู้หรือไหมว่าพ่อบ้านเตชิตเป็นคนของตระกูลภูสรีดาว และสถานะของตระกูลภูสรีดาวในเมืองแฟรี่เป็นอย่างไร ผมไม่จำเป็นต้องพูด แค่คุณไปสืบแล้วจะรู้เอง”
“ถ้ารู้แล้วก็ให้รีบคุกเข่าลงแล้วกราบพ่อบ้านเตชิตสามครั้ง แล้วผมก็จะปล่อยคุณไป มิเช่นนั้น……..”
ขณะที่พูด ชายผิวดำก็สกินขวานขนาดใหญ่สีดำออกมาอยู่ในมือ
“ถึงแม้ว่าผมจะไม่ใช่นักฝึกวิชา แต่ก็สามารถที่จะจัดการคนอย่างคุณได้” ชายผิวดำกล่าวอย่างเย็นชา
รพีพงษ์ตะลึงเล็กน้อย ดูเหมือนว่าสิ่งที่ญาณิดาพูดนั้นถูกต้อง ขนาดอยู่ในระดับแดนเทพแล้ว แต่ยังไม่สามารถเรียกตนเองว่าเป็นนักฝึกวิชา คำจำกัดความของนักฝึกวิชาในเทวโลกนั้นสูงจนไร้เหตุผลสิ้นดี
“ขออภัยด้วย บังเอิญผมก็ทำเช่นนั้นได้เหมือนกัน คุณคอยดู”
พูดจบ รพีพงษ์ก็ปล่อยพลังจิต แล้วกระบี่สยบเซียนสีทองก็ค่อย ๆ ลอยขึ้นจากด้านหลัง จากนั้นก็มาอยู่ในมือของรพีพงษ์
“ที่แท้ พวกเราทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มคนฝึกชี่” ชายผิวดำกล่าวพร้อมขมวดคิ้ว
กลุ่มคนฝึกชี่?
รพีพงษ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเทวโลกค่อนข้างจะแตกต่างจากโลก
ผู้ที่ยังไม่ถึงระดับแดนบุณ จะเรียกรวมกันว่ากลุ่มคนฝึกชี่
“เอาล่ะ มาดูกันว่าใครแข็งแกร่งกว่ากัน”
แสงสีทองเปล่งประกาย แล้วรพีพงษ์ก็ใช้กระบี่ฟันไปทันที
ในเวลาเดียวกัน ขวานใหญ่สองอันของชายผิวดำก็ทุบมาโดยตรง
เสียงดังสนั่น!
ขวานขนาดใหญ่แตกละเอียดเป็นผุยผง แต่กระบี่สยบเซียนไม่มีร่องรอยอะไรทั้งสิ้น
“ผมเอาชีวิตของพ่อบ้านเตชิตแน่นอน!”
มีรังสีสังหารปรากฏอยู่ในดวงตาของรพีพงษ์ จากนั้นรพีพงษ์ก็ใช้กระบี่สยบเซียนชี้พ่อบ้านเตชิตที่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลัง!