พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1589 ทำลายผลการฝึกตน
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1589 ทำลายผลการฝึกตน
ปัณฑาไม่อยากคิดถึงเรื่องราวในอดีต เธอจึงทำได้เพียงหลีกเลี่ยงคำถามของผลิน
ด้วยความช่วยเหลือจากจิรันดน์ ทำให้บวรวิทย์และคนอื่นๆ สามารถออกจากตระกูลพิมพ์สาร และกลับไปยังตระกูลภูสรีดาวทันที ตอนนี้ตระกูลภูสรีดาวเป็นสถานที่แห่งเดียวที่จะไปได้ และแม้แต่นราธิปก็มาจากภูเขาสองกระบี่
ความสามารถของรพีพงษ์ไม่ด้อย สามารถพ้นจากมือของนฤเบศร์ได้อย่างแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กังวล
มีแต่ปัณฑาที่รู้สึกไม่มีความสุข เมื่อมาถึงตระกูลพิมพ์สาร ผลินก็ไม่สบายใจเช่นกัน ตราบใดที่เธอไม่เห็นรพีพงษ์ เธอก็จะเป็นกังวล
เธอเดินไปเดินมาอยู่ตรงหน้าปัณฑา ปัณฑาบ่นพึมพำว่า “ถ้ารพีพงษ์เกิดเรื่องจริง ถึงคุณเดินไปเดินมาจนขาหักมันก็ไร้ประโยชน์ คุณนั่งดี ๆไม่ได้หรือ?”
“ยังไงคุณกับรพีพงษ์ก็มาด้วยกัน คุณช่างเป็นคนที่ร้ายหัวใจเสียจริง ตอนนี้รพีพงษ์อยู่คนเดียวในเขตอิทธิพลของคนอื่น หัวเดียวกระเทียมลีบ ถ้ามีคนอื่นมาช่วยอีกฝ่าย งั้นพวกเราก็สิ้นหวังแล้ว”
ผลินคิดแต่ในแง่ร้าย ส่วนปัณฑาไม่มีอารมณ์ที่จะสนใจเธอ
ตอนนี้รพีพงษ์กำลังต่อสู้กับนฤเบศร์ และพลังของนฤเบศร์เกือบหมดแล้ว เขาจะอยู่ในสถานที่นี้ต่อไปเรื่อย ๆไม่ได้ ต้องหาทางออกให้ได้
รพีพงษ์รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ จึงพูดทำลายจินตนาการของเขาทันทีว่า “คุณไม่มีอะไรต้องคิด คุณตายใจเสียเถอะ วันนี้สิ่งเลวร้ายที่คุณทำมาทั้งหมดจะจบลงที่นี่คนที่คุณเคยฆ่าอยู่ในยมโลกก็จะได้รู้สึกสบายใจ คุณคิดว่าไงล่ะ?”
นฤเบศร์เยาะเย้ยอยู่ในใจ โบราณกล่าวไว้ว่า การทหารไม่เบื่อหน่ายกลอุบาย นั่นเป็นเพราะว่าโลกที่รพีพงษ์สร้างขึ้น แต่ถ้าหากตนเองออกไปได้มันก็ไม่แน่
“ผมไม่ยอม คุณคิดว่าผมจะแพ้ให้กับเด็กเปรตอย่างคุณหรือ? ถ้าเก่งจริงมาต่อสู้กับผมอีกครั้ง?” นฤเบศร์ใช้กระบี่ประคองร่างกายที่อ่อนแอของตนเอง รู้สึกว่าทุกสิ่งในโลกนี้กำลังกลืนกินพลังเทพของตนเอง
รพีพงษ์เอามือกอดอกตนเองไว้ ไหนเลยจะสนใจอะไรมากมายขนาดนั้น เขาจะไม่ฆ่านฤเบศร์ โดยคำนึงถึงความดีของลูกชายของเขา
แต่ก็จะไม่ปล่อยเขาไป รพีพงษ์เดินไปข้างนฤเบศร์ และกล่าวว่า “คุณมีระดับผลการฝึกตนสูงเช่นนี้ คุณนั้นไม่มีความจำเป็นต้องทำความชั่วเลย แต่ตอนนี้คุณไม่มีทางให้กลับแล้ว พวกเราไม่ลงรอยกัน และผมจะไม่ให้โอกาสคุณแก้แค้นคืน”
เมื่อได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ดวงตาของนฤเบศร์เผยให้เห็นถึงความหวาดกลัว และดูเหมือนว่าเขาจะคาดเดาการตัดสินใจของรพีพงษ์ได้
ผู้ฝึกเซียน ถ้าไม่มีผลการฝึกตน มันทรมานยิ่งกว่าตายเสียอีก
“รพีพงษ์ คุณคิดจะทำอะไร?”
“ทำลายผลการฝึกตนของคุณ ให้คุณกลายเป็นคนธรรมดา ใช้ชีวิตปกติกับลูกชายของคุณ”
รพีพงษ์เริ่มร่ายคาถา แสงจาง ๆ ล้อมรอบร่างกายของนฤเบศร์เอาไว้ และก็ย้ายผลการฝึกตนของเขาไปยังร่างกายของตนเองโดยตรงทันที
หลังจากนั้นไม่นาน รพีพงษ์ก็รู้สึกเบาราวกับนก ขณะที่นฤเบศร์นอนอยู่บนพื้นและหลับตานิ่ง เขาฝึกฝนมาทั้งชีวิต ไม่คาดคิดว่าจะถูกรพีพงษ์ทำลายจนไม่เหลือ
เขาไม่เต็มใจ สาบานว่าตราบใดที่เขายังมีลมหายใจ เขาจะไม่มีวันปล่อยรพีพงษ์ไปเด็ดขาด
รพีพงษ์รู้สึกถึงพลังจิตวิญญาณในร่างกายของตนเอง และผลการฝึกตนของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทะลวงไปถึงระดับแดนดวงจิต
“ผมจะไม่ปล่อยคุณไปเด็ดขาด รพีพงษ์ ผมแนะนำว่าทางที่ดีให้คุณฆ่าผมดีกว่า มิฉะนั้นต่อไปคุณจะต้องเสียใจแน่นอน”
“ผมฆ่าคุณไม่ได้ เพื่อเห็นแก่หน้าลูกชายคุณ เอาล่ะ ทุกอย่างจบลงแล้ว ผมจะพาคุณออกไป คุณไม่จำเป็นต้องเศร้าโศก เมื่อไม่มีผลการฝึกตน ตระกูลคุณนั้นทำธุรกิจเช่นกัน ชีวิตก็ไม่ลำบากอะไร คุณไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับลูกชายเถอะ”
หลังจากที่รพีพงษ์กล่าวจบ เขาโบกมือ แล้วก็ทำให้พวกเขาปรากฏตัวขึ้นในทางลับ รพีพงษ์ปล่อยพลังฝ่ามือทำให้ประตูหินเปิดออก และส่งนฤเบศร์ไปให้จิรันดน์โดยตรง
จิรันดน์มองพ่อตนเอง เห็นว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ จึงรีบเดินไปข้างหน้าและกล่าวว่า “ท่านพ่อ”
“เพี๊ยะ” นฤเบศร์ตบหน้าจิรันดน์ จิรันดน์มองนฤเบศร์อย่างไม่เชื่อสายตา ตั้งแต่เล็กจนโต นฤเบศร์ไม่เคยตีเขาเลยสักครั้ง
เมื่อก่อนถึงแม้ว่านฤเบศร์จะกล่าวโทษเขาเสมอ แต่ก็พูดเท่านั้น ไม่เคยลงมือตีเขาเลยสักครั้ง
“ท่านพ่อ!” เขาคุกเข่าลงบนพื้น
“ผมไม่อาจเห็นบวรวิทย์ตายได้ พวกเราเป็นเพื่อนเล่นในวัยเด็ก และเขาสัญญากับผมว่าจะไม่ฆ่าท่านพ่อ”
รพีพงษ์มองจิรันดน์แวบหนึ่ง และกล่าวตามตรงว่า “พ่อของคุณไม่มีผลการฝึกตนแล้ว ตอนนี้เป็นเพียงคนธรรมดา ต่อไปดูแลเขาให้ดี”
จิรันดน์หันไปมองรพีพงษ์ แต่รพีพงษ์ก็ไม่ได้อยู่นาน พอพูดเสร็จก็เดินจากไป
สายตาของจิรันดน์มองไปที่นฤเบศร์อีกครั้ง นฤเบศร์ถ่อสังขารที่อ่อนแอเดินไปที่ห้องของตนเองทีละก้าว
เขาถามจิรันดน์ในขณะที่กำลังเดิน “ลูกรู้ไหมว่า สิ่งที่พ่อใส่ใจมากที่สุดในชีวิตคืออะไร? ”
จิรันดน์ส่ายศีรษะ รู้ว่าพ่อของตนเองหมกมุ่นอยู่กับการฝึกมาตลอด หรือว่าจะเป็นผลการฝึกตน?
จิรันดน์รู้สึกขมขื่น และกล่าวว่า “ท่านพ่อ ไม่มีผลการฝึกตนมันก็ดี ทุกครั้งที่ลูกเห็นห้องอ่านหนังสือของท่านพ่อล้อมรอบด้วยพลังสีดำ ก็รู้สึกกังวลใจ ตอนนี้ดีแล้ว ทุกอย่างได้รับการแก้ไขแล้ว พ่อไม่ต้องถูกพวกพลังมารทำร้ายอีก”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ นฤเบศร์อดไม่ได้จนน้ำตาไหล และเขาก็ปาดน้ำตา “ในช่วงชีวิตของพ่อ พ่อฝึกฝนมาจนถึงจุดนี้แต่ก็ถูกทำลายจนไม่เหลืออะไร และความหวังทั้งหมดก็พังทลาย จิรันดน์ ลูกต้องสืบทอดเจตนารมณ์ของพ่อ เข้าใจไหม! ปริตรมีคัมภีร์ลับอยู่ในมือ ขอแค่ลูกหาปริตรเจอ แล้วได้คัมภีร์ลับนั้นมา ลูกก็สามารถฝึกฝนได้ เมื่อถึงเวลานั้น ไม่ว่ารพีพงษ์หรือบวรวิทย์ พวกเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของลูกเลย”
จิรันดน์รู้สึกจำใจ เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว แต่พ่อของเขายังไม่ยอมตื่น คิดแต่เรื่องคัมภีร์ลับเท่านั้น?
เขาไม่มีพรสวรรค์การฝึก และไม่สามารถทนต่อความยากลำบากได้ เขาแค่อยากใช้มีชีวิตธรรมดาเท่านั้น
จิรันดน์รู้ว่า ตนเองไม่สามารถฝึกฝนได้ และจะไม่ไปแย่งคัมภีร์ลับจากปริตร เมื่อพิจารณาว่าสถานะปัจจุบันของนฤเบศร์ ก็เลยรับปากว่า “ท่านพ่อ ผมจะเชื่อฟังท่าน ท่านพ่อพูดถูก ถ้าผมไม่มีผลการฝึกตนจะต้องถูกคนอื่นรังแก ผมจะตั้งใจฝึกฝนอย่างดีแน่นอน”
นฤเบศร์ยิ้มอย่างสบายใจ ตอนนี้เขาเป็นคนไร้ประโยชน์ และไม่สามารถปกป้องจิรันดน์ได้อีกแล้ว
ถ้าจิรันดน์ไม่มีความสามารถในการปกป้องตัวเอง ออกไปข้างนอกแล้วถูกคนอื่นรังแก ตนเองในฐานะพ่อจะรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น
เมื่อรพีพงษ์มาถึงตระกูลภูสรีดาว บวรวิทย์และคนอื่น ๆ ได้เตรียมอาหารและเครื่องดื่มไว้แล้ว และกำลังรอให้รพีพงษ์กลับมา
เมื่อเห็นรพีพงษ์เดินเข้ามา ผลินเดินไปข้างหน้า มองสำรวจรพีพงษ์จากหัวจรดเท้า และกล่าวว่า “ฉันคิดแล้วว่า คุณจะต้องไม่เป็นไร นฤเบศร์เป็นอย่างไรบ้าง?”
สิ่งที่ผลินถามก็คือสิ่งที่บวรวิทย์อยากถามเช่นกัน รพีพงษ์อธิบายสถานการณ์อีกครั้ง ทำให้บวรวิทย์ยิ้มด้วยความโล่งใจ
บวรวิทย์กล่าวว่า “เมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องวุ่นวายพวกนั้นก็จะไม่เกิดขึ้นอีก พวกเราจะมีศัตรูน้อยลงไปอีกหนึ่งคน ไปกินข้าวกันก่อนแล้วค่อยไปพบนรเทพ”
ทุกคนอยู่ที่นั่น แต่รพีพงษ์ไม่เห็นปัณฑา จึงขมวดคิ้ว แล้วถามว่าปัณฑาหายไปไหน?
เขาถามผลินว่า “ปัณฑาล่ะ? เธออยู่ที่ไหน?”
“อยู่ที่นั่น………” ผลินมองไปยังมุมที่ปัณฑานั่งเมื่อสักครู่ แล้วกล่าวพึมพำ “เมื่อสักครู่ก็ยังอยู่ที่นั่น แต่ตอนนี้ไปไหนแล้ว?”