พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1534 กูเข้ามาอยู่ในโลกอีกใบ
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1534 กูเข้ามาอยู่ในโลกอีกใบ
แนวป้องกันที่ตนเองสร้างขึ้นเมื่อสักครู่ แม้แต่ระดับแดนเทพทั่วไปก็ไม่สามารถทะลวงได้
แต่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเดินเข้ามาอย่างสบาย ๆ แม้แต่ตอนที่เขาเดินเข้ามา รพีพงษ์ก็ไม่รู้สึกถึงความผันผวนของพลังงานใด ๆ !
นี่เป็นสิ่งที่น่ากลัวจริง ๆ ดวงตาของรพีพงษ์เคร่งขรึมอย่างเลี่ยงไม่ได้
ถ้าเดาไม่ผิด ไอ้หมอนี้น่าจะเป็นยอดฝีมือระดับแดนบุณ!
“คุณชาย ในที่สุดคุณชายก็มา!”
หลังจากที่เห็นชายหนุ่มคนนี้ พ่อบ้านเตชิตซึ่งนอนอยู่บนพื้นเหมือนจะเห็นญาติสนิท
เห็นได้ชัดว่าเมื่อสักครู่นั้นหายใจรวยริน แต่ในตอนนี้ไม่รู้ว่าเขาเอาพลังมาจากไหน ถึงได้กล่าวเสียงดัง
ชายหนุ่มเหลือบมองรพีพงษ์อย่างช้า ๆ แล้วเดินไปหาพ่อบ้านเตชิต
“พ่อบ้านเตชิต คุณเป็นยังไงบ้าง?” ชายหนุ่มกล่าวเบา ๆ
“คุณชาย ถ้าคุณมาช้าไปหนึ่งก้าว คุณก็จะไม่เห็นผมแล้ว” พ่อบ้านเตชิตกล่าวพร้อมกับร้องไห้
“พักผ่อนก่อน”
ชายหนุ่มกล่าว แล้วยืดตัวตรงและมองฝั่งตรงข้าม
เมื่อเขาเห็นนักสู้หลายสิบคนนอนตายอยู่บนพื้น มุมปากของเขาก็สั่นโดยไม่ตั้งใจ
ชายหนุ่มคนนี้รู้ดีว่า คนเหล่านี้มีความแข็งแกร่งแค่ไหน
คนคนเดียวสามารถฆ่าคนได้มากมายเช่นนี้ เห็นได้ว่าคนที่ลงมือนั้นโหดเหี้ยมเช่นกัน
“คุณเป็นคนฆ่าพวกเขาเหรอ?”
ชายหนุ่มมองไปที่รพีพงษ์แล้วกล่าวถาม
รพีพงษ์ยืนขึ้น พร้อมแววตาที่เปล่งประกาย
“ถูกต้อง ผมเป็นคนฆ่าพวกเขาทั้งหมด”
“ดีมาก” เมื่อชายหนุ่มได้ยินประโยคนี้ ดูเหมือนว่าเขาไม่รู้สึกโกรธแต่อย่างไร ตรงกันข้าม เขากลับเผยรอยยิ้มจาง ๆ
แต่รพีพงษ์ไม่กล้าที่จะละเลย เพราะเขารู้ดีว่าเบื้องหลังรอยยิ้มนี้อาจเป็นกลิ่นอายการฆ่าที่รุนแรง!
“ผมไม่เคยเห็นคุณในเมืองแฟรี่มาก่อน ดูจากท่าทางของคุณ คุณยังหนุ่มมาก ไม่คิดว่าคุณจะเป็นนักฝึกวิชาเช่นกัน”
ชายหนุ่มกล่าวต่อ “ผมชื่อบวรวิทย์ เป็นบุตรชายของตระกูลภูสรีดาว รบกวนถามว่าคุณชื่ออะไร”
“รพีพงษ์”
รพีพงษ์กล่าวอย่างเย็นชา ไม่คาดคิดว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคือบุตรชายของตระกูลภูสรีดาวที่ครองอาณาเขตครึ่งหนึ่งของเมืองแฟรี่!
“คุณฆ่าคนรับใช้เหล่านี้ ผมก็ไม่ได้รู้สึกเสียดาย เพียงแต่พ่อบ้านเตชิตเป็นคนของตระกูลภูสรีดาว ไม่รู้ว่าเขาล่วงเกินคุณอย่างไร หวังว่าคุณจะบอกผม”
บวรวิทย์กล่าวด้วยเสียงราบเรียบ
ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นคนมีเหตุผล และไม่ได้เข้ามาก็จะต่อสู้กับตนเองทันที
รพีพงษ์ชี้จินตราและผลินที่บาดเจ็บอยู่ด้านข้าง และกล่าวด้วยเสียงที่เคร่งขรึมว่า “คุณเห็นป้าคนนั้นไหม บาดแผลบนร่างกายของเธอล้วนเกิดจากพ่อบ้านเตชิต ไม่มีเหตุผลอื่นใด นอกจากเมื่อวานเขาได้ลวนลามผู้หญิงคนนี้เท่านั้น”
“อ้อ? ใช่หรือ?”
บวรวิทย์หรี่ตา แล้วหันกลับมาถามพ่อบ้านเตชิต
“สิ่งที่เขาพูด เป็นความจริงหรือเปล่า?”
พ่อบ้านเตชิตกัดริมฝีปาก ก้มศีรษะลงแล้วกล่าวเบา ๆ ว่า “นี่……..ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่……..ไอ้หมอนี้ก็โหดเหี้ยมเกินไป”
“ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนี้”
บวรวิทย์พยักหน้า มองไปที่รพีพงษ์และกล่าวว่า “ไม่คิดว่าพ่อบ้านเตชิตของตระกูลภูสรีดาวจะทำเรื่องเช่นนี้ได้ พูดไปแล้วเรื่องนี้มันเป็นความผิดของเขาจริง”
“รู้แล้วก็ดี” รพีพงษ์กล่าวเบา ๆ “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ก็พาพ่อบ้านเตชิตของคุณกลับไปเถอะ”
ที่ทำเช่นนี้ รพีพงษ์มีความคิดของตนเอง
ประการแรก ถึงแม้ว่าเมืองแฟรี่จะไม่ใหญ่มาก แต่คุณชายของตระกูลภูสรีดาวก็อยู่ในระดับแดนบุณแล้ว ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่า คนที่อยู่เบื้องหลังเขาจะน่ากลัวแค่ไหน?
ประการที่สอง หากตนเองต้องการที่จะฆ่าพ่อบ้านเตชิต ตนเองจะต้องต่อสู้กับบวรวิทย์ ตนเองก็ต้องใช้กำลังอย่างเต็มที่ เมื่อเป็นเช่นนี้ อาจจะส่งผลกระทบต่อคนรอบข้าง!
โชคดีที่ดูเหมือนว่าบวรวิทย์จะไม่ยโสโอหังเหมือนพ่อบ้านเตชิต แต่เป็นคนที่ค่อนข้างรู้ทันเหตุการณ์ เมื่อเป็นเช่นนี้ตนเองก็ให้เกียรติเขา อย่างไรก็ตาม เป้าหมายหลักที่ตนเองมาที่เทวโลก มันก็ไม่ใช่ตระกูลภูสรีดาว
หลังจากพูดจบ รพีพงษ์ก็หันกลับมาและเตรียมตัวจะเดินจากไป
“ช้าก่อน!”
ทันใดนั้น บวรวิทย์ที่อยู่ข้างหลังก็หยุดรพีพงษ์เอาไว้
รพีพงษ์หันกลับไปมอง ยังคงมีรอยยิ้มเช่นนั้นอยู่ แต่ในรอยยิ้มนั้นรพีพงษ์รู้สึกถึงพลังที่เย็นยะเยือก!
“คุณยังมีธุระอะไรอีก?” รพีพงษ์ถามด้วยดวงตาที่เย็นชา
“รพีพงษ์ คุณคิดจะไปแบบนี้หรือ?” บวรวิทย์กล่าวเบา ๆ
“ไม่งั้นล่ะ?”
รพีพงษ์ตอบอย่างเย็นชา
“ฮ่า ๆ รพีพงษ์ คุณทำเรื่องเช่นนี้ คุณทำกับคนของตระกูลภูสรีดาวของผมเช่นนี้ แล้วคิดจะไปง่าย ๆหรือ? ดูเหมือนว่าจะไม่ถูกน่ะ”
เสียงของบวรวิทย์เย็นชา หลังจากนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ หายไป
“ถ้าวันนี้คุณไม่มา เขาคงจะตายไปแล้ว เรื่องทั้งหมดนี้เขาเป็นคนหาเรื่องใส่ตัวเอง ยังมีข้อโต้แย้งเรื่องนี้อีกหรือ?” รพีพงษ์เดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว จ้องมองไปที่อีกฝ่าย
“คนของตระกูลภูสรีดาว หรือถึงแม้จะเป็นสุนัขของตระกูลภูสรีดาว ถ้าทำผิด ผมจะเป็นคนสั่งสอนเอง คนนอกอย่างคุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งสอน”
บวรวิทย์กล่าวอย่างเคร่งขรึม “ดังนั้น วันนี้คุณต้องให้คำอธิบายแก่พ่อบ้านเตชิต”
“คำอธิบาย?”
รพีพงษ์กำหมัดทั้งสองไว้แน่น และพลังจิตวิญญาณในร่างกายของเขาก็ถูกปรับอีกครั้ง “คุณต้องการให้ผมอธิบายอย่างไร”
“ง่ายมาก คุณทำร้ายพ่อบ้านเตชิตจนเป็นแบบนี้ ผมก็จะทำร้ายคุณแบบนี้เช่นกัน” บวรวิทย์กล่าว
“แล้วถ้าผมไม่ยอมล่ะ?”
“นั่นมันไม่ได้แล้วแต่คุณ!”
พูดจบ บวรวิทย์เขย่งปลายเท้า แล้วร่างกายของเขาก็พุ่งขึ้นไปในอากาศ
หลังจากนั้น กลุ่มพลังจิตวิญญาณที่เยือกเย็นก็พุ่งไปที่รพีพงษ์อย่างรวดเร็ว
ความเร็วที่ทำให้คนรู้สึกตะลึง!
รพีพงษ์ขมวดคิ้ว โชคดีที่เขาเตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาแทบจะไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังจะโจมตีตนเอง
เสียงดังบูม!
ด้านหน้าของรพีพงษ์ มีหลุมลึกสามเมตร ในขณะเดียวกันร่างกายของรพีพงษ์ก็ก้าวถอยหลังไปหลายก้าว ถึงจะสามารถยืนอย่างมั่นคงได้
การโจมตีครั้งนี้ เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าพลังของบวรวิทย์อยู่เหนือกว่าตนเอง
ตนเองเป็นเพียงแดนบุณระดับต้น อย่างน้อยบวรวิทย์ก็อยู่ในระดับมากกว่าแดนดวงจิต!
“ไม่เลว สามารถสกัดกั้นการโจมตีครั้งนี้ของผมได้ แต่มันก็สิ้นสุดตรงนี้ คุณไม่มีชีวิตรอดจากมือของผมแน่นอน!”
รพีพงษ์ถือกระบี่สยบเซียนไว้แน่นด้วยท่าทางที่งามสง่า
ทันใดนั้นเขาตระหนักได้ว่า ตอนที่อยู่บนโลกตนเองแข็งแกร่งกว่าใคร แต่เมื่ออยู่ในเทวโลกตนเองอ่อนแอและไม่สามารถต้านทานได้!
เขาเป็นเพียงลูกชายคนโตของตระกูลในเมืองเล็กอย่างเมืองแฟรี่ แต่ทำไมถึงได้มีความแข็งแกร่งมากขนาดนี้
มันยากที่จะจินตราการว่า หากตนเองเผชิญกับนรเทพจริง ๆ ตนเองจะสามารถรับมันมือนรเทพได้หนึ่งกระบวนท่าหรือไม่!
แต่ตอนนี้ รพีพงษ์ไม่กล้าคิดมาก สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือจะรับมือกับศัตรูที่ทรงพลังที่อยู่ตรงหน้านี้อย่างไร!
“ถ้าเจอปัญหา จะนั่งรอความตายไม่ได้!”
รพีพงษ์คำราม ยกกระบี่สยบเซียน และพุ่งตรงไปทันที
ขณะนี้ข้างหลังเขา มีมังกรทองเก้าตัวอ้าปากกว้าง และลูกไฟขนาดใหญ่ที่ร้อนราวกับว่ามันสามารถละลายทุกอย่างได้!
มองดูการต่อสู้ในแนวป้องกัน ผลินและคนอื่น ๆ ก็แข็งทื่ออย่างสมบูรณ์!
ปัณฑาขมวดคิ้วจนแน่น ตอนนี้พลังของตนเองยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ถ้าเข้าไปช่วยตอนนี้ จะเป็นตัวถ่วงของรพีพงษ์เปล่า ๆ!
“แค่นี่เองหรือ รพีพงษ์ แม้ว่าคุณจะเป็นนักฝึกวิชา แต่คุณก็อ่อนแอจริง ๆ!”
“ผมอยู่ในระดับแดนบุณระดับต้นแล้ว คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผม!”
บวรวิทย์กล่าวอย่างเย่อหยิ่ง
“หยุดพูดจาไร้สาระได้แล้ว ไปตายซะ!”
รพีพงษ์กระโดดขึ้นสูง และใช้กระบี่สยบเซียนฟันลงไป
กระบี่สยบเซียนไม่ใช่ของธรรมดา ตอนนี้มันได้รวมเข้ากับพลังจิตวิญญาณอันทรงพลังกับพลังทิพย์ของรพีพงษ์แล้ว และเปล่งประกายสีทอง!
ในขณะเดียวกัน ลูกบอลไฟของมังกรทองเก้าตัวก็พุ่งออกมาทันที!
นี่เป็นการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของรพีพงษ์!
แต่ทันใดนั้น ก็มีแสงสีขาวปรากฏขึ้นแวบหนึ่งต่อหน้ารพีพงษ์ หลังจากเห็นรอยยิ้มสุดท้ายของบวรวิทย์ และได้ยินเสียงตะโกนสุดท้ายของผลิน รพีพงษ์ก็ไม่เห็นอะไรอีกเลย………
“ผมอยู่ที่ไหน……”
รพีพงษ์ลืมตาขึ้น รอบ ๆ เป็นพื้นที่สีขาวกว้างใหญ่ และอากาศที่หนาวเย็นทำให้รพีพงษ์ซุกเข้าไปในเสื้อโดยไม่ตั้งใจ
“หรือว่าที่นี่จะเป็นดินแดนเย็นสะท้าน?”
รพีพงษ์ขมวดคิ้วจนแน่น ตอนนี้กระบี่สยบเซียนในมือไม่ส่องประกาย และมังกรทองเก้าตัวได้หายไปแล้ว
ปัณฑา ปัณฑา! คุณอยู่ที่ไหน?”
รพีพงษ์ตะโกนเสียงดัง
แต่ในถิ่นทุรกันดารที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ไม่มีแม้แต่ลมหายใจของมนุษย์เลย
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
รพีพงษ์กำหมัดทั้งสองไว้แน่น วินาทีก่อน ตนเองยังต่อสู้อยู่กับบวรวิทย์เลย แต่วินาทีนี้ ทำไมตนเองถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้!
“ระดับแดนบุณ สามารถสร้างโลกได้ นี่มันวิเศษมากกว่าการเคลื่อนภูเขาและแม่น้ำ!”
จู่ ๆ คำพูดของญาณิดาก็ปรากฏขึ้นอยู่ในสมองของรพีพงษ์
รพีพงษ์มองพื้นที่สีขาวรอบ ๆ ตนเอง และกล่าวด้วยความประหลาดใจ “แม่งฉิบหาย ผมเข้ามาอยู่ในโลกอีกใบแล้ว! ”
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้รพีพงษ์รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ระดับของอีกฝ่ายนั้นสูงกว่าตนเองจริง ๆ สิ่งนี้ทำให้รพีพงษ์ถูกควบคุมโดยอีกฝ่ายเกือบจะในทันที จึงก้าวเข้าสู่โลกที่บวรวิทย์สร้างขึ้น
และในโลกใบนี้ เป็นแดนน้ำแข็ง!
เมื่อเข้าใจเรื่องนี้แล้ว รพีพงษ์ก็สงบลงอย่างรวดเร็ว
เขารู้ว่า ถ้าตนเองไม่คิดวิธีแก้ปัญหา เขาอาจจะอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต และจะต้องอดตายหรือไม่ก็แข็งตาย
“ไม่ได้ ผมต้องรีบหาวิธี!”
รพีพงษ์คิดขณะที่กำลังวิ่ง
ประการแรก มันสามารถทำให้ร่างกายอบอุ่นและต้านทานอุณหภูมิที่หนาวเย็น ประการที่สองรพีพงษ์รู้ว่ายอดฝีมือระดับแดนบุณยังมีระดับแบ่งแยก เมื่อเป็นเช่นนั้น โลกที่พวกเขาสร้างขึ้นมาก็จะมีขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน
เมื่อเป็นเช่นนั้น บวรวิทย์ที่อยู่ในระดับแดนบุณระดับต้น โลกที่เขาสร้างขึ้นไม่น่าจะใหญ่มาก มันจะต้องมีขอบโลก
ทันใดนั้น ก็เกิดเสียงดังแครก!
หลังจากนั้น มีรอยร้าวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนน้ำแข็งที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของรพีพงษ์
รอยร้าวนั้นยิ่งอยู่ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และบนพื้นทั้งหมดดูเหมือนจะแตกออก
รพีพงษ์รีบเขย่งปลายเท้า แล้วเดินที่ด้านข้าง เขาไม่กล้าที่จะละเลย เมื่อก้มลงไปมองในส่วนลึกของรอยแตกร้าว สิ่งที่ไหลอยู่ในส่วนลึกของรอยแตกร้าวนั้นไม่ใช่น้ำ แต่เป็นของหลอมเหลวที่ร้อนเป็นอย่างมาก!
“บัดซบ!”
รพีพงษ์ตระหนักถึงสถานการณ์ที่เลวร้าย นี่คือโลกที่บวรวิทย์สร้างขึ้น และทั้งหมดนั้นเป็นไปตามความคิดของบวรวิทย์
ยอดฝีมือระดับแดนบุณ สามารถสร้างได้ทั้งสวรรค์และนรก
และสิ่งที่บวรวิทย์เตรียมไว้สำหรับรพีพงษ์ก็คือนรกทะเลเพลิงและน้ำแข็ง!