พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1542 การคุ้มครองจากนราธิป
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1542 การคุ้มครองจากนราธิป
สิ่งที่เทวเทพกล่าวคือสิ่งที่รพีพงษ์ต้องการจะกล่าวเหมือนกัน เขาจะไม่พูดจาวกไปวนมา แสดงให้เห็นเจตนาของตนเองโดยตรง
เมื่อเห็นกระบี่สยบเซียน เทวเทพคิดว่าตนเองมองผิด ไม่คิดว่ารพีพงษ์ยินดีที่จะมอบสมบัติล้ำค่านี้ให้ตนเอง
การแสดงไมตรีจิตเช่นนี้ เขามีจุดประสงค์อะไร?
เขาไม่คิดว่ารพีพงษ์อยู่เฉย ๆ และไม่อะไรทำ ก็เลยมามอบสมบัตินี้ให้ตระกูลภูสรีดาว
“ผมมาที่นี่ครั้งแรก เมื่อไม่กี่วันก่อนผมได้ล่วงเกินพ่อบ้านของตระกูลคุณ ผมคิดว่าถ้าล่วงเกินพ่อบ้านก็เหมือนล่วงเกินท่านผู้อาวุโส จึงตั้งใจมาขอโทษ คนหนุ่มไม่รู้ว่าฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ หวังว่าท่านผู้อาวุโสจะไม่ถือสาเรื่องนี้”
ปัณฑาที่อยู่ด้านข้างรู้สึกตะลึง เธอไม่เคยเห็นรพีพงษ์นอบน้อมถ่อมตนเพื่อเอาใจผู้อื่นขนาดนี้มาก่อน แต่เธอไม่รู้ว่านี่คือการยอมถอยเพื่อรุก
นราธิปที่อยู่ด้านข้าง มองทะลุปรุโปร่ง
ใครก็ตามที่รู้จักกระบี่สยบเซียน จะรู้ว่าจอมมารชูร่าเป็นคนส่งมอบกระบี่สยบเซียนให้รพีพงษ์เอง กระบี่จำนายตนเองแล้ว จะยอมรับรพีพงษ์เป็นนายเพียงคนเดียวเท่านั้น ถึงแม้จะมาอยู่ในตระกูลภูสรีดาว ก็ไม่มีใครในตระกูลภูสรีดาวสามารถใช้กระบี่เล่มนี้ได้
มีเพียงเทวเทพเท่านั้นจ้องมองไปที่กระบี่สยบเซียน และกระบี่สยบเซียนเปล่งประกายแสงสีขาว ไข่มุกบนด้ามจับเปล่งประกายแพรวพราวเช่นกัน
พ่อบ้านคนหนึ่งสามารถเทียบกับกระบี่ล้ำค่าเล่มนี้ได้อย่างไร?
เขาหัวเราะเสียงดังทันที “เป็นแค่พ่อบ้าน เดิมก็มีความผิดอยู่แล้ว และเป็นคนใจคด สมควรถูกลงโทษ คุณรพีช่วยกำจัดภัยร้ายของผู้คน”
รพีพงษ์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ครุ่นคิด หากบุคคลนั้นไม่มีประโยชน์แล้ว จะถูกฆ่าตายหรือมีจุดจบที่แย่กว่าคนอื่น
ถึงแม้ว่าพ่อบ้านคนนี้จะไม่ใช่คนดี แต่จากเหตุการณ์นี้ จะเห็นได้ว่าสถานะของเขาในตระกูลภูสรีดาวนั้นอย่างดีที่สุดก็คือสุนัขเฝ้าบ้านเท่านั้น
“นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เขาไม่ใช่พ่อบ้านของตระกูลภูสรีดาวอีกต่อไป ผมไม่วางใจถ้ามีพ่อบ้านประเภทนี้”
เทวเทพถือกระบี่อยู่ในมือ รู้สึกถูกใจเป็นอย่างมาก บวรวิทย์วิ่งมาที่ห้องโถงใหญ่ เห็นว่ารพีพงษ์ได้มอบกระบี่ให้พ่อของตนเองแล้ว อยากจะบอกพ่อว่าอย่าถูกหลอก แต่พ่อกลับไม่ใส่ใจคำพูดของตนเองเลย
“ตอนนี้ลูกบาดเจ็บอยู่ อย่าพูดจาเหลวไหล เมื่ออาการบาดเจ็บของลูกหายดีแล้ว พ่อจะมอบกระบี่เล่มนี้ให้แก่ลูก”
“ท่านพ่อ ไอ้หมอนี้เจ้าเล่ห์ ผมไม่เชื่อว่าเขาจะมอบกระบี่เล่มนี้ให้พวกเราจริง ๆ”
เพื่อไม่ให้เกิดช่องโหว่ รพีพงษ์จึงเดินไปข้างหน้าและเตือนว่า “กระบี่สยบเซียนนี้เป็นของล้ำค่า แต่มันก็จะจำเจ้านาย มันเพิ่งมาถึงมือของท่านผู้อาวุโส เกรงว่ายังจะใช้ไม่คล่องมือ แต่ผมคิดว่าหลังจากเวลาผ่านไปนาน มันจะยอมรับท่านผู้อาวุโสเป็นเจ้านายเอง”
เทวเทพโบกมืออย่างไม่แยแส “ขอแค่ได้มันมาอยู่ในมือคุณ ไม่เคยกังวลว่ามันจะไม่ยอมสยบให้ผม เรื่องนี้คุณวางใจได้”
เทวเทพดีใจจนยิ้มไม่หุบ แต่พ่อบ้านเตชิตไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่มีทางเลือก เขารู้ว่าที่จริงแล้วตนเองเป็นแค่สุนัขตัวหนึ่งของตระกูลภูสรีดาวเท่านั้น ตอนนี้เจ้านายให้เขาไป เขาก็อยู่ต่อไม่ได้แล้ว
พ่อบ้านเตชิตจ้องมองรพีพงษ์อย่างดุดัน เขาไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ จะต้องฆ่ารพีพงษ์ให้ได้ถึงจะหายแค้น
พ่อบ้านเตชิตดูแลบวรวิทย์มาตั้งแต่เล็กจนโต ดังนั้นบวรวิทย์จึงไม่ปล่อยให้พ่อบ้านออกจากตระกูลไปง่าย ๆ
ยิ่งไปกว่านั้นคนที่เป็นอริกับรพีพงษ์ก็เป็นเหมือนเพื่อนของตนเอง เขาจึงแอบให้พ่อบ้านเตชิตอยู่ในตระกูลภูสรีดาวต่อไป
เนื่องจากรพีพงษ์มอบกระบี่ให้เทวเทพ และเทวเทพยืนยันที่จะจัดงานเลี้ยง โดยบอกว่าต้องการคบหาสมาคมเป็นมิตรสหาย
บนใบหน้าของนราธิปมีรอยยิ้มที่ไม่สามารถอธิบายได้ พวกเขาทั้งหมดถูกรพีพงษ์หลอก และถ้าวันหนึ่งพวกเขากลายเป็นศัตรูกัน และเมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากัน กระบี่เล่มนี้ก็จะกลับไปยังมือของรพีพงษ์
หยดเลือดจำเจ้านายได้ ขอแค่รพีพงษ์ยังไม่ตาย เจ้านายของมันยังคงเป็นรพีพงษ์
ถ้าสามารถบังคับให้กระบี่โบราณสยบได้ง่ายขนาดนี้ มันก็ไร้ค่าแล้ว
ปัณฑานั่งอยู่บนไหล่ของรพีพงษ์ด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “อยู่ดี ๆ ก็มอบกระบี่ล่ำค่าให้พวกเขา ฉันคิดว่ามันไม่มีประโยชน์หรอก ถ้าพวกเขาต้องการจะฆ่าคุณ ก็ชัดเจนเช่นกัน”
“พูดเบา ๆ ผมมีแผน”
ที่งานเลี้ยง รพีพงษ์นั่งอยู่ใต้นราธิป และนราธิปกล่าวเสียงเบาที่มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน “ไอ้หนู คุณช่างกล้า”
“อาจารย์ธิปเคยบอกว่าผมมีความกล้าหาญไม่ใช่หรือ?”
“ไม่! ผมขอถอนคำพูดที่เคยพูดไว้ก่อนหน้านั้น คุณไม่เพียงมีความกล้าหาญเท่านั้น แต่ยังกลอุบายด้วย ผมยังคงพูดประโยคนั้น คุณเต็มใจที่จะอยู่ภายใต้……”
“อาจารย์ธิป สิ่งที่ผมตัดสินใจแล้ว จะไม่เปลี่ยนแปลงง่าย ๆ”
นราธิปเหลือบมองรพีพงษ์ แล้วยิ้มจาง ๆ จากนั้นก็ไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก ต้องมีสักวันที่รพีพงษ์จะเต็มใจ
มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเผชิญหน้ากับนรเทพ เขาจะต้องเจอกับความลำบากเสียก่อน ถึงจะรู้ว่าจะต้องหาที่หลบภัย?
คนอย่างรพีพงษ์ เต็มใจที่จะทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ทำให้เขาไม่รู้สึกกังวลเลยสักนิด
“ได้ยินมาว่าบวรวิทย์ถูกไอ้เด็กเปรตทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ พี่ มีเรื่องเช่นนี้จริงหรือ?”
ขณะนี้ มีชายวัยกลางคนที่พุงใหญ่กล่าวถาม เคราของเขาปกคลุมทั่วทั้งใบหน้า มีเพียงปาก จมูก ตา และหน้าผากเท่านั้นที่ออกมา เมื่อตั้งใจมองจะเห็นว่าเขานั้นเหมือนลิง
รพีพงษ์ขมวดคิ้ว ผู้ชายคนนี้กำลังเป็นเดือดเป็นร้อนแทนบวรวิทย์ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะสายไปเสียแล้ว
เจ้าบ้านของตระกูลภูสรีดาวก็ยังไม่ว่าอะไร เขาจะพลิกคดีได้อย่างไร?
สายตาของรพีพงษ์อยู่ที่เทวเทพเท่านั้น เพิ่งได้รับของขวัญ ดังนั้นเขาคงจะไม่เป็นคนที่พอบรรลุเป้าหมายก็ถีบส่งผู้ช่วยเหลือ
เขาสามารถสัมผัสได้ว่า ผลการฝึกตนของคนส่วนใหญ่ที่อยู่รอบ ๆตนเองอยู่ในระดับแดนบุณขึ้นไป และตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาอย่างแน่นอน
เทวเทพยิ้ม “อ้อ เพราะฝีมือลูกชายของผมด้อยกว่าคนอื่น ไปประลองกับคนอื่นก็เลยพ่ายแพ้ การแพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมดา ไม่น่าแปลกใจเลย น้องชายอย่าใส่ใจเลย อย่าไปฟังการยุยงของคนอื่น”
ชายอ้วนหันมามองรพีพงษ์และถามว่า “น้องชายคนนี้คือใคร?”
สายตาของนราธิปมองไปที่รพีพงษ์ ขณะที่รพีพงษ์จิบชาอย่างช้า ๆ เขามีสถานะอะไร? เจ้าบ้านของตระกูลภูสรีดาวจะเป็นคนอธิบายเอง
นราธิปกล่าวขึ้นก่อน “เป็นหลานชายของเพื่อนเก่า ผมลืมแนะนำให้ทุกคนรู้จัก”
นราธิปสร้างสถานะให้รพีพงษ์ รพีพงษ์ไม่เข้าใจว่าทำไมนราธิปช่วยตนเองครั้งแล้วครั้งเล่า
ที่ทำเช่นนี้ก็เพื่ออยากให้ตนเองฝากตัวเป็นศิษย์ มันแค่นั้นจริงหรือ?
หรือมันจะมีอะไรมากกว่านั้น?
ตอนนี้เขายังไม่ได้คิดอย่างละเอียด แล้วก็ให้รพีพงษ์ดื่มเหล้าคารวะทุกคน รพีพงษ์ก็ให้ความร่วมมือเล่นละครกับนราธิปเป็นอย่างดี คนที่มาจากโลก ถูกลิขิตไว้แล้วว่าจะต้องถูกคนในเทวโลกเหยียดหยาม
ไม่ว่าคุณจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ต้องซ่อนมันเอาไว้ อย่าเปิดเผยตัวตน
สามารถถือได้ว่านราธิปเป็นคนที่คอยช่วยเหลือตนเองในเทวโลกได้ บางครั้งตนเองไม่จำเป็นต้องเป็นลูกศิษย์ของเขา เมื่อสักครู่เขาก็ไม่ได้แนะนำไปว่าตนเองเป็นลูกศิษย์ เขาคงจะคิดพิจารณาแล้วว่าตนเองนั้นยังไม่ตกลง
นอกจากนี้ ยังมีบวรวิทย์อยู่ที่นี่ บวรวิทย์เป็นศิษย์คนเดียวของเขา
บวรวิทย์มองเหตุการณ์อยู่ที่มุมหนึ่ง กำหมัดทั้งสองไว้แน่น ไอ้เด็กเปรตนี้ ทำไมเขาถึงได้รับการดูแลคุ้มครองจากนราธิปได้?
เมื่อนึกถึงเรื่องรพีพงษ์ เขาก็รู้สึกโมโหทันที หันหลังแล้วกล่าวกับพ่อบ้านเตชิตว่า “หลังจากที่มันออกไปจากบ้านของพวกเรา อย่าให้โอกาสเขาไปไกล รีบไปเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้คุณอาธรฟัง เขารักและเอ็นดูผมมาตั้งแต่เด็ก ผมไม่เชื่อหรอกว่าคราวนี้ไอ้รพีพงษ์จะสามารถหนีไปได้อีก”
“แต่ว่า กลัวว่ารพีพงษ์จะไม่ไป ผมได้ยินเจ้าบ้านบอกว่าจะให้เขาพักอาศัยอยู่ในตระกูลภูสรีดาว และฝึกพร้อมกับคุณชาย”
“อะไรนะ พ่อแก่จนเลอะเลือนไปแล้วหรือ ไม่ได้! ผมจะไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด