พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1601 เอาวิญญาณมาได้
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1601 เอาวิญญาณมาได้
รพีพงษ์ยิ้มเบาๆ ยิ้มอย่างมีความสุข พูดกล่าว : “เธอก็คือคู่ครองที่ลงตัวของฉัน นอกจากเธอแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถเข้ามาอยู่ในหัวใจของฉันได้อีก”
ยัยหิมะแสดงออกมาว่าตัวเองอิจฉาผู้หญิงคนนั้นมากจริงๆ สามารถหาสามีที่ดีได้ขนาดนี้ เขาชื่นชมรพีพงษ์ว่าดีทั้งต่อหน้าและลับหลัง
รพีพงษ์ก็ไม่ใช่คนโง่ คำพูดแบบนี้แน่นอนว่าฟังอย่างเข้าใจอยู่แล้ว แต่สำหรับภรรยาของตัวเอง ไม่เพียงแค่เคารพรัก ยังมีความรับผิดชอบของความเป็นสามี และความรับผิดชอบของความเป็นพ่อ
ยิ่งไปกว่านั้น อารียาอยู่คนเดียว แล้วก็ดูแลลูกอีกหนึ่งคน ใครจะไปรู้ว่าเธอต้องได้รับความไม่เป็นธรรมมากแค่ไหน?
ยัยหิมะพวกเขาอยู่ที่ตำหนักอ๋อง บวรวิทย์ที่อยู่อีกฝั่งเดินมาหารพีพงษ์ ก็ไม่รู้ว่าในใจของรพีพงษ์มีแผนการอย่างไร
“คุณคิดยังไงเหรอ?ตอนนี้ได้ต้นคงจิตมาอยู่ในมือแล้ว จะต้องไปหาอาจารย์ของฉันใช่ไหม?”
“ฉันคิดอะไรอยู่คุณก็เดาได้ทั้งหมดแล้ว ตอนนี้นรเทพก็เป็นแค่เศษสวะ เหตุผลเดียวที่ไว้ชีวิตของเขาก็เพราะวิญญาณของลูกสาวฉันอยู่ในร่างกายของเขา ขอเพียงแค่สามารถนำวิญญาณของลูกสาวออกมาได้ ประหารชีวิต(5ม้าแยกศพ) เขาก็ไม่ใช่เรื่องที่เกินไป”
รพีพงษ์และบวรวิทย์ตอนนี้เป็นพี่น้องที่ผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน บวรวิทย์ตัดสินใจ ไม่ว่ารพีพงษ์คิดจะทำอะไร เขาก็จะสนับสนุนให้ถึงที่สุด
บวรวิทย์พยักหน้า ตอนนี้นรเทพยังมีค่าที่จะหลอกใช้ประโยชน์ได้ ออกไปอยู่ในกำมือของเหล่าทหารของเขาจริงๆ เกรงว่ามีโอกาสมากที่จะเป็นแค่หุ่นเชิด
“คุณพูดถูก เหล่าทหารนั่นของนรเทพไม่มีอะไรนอกจากอยากให้นรเทพยังมีชีวิตอยู่ แต่ถ้าหากนรเทพตายไปแล้ว พวกเขาก็ไม่ใช่คนโง่ ที่จะมาล่วงเกินพวกเรา เพียงเพราะศพๆหนึ่งแล้วต้องทำให้เหล่าสหายได้รับบาดเจ็บ” บวรวิทย์พูดวิเคราะห์
สหายทั้งสองคนพูดคุยกันแล้ว รพีพงษ์ก็ออกเดินทางไปยังภูเขาสองกระบี่
นราธิปยืนอยู่บนยอดภูเขา เขารู้ว่ารพีพงษ์จะมาที่นี่ รอเขาอยู่พักหนึ่งแล้ว ช่วงเวลาที่เขาจากไป ในโลกก็เกิดเรื่องขึ้นไม่น้อยเลย
สักวันเขาก็ต้องรู้ เรื่องเหล่านี้ก็ไม่มีใครที่จะช่วยเหลือเขาได้ คนนั้นหายตัวไปกว่าหลายปีแล้ว ตอนนี้มีลางสังหรณ์แปลกๆ หรือว่าจะปรากฏตัวออกมาใหม่งั้นเหรอ?
นราธิปคิดไว้เรียบร้อยแล้วว่าจะควบคุมสวรรค์ยังไง แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดนี้ทำให้เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีไปชั่วครู่หนึ่ง
รพีพงษ์มาอยู่ข้างกายของนราธิป หยิบต้นคงจิตออกมา พูดกล่าว : “ฉันคิดไม่ถึงว่าจะเอามาได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ ตอนนี้ขาดเพียงแค่การช่วยเหลือของคุณแล้ว”
“รพีพงษ์ ถ้าหากว่า ถ้าหากฉันบอกคุณ แม้ว่าคุณจะเอาวิญญาณออกมาได้ ทำแบบนี้ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตลูกสาวของคุณได้ คุณจะทำยังไง?”
รพีพงษ์ตกตะลึง รู้ว่าข้างในนี้จะต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ เขายังคงฝืนใจยิ้มออกมา : “ขอเพียงแค่ทำในสิ่งที่ควรทำหมดแล้ว ไม่มีทางที่จะช่วยกลับมาไม่ได้”
นราธิปรู้ความดื้อรั้นของเขาดี เขาต้องการให้นราธิปช่วยเหลืออะไร ก่อนหน้าที่นราธิปก็รับปากเขาไว้ ไปก็พอแล้ว
ในเมื่อรพีพงษ์มีความแน่วแน่นี้ ไม่ว่าผลสุดท้ายจะเป็นเช่นไร งั้นก็ไม่สำคัญแล้ว
นราธิปไปยังตำหนักอ๋องพร้อมกันกับรพีพงษ์ รพีพงษ์กลัดกลุ้มใจตลอดทั้งทาง รู้สึกอึดอัดใจ นราธิปเป็นคนที่ไม่ชอบพูดจาเหลวไหล สิ่งที่เขาพูดกับตัวเองเมื่อกี้นี้เห็นได้ชัดว่ามีความหมายซ่อนอยู่ในคำพูด
หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับหนูลินเด็กคนนั้นงั้นเหรอ?
ถึงตำหนักอ๋องอย่างรวดเร็ว ในเวลานี้ตำหนักอ๋องถูกคนรายล้อมไว้แล้ว รพีพงษ์มองดูจากรอบนอก ไม่ได้เดินเข้าไปทางประตูหลักเลย
นราธิปยิ้มอย่างเยือกเย็น : “พวกเขาช่างมีความจงรักภักดีเสียจริงๆ ทำเพื่อเจ้านายของตัวเอง”
“ภักดีหรือไม่นั้นไม่สำคัญ หลังจากที่เจ้านายเสียชีวิตแล้วคนที่ภักดีก็จะปล่อยวางสิ่งที่ยึดมั่นไว้” รพีพงษ์ได้คิดพิจารณาในใจแล้ว ไม่ได้สนใจพวกทหารเหล่านี้เลย
นราธิปปีนกำแพงเข้าไปพร้อมกับรพีพงษ์ เข้าไปพบกับนรเทพโดยตรงเลย
นรเทพคิดไม่ถึงว่า พวกเขาจะมีความกล้ามากขนาดนี้ ในใจของนรเทพค่อนข้างตกใจ มองไปยังนราธิปด้วยความโกรธ
“ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์จะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แกก็ไม่มีความจำเป็นต้องรีบฆ่าฉันให้สิ้นซาก นราธิป ถ้าหากตอนนี้แกรู้แล้วหันหลังกลับไป ฉันจะปล่อยแกไป”
นราธิปยิ้มเบาๆ ถามเขา : “แกคิดว่าตอนนี้แกยังมีสิทธิ์ที่จะมาพูดยื่นข้อเสนอให้กับฉันงั้นเหรอ?เพราะเหล่าทหารที่อยู่ข้างนอกนั่น?”
“พวกเขาล้วนเป็นทหารไร้ชีพทั้งนั้น ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับฉัน ทั่วทั้งเมืองแฟรี่ก็จะต้องประสบหายนะ”
นรเทพพูดจาเชื่อมั่นในตัวเองอย่างมาก นราธิปยิ้มอย่างเยือกเย็นพร้อมเอ่ยพูดว่า : “นรเทพนะนรเทพ กระทั่งมาถึงตอนนี้แล้ว แกก็ยังมั่นใจในตัวเองเช่นนี้ แกยังคงไม่รู้สถานะของตัวเอง ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าแกดื้อรั้นและมั่นใจในตัวเอง รู้สึกว่าในโลกนี้ไม่มีใครมาเปรียบเทียบกับตัวเองได้ จะมีจุดจบเช่นนี้ได้อย่างไร?”
สีหน้าของนรเทพเปลี่ยนไป สิ่งที่นราธิปพูดมานี้ล้วนเป็นความจริง แต่ว่าเขาก็ไม่มีทางยอมแพ้
ลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้ ถ้าหากนราธิปอยากจะยืมใช้โอกาสนี้ฆ่าเขา เขาไม่พูดตำหนิแม้แต่น้อย แต่ถ้าหากดูถูกเขา นราธิปไม่มีสิทธิ์นั้น
รพีพงษ์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ขอเพียงแค่มองนรเทพ ก็นึกถึงวิญญาณของลูกสาวที่อยู่ในร่างของเขา ถ้าหากเอาออกมาตอนนี้ได้ ก็จะได้จัดการเขาให้สิ้นซากเลย
มือและเท้าของนรเทพถูกล่ามเอาไว้ ระหว่างข้อมือและข้อเท้าบดถูจนเกิดคราบเลือดแล้ว แล้วยังมีผิวที่ด้านหนาเป็นชั้นๆ
รพีพงษ์และนราธิปคนหนึ่งอยู่หน้า คนหนึ่งอยู่หลัง นั่งลงบนพื้น ร่วมแรงร่วมใจกันส่งพลังลมปราณไปยังนรเทพ นรเทพรู้สึกเพียงแค่ว่าวิญญาณของเขาใกล้จะถูกฉีกขาดแล้ว เขาเจ็บปวดมาก ไม่เปล่งเสียงออกมาเลย
ในฐานะที่เป็นกษัตริย์ ก็จะต้องมีศักดิ์ศรีของกษัตริย์ ในระหว่างนั้น นรเทพหัวเราะฮ่าๆๆ : “แม้ว่าพวกแกจะพยายามอย่างมากเพื่อที่จะฆ่าฉัน กลับว่าไม่รู้เลยว่าเบื้องหลังของฉันยังมีคนอื่นอีก ฉันไม่ตายง่ายๆขนาดนั้นหรอกนะ พวกแกดูถูกฉันเกินไปแล้ว”
รพีพงษ์คิดว่าเขาคิดเพ้อเจ้อไปเลย มาถึงขั้นนี้แล้ว แม้ว่าจะยอมแพ้แล้วจะยังไงกันเชียว?
รพีพงษ์คิดว่า พ่ายแพ้ให้กับตัวเองก็แค่เสียหน้า แต่พ่ายแพ้ให้กับนราธิปก็เป็นเรื่องของศักดิ์ศรีอย่างมาก
บนศีรษะของนรเทพมีไอสีดำ วิญญาณกว่าหลายดวงในร่างกายกำลังต่อสู้กันอยู่ เห็นเพียงแค่เหงื่อของเขาที่ค่อยๆไหลออกมา ยิ่งนานเขาก็ยิ่งจะไร้เรี่ยวแรง และก็ไม่สามารถทะเลาะวิวาทกับพวกรพีพงษ์ได้เลย
รพีพงษ์ขมวดคิ้ว ทำไมเห็นเพียงวิญญาณของเขา?และก็ไม่เห็นวิญญาณของลูกสาวตัวเองเลยล่ะ?
“อาจารย์ธิป วิญญาณของลูกสาวฉันถูกเขาดูดซับไปแล้วงั้นเหรอ?ทำไมฉันถึงมองไม่เห็นเงาร่างของหนูน้อยนั่นเลยล่ะ?”
นราธิปพูดว่า : “ยังไม่ถึงนาทีสุดท้าย ก็ห้ามยอมแพ้เด็ดขาด วิญญาณของลูกสาวคุณและวิญญาณในตัวของนรเทพเองเดิมทีก็เข้ากันไม่ได้อยู่แล้ว เอาต้นคงจิตออกมา!”
รพีพงษ์รีบเอาต้นคงจิตออกมา นราธิปร่ายมนตร์บนต้นคงจิต รพีพงษ์เห็นเพียงเงาร่างหนึ่งเหมือนว่าเป็นหนูลิน
มีความสุขขึ้นมาทันที ความยุ่งยากทั้งหมดนี้คุ้มค่าแล้ว อย่างน้อยในเวลานี้ก็เห็นความหวังแล้ว
วิญญาณที่อยู่ในร่างกายของนรเทพกำลังต่อต้าน ไม่ยินยอมที่จะปล่อยวิญญาณของเด็กออกมา แต่พลังเทพที่อยู่ในต้นคงจิตนั่นค่อยๆแทรกซึมเข้าไป ต่อให้วิญญาณในร่างกายของนรเทพจะไม่ยินยอมก็ตาม วิญญาณของเด็กก็อยู่บนต้นคงจิตนั่นแล้ว
เมื่อได้วิญญาณมาแล้ว รพีพงษ์และนราธิปก็หยุดลงพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ร่างกายของนรเทพไม่ได้รับการประคองไว้อีกแล้วล้มลงกับพื้นเลย
นัยน์ตาของนรเทพล้วนมีแต่ความเกลียดชัง ถ้าหากว่าสายตาสามารถฆ่าคนให้ตายได้ เกรงว่านราธิปและรพีพงษ์จะเจ็บปวดขั้นสุดแล้ว
ร่างกายของนรเทพคืบคลานอยู่กับพื้น เอ่ยถามรพีพงษ์อย่างไม่เต็มใจว่า : “แกได้วิญญาณของลูกสาวไปแล้ว ทำไมถึงไม่ฆ่าฉันให้ตาย เรื่องทุกอย่างจะได้สิ้นสุดลง? ”