พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1582 แผนของนฤเบศร์
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1582 แผนของนฤเบศร์
จิรันดน์เหลือบมองรพีพงษ์แวบหนึ่ง และกล่าวอย่างสุภาพ “ในเมื่อเป็นพี่น้องของคุณ เขาก็คือพี่น้องของผมด้วย ได้จัดเตรียมที่นั่งให้ไว้เช่นกัน”
บวรวิทย์เดินตามจิรันดน์ ส่วนรพีพงษ์ ไปหาที่นั่งเอง
เห็นได้ว่าจิรันดน์นั้นจริงใจกับบวรวิทย์ ก่อนหน้านั้นบวรวิทย์เคยพูดซ้ำ ๆ ว่าจะไม่ทำร้ายจิรันดน์ ตอนนี้ตนเองเข้าใจแล้ว
การมาของบวรวิทย์ทำให้นฤเบศร์รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เขาถามบวรวิทย์ว่า “ทำไม พ่อของคุณถึงไม่มา?”
“พ่อไม่ค่อยสบาย ก็เลยให้ผมมาแทน คุณลุง หรือว่าคุณลุงไม่ต้อนรับครับ?”
บวรวิทย์ถามอย่างมีความหมาย สีหน้าของนฤเบศร์เปลี่ยนไป จากนั้นก็กลับมาเป็นปกติ และกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เสแสร้งว่า “จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร แค่รู้สึกว่าเสียดายที่พ่อของคุณไม่มา”
“หรือว่าคุณลุงมีเรื่องอะไรจะบอกกับพ่อผม? ผมสามารถตัดสินใจแทนได้ ถ้ามีธุระจริง ๆ คุณลุงบอกผมก็ได้”
นฤเบศร์ยิ้มจาง ๆ ไม่พูดอะไร
เขาสันนิษฐานอยู่ในใจว่า ที่เทวเทพไม่มานั้นต้องเป็นเพราะว่าเขากลัวแน่นอน ในเมื่อพวกเขามีการป้องกันไว้แล้ว ถ้าครั้งนี้อยากจะกำจัดบวรวิทย์และคนอื่น ๆ อาจจะไม่ง่าย
เขามองไปที่รพีพงษ์ที่นั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่ง รพีพงษ์เป็นคนที่จัดการยากกว่าบวรวิทย์อีก ซึ่งมีนันท์ธรนั่งอยู่ข้างรพีพงษ์
นฤเบศร์กัดฟัน และสาปแช่งอยู่ในใจว่าพวกเขาช่างขี้ขลาดตาขาว แม้ว่าพวกเขาจะเตรียมตัวมาอย่างดี ก็จะไม่ยอมปล่อยคนที่ตนเองต้องการฆ่าไปง่าย ๆ
รพีพงษ์เหลือบมองนันท์ธร เห็นนันท์ธรดื่มกินอย่างเต็มที่ ทำให้เขายิ้มด้วยความจำใจ
นันท์ธรไม่ใช่คนที่โง่เขลา รู้ว่านฤเบศร์ไม่กล้าวางยาพิษในงานเลี้ยงนี้แน่นอน อีกสักครู่จะต้องต่อสู้กันแล้ว กินอิ่มแล้วถึงจะมีแรงต่อสู้
เมื่อนันท์ธรเห็นว่ารพีพงษ์มองมาที่ตนเอง จึงชี้ขาหมูที่อยู่บนโต๊ะแล้วกล่าวว่า “กินสิ คุณจะนั่งเซ่ออยู่ทำไม?”
“ผมไม่หิว”
เขาถือแก้วเหล้าอยู่ในมือ เฝ้าดูสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวอย่างเงียบ ๆ
คนที่อยู่ที่นี่ไม่มีใครรู้ว่า เวลานี้พวกเขาอยู่ภายใต้การควบคุมขององครักษ์ตระกูลพิมพ์สารแล้ว พวกเขายังพูดคุยหัวเราะ และรับประทานอาหารอย่างมีความสุข
อีกสักครู่ถ้าต่อสู้จริงกัน ๆ กระบี่นั้นไร้ตา อาจทำร้ายผู้บริสุทธิ์มันก็ถือเป็นเรื่องปกติ เป้าหมายของนฤเบศร์คือตนเอง บวรวิทย์และคนอื่น ๆ ตอนนี้ทุกคนไม่สามารถแยกย้ายกัน มันจะทำให้คนของนฤเบศร์มีโอกาสแอบลงมือได้
ขณะนี้เอง ได้ยินเสียงคนกล่าวกับบวรวิทย์ว่า “คุณชายบวรวิทย์ ได้ยินมาว่าคุณรู้จักเพื่อนใหม่ คนที่นี่ส่วนใหญ่เป็นรุ่นอาวุโส พวกเราเห็นคุณมาตั้งแต่เล็กจนโต ได้ยินว่าเพื่อนของคุณมีพรสวรรค์เป็นอย่างมาก และเหนือกว่าคุณอีกด้วย ทำไมไม่แนะนำให้พวกเรารู้จักบ้าง?”
บวรวิทย์ขมวดคิ้วแล้วมองคนที่กล่าว เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าผู้ชายคนนี้กำลังยั่วยุ และผู้ชายคนนี้ก็เมาหนัก
เขามองไปที่รพีพงษ์ โดยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เพราะเขากลัวว่ารพีพงษ์จะถือสา
เพื่อไม่ให้บวรวิทย์ต้องลำบากใจ รพีพงษ์จึงลุกขึ้น อย่างไรทุกคนก็อยู่ด้วยกัน ชายชราพุงใหญ่ยืนโซเซ เห็นได้ชัดว่าแล้วไม่บรรลุเป้าหมายเขาจะไม่ยอมเลิกรา ถ้าตนเองไม่ออกไป เขาจะต้องพูดก่อกวนอยู่ตลอด แล้วจะทำให้สถานการณ์โกลาหลแน่นอน
นฤเบศร์อยากจะให้สถานการณ์ชุลมุนวุ่นวายเป็นอย่างมาก ถ้าเกิดการต่อสู้ได้จะเป็นการดีที่สุด ตอนนี้มีคนเมาเหล้าอยู่ไม่น้อย ต่างคนต่างพูดเดี๋ยวก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ จากนั้นถ้าเกิดการต่อสู้มันก็สมเหตุสมผล
“ผมก็คือพี่น้องของบวรวิทย์ พวกเรามีพรสวรรค์ที่ดี แต่ต่อหน้าผู้อาวุโสแล้วแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน ข่าวลือภายนอกนั้นเกินจริงไม่มากก็น้อย ฟังแล้วก็ให้มันผ่านไป ไม่สามารถคิดจริงจังได้”
สิ่งที่รพีพงษ์พูดนั้นเป็นความจริง คำพูดนี้ทำให้เสียงรอบข้างค่อย ๆ เงียบลง นฤเบศร์เดินไปข้างหน้าและกล่าวว่า “คุณชายรพี มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก และหลายคนรู้จักคุณ ความจริงแล้วผมอยากรู้มาตลอดว่า ถ้าคุณชายรพีประลองกับบวรวิทย์แล้วใครจะเก่งกว่ากัน?”
เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นซ่อนความชั่วร้ายเอาไว้!
เขาจงใจยั่วยุให้เกิดข้อพิพาทระหว่างรพีพงษ์และบวรวิทย์ แล้วตนเองนั่งดูอยู่ข้าง ๆ
หลังจากได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของจิรันดน์ไม่สู้ดีนัก เขารีบอธิบายให้บวรวิทย์ฟังอย่างรวดเร็วว่า “พ่อของผมไม่ได้ตั้งใจพูด อย่าไปใส่ใจ”
จิรันดน์กล่าวอย่างไม่มั่นใจ เพราะรู้ว่าพ่อตนเองไม่ชอบบวรวิทย์ ที่เชิญพวกเขามาคราวนี้มันเป็นเรื่องของหน้าตา
ทุกคนที่อยู่ที่นี่อยากให้พวกเขาสองคนประลอง ดูว่าใครจะเก่งกว่ากัน
ทันใดนั้นบรรยากาศก็มีชีวิตชีวาขึ้นมา พวกเขาคอยเร่งรพีพงษ์และบวรวิทย์
นันท์ธรเลิกกินน่องไก่ แล้วโยนน่องไก่ทิ้งลงบนพื้น จากนั้นก็ยืนขึ้น เขาเป็นคนอ้วนและตัวใหญ่มาก ซึ่งสามารถดึงดูดความสนใจของทุกคนได้
นันท์ธรมองนฤเบศร์อย่างไม่พอใจ “ถ้าคุณเชิญพวกเรามา พวกเราก็ถือว่าเป็นแขก ตระกูลพิมพ์สารของคุณ ไม่มีมิตรไมตรีในการเป็นเจ้าภาพ คุณมันหน้าซื่อใจคด คุณชายสองคนของพวกเราไม่ใช่คนที่คุณเชิญมาเล่นตลก คุณพูดจาไม่มีระดับ ไม่ว่าเขาสองคนใครจะเก่งกว่ากัน แต่ก็ไม่แพ้ลูกชายคุณแน่นอน คุณคิดว่าเป็นเช่นนั้นไหม?”
สีหน้าของนฤเบศร์เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม และทุกคนที่พูดก่อกวนก็เงียบทันที ทำอย่างนี้มันไม่เหมาะสมจริง ๆ นฤเบศร์มองไปที่นันท์ธรอย่างเย็นชา กำหมัดไว้แน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ
ทุกคนทำเฉยเมยและเงียบสงบ แต่ต่างคนก็มีความคิดของตนเอง
บางคนได้สัมผัสถึงความปั่นป่วนในความมืดแล้ว และครั้งนี้อาจไม่คลี่คลายได้ง่ายๆ
ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างรพีพงษ์กล่าวว่า “ตระกูลภูสรีดาวและตระกูลพิมพ์สารอยู่ที่นี่ แต่ทำไมไม่เห็นตระกูลเยอซอ?”
พวกเขาทั้งหมดมาจากแดนไกล และได้รับข่าวว่าตระกูลภูสรีดาวและตระกูลพิมพ์สารอยู่ที่นี่ด้วย ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกสงสัย
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หรือว่าตอนนี้เกิดเรื่องกับตระกูลเยอซอ และว่ากันว่าปริตรไม่มีผลการฝึกตน ท่าจะไม่ดีเสียแล้ว ตอนนี้ในเมืองแฟรี่ก็มีเพียงตระกูลภูสรีดาวและตระกูลพิมพ์สารเท่านั้นที่มีอิทธิพล
ทั้งสองตระกูลไม่ลงรอยกัน และในงานเลี้ยงเล็ก ๆ นี้ก็สามารถมองออกว่ามีปัญหา และมองเห็นระดับความสัมพันธ์ที่ไม่ดี
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขามากนัก พวกเขาควรดื่มกินตามปกติ ถ้าในเรื่องธุรกิจ พวกเขาอาจจะสามารถพูดหนึ่งหรือสองประโยคได้ แต่ถ้าเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทางการเมืองอย่าเข้าไปยุ่งจะดีกว่า
เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ ตระกูลเยอซอล่มสลาย ตระกูลภูสรีดาวและตระกูลพิมพ์สารกำลังต่อสู้กัน ดูว่าสุดท้ายใครจะเป็นผู้ชนะ
ทุกคนรู้ว่าการต่อสู้ใหญ่คราวก่อน ตระกูลพิมพ์สารได้ไปพึ่งพาอาศัยนรเทพ และขณะนี้นรเทพกำลังพักฟื้นอยู่ในตระกูลพิมพ์สาร ชัยชนะสุดท้ายน่าจะเป็นของตระกูลพิมพ์สาร
ถึงแม้ว่านรเทพพ่ายแพ้ แต่ชื่อเสียงก็ยังคงอยู่ ใครจะกล้าเฉยเมย?
คนที่อยู่ที่นี่ ไม่มีใครเชื่อว่านรเทพจะพ่ายแพ้
ถึงแม้ว่านรเทพจะพ่ายแพ้ ก็น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ คนที่สู้กับนรเทพนั้นถือว่าโชคดี พวกเขาคิดว่า คนที่แข็งแกร่งถึงตกทุกข์ได้ยากแต่ก็ยังดีกว่าพวกคนที่เพิ่งมีอำนาจ
เพราะในมือของนรเทพยังมีทหารอีกจำนวนมาก ขอแค่คนยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาก็สามารถหวนกลับมาเป็นใหญ่อีกครั้งได้ทุกเมื่อ
ในงานเลี้ยงบรรดาเพื่อนที่ไม่พบปะมาหลายปีพูดถึงความรู้สึกโหยหา ต่างคนต่างพูดเรื่องต่าง ๆ นานา ขณะที่รพีพงษ์มองไปที่มุมทางตะวันตกเฉียงใต้ มีถุงโรสแมรีห่อหนึ่งค่อย ๆ คลายออก
มีแนวป้องกันอยู่เหนือศีรษะ และสูงกว่านั้นเป็นตาข่ายขนาดใหญ่
แผนเล็กเหล่านี้ไม่สามารถลอดพ้นสายตาของเขาได้ เขาจะคอยดูว่า ตระกูลพิมพ์สารมีความสามารถแค่ไหนถึงคิดจะจับทุกคนที่อยู่ในที่นี้
ระดับผลการฝึกตนของผู้คนที่อยู่ที่นี่ไม่ต่ำ แต่เนื่องจากพวกเขาไม่ได้สังเกตอย่างระมัดระวัง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ถึงความอันตรายของที่นี่