พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1602 ฆ่าเพียงครั้งเดียวสบายตลอดไป
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1602 ฆ่าเพียงครั้งเดียวสบายตลอดไป
รพีพงษ์มองไปยังนรเทพอย่างมีความหมายที่ลึกซึ้ง ยิ้มพร้อมพูดกล่าว : “ตายน่ะง่ายมาก มีชีวิตอยู่เหมือนว่าจะยากลำบากกว่านะ”
เมื่อนรเทพได้ยินประโยคนี้ รู้สึกเหมือนว่าตัวเองจะได้รับการดูถูกอย่างมาก ไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้กับตัวเองมาก่อนเลย วันนี้เสือร่วงสู่พื้นที่ราบ พวกเขาทำยังไง ตัวเองไม่สามารถควบคุมได้เลย ถูกคนเหยียดหยามก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
นราธิปที่อยู่อีกฝั่งถอนหายใจอย่างจนใจ มองไปยังสภาพแวดล้อมของเส้นทางที่ลึกลับ สภาพแวดล้อมของเส้นทางลึกลับนี้ เย็นและเปียกชื้น หนูและแมลงสาบวิ่งให้เกลื่อน
นรเทพใช้ชีวิตที่มีเกียรติมั่งคั่งและร่ำรวยมาตลอด ได้รับความไม่เป็นธรรมแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
คนที่ทำเรื่องเลวๆไว้มาก สุดท้ายผลกรรมก็ต้องตามมา นรเทพก็เป็นแบบนี้ ขอเพียงแค่เขามีจิตใจที่ดีหน่อย ไม่ได้ทำเรื่องเลวๆขนาดนี้ ก็ไม่ถึงขนาดที่ว่าเป็นศัตรูกับทุกคน
ความไม่เป็นธรรมที่นรเทพได้รับตอนนี้ ยังอยู่ห่างไกลจากคนเหล่านั้นที่ถูกเขาฆ่าตาย มีสิทธิ์อะไรที่จะน้อยใจว่าได้รับความไม่เป็นธรรมล่ะ?
บนตัวของนรเทพลากจูงด้วยโซ่เหล็กที่หนักมาก สิ้นหวังอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
แต่ว่า ในความสิ้นหวัง ในใจก็ยังมีความหวังอยู่บ้าง
เขาจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อ ขอเพียงแค่ยังมีชีวิตก็ยังมีความหวัง หากตายไปแล้วต่างหากถึงจะไม่มีความหวัง
รพีพงษ์และนราธิปอยู่ที่นี่ก็รู้สึกอึดอัด ออกไปเลย ยัยหิมะรออยู่ข้างนอกอยู่แล้ว เมื่อเห็นพวกรพีพงษ์เดินออกมา ยัยหิมะเดินเข้าไปถาม : “เป็นยังไงบ้าง วิญญาณของลูกสาวคุณได้มาแล้วยัง?”
“ได้มาแล้ว ฉันพยายามมาอย่างหนัก วันนี้วิญญาณมาอยู่ในมือของฉันแล้ว ทุกอย่างที่ทำมาทั้งหมดก่อนหน้านี้ล้วนแต่ตอบแทนกลับมาแล้ว คุ้มค่ามาก”
เมื่อรพีพงษ์พูด ใบหน้าก็เผยรอยยิ้ม ตอนนี้ก็รอเพียงแค่ตัวเองกลับไปรักษาหนูผลินให้หายดีเท่านั้น ครอบครัวก็จะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขแล้ว คนนอกจะเป็นอย่างไร เขาคงไม่ไปสนใจอะไรมากมายแล้ว
ยัยหิมะก็มีความสุข พูดกล่าว : “ในเมื่อนรเทพไม่มีประโยชน์แล้ว ทำไมถึงไม่ฆ่าเขาให้ตายซะ?”
“เขามีชีวิตอยู่ก็ยิ่งจะทุกข์ทรมานกว่านี้ไม่ใช่เหรอ?” รพีพงษ์เข้าใจความหมายของยัยหิมะ แต่ในใจของรพีพงษ์ก็รู้ดี ตอนนี้ยังฆ่านรเทพไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเมืองแฟรี่จะต้องวุ่นวายแน่
ทหารในเมืองแฟรี่ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นคนของนรเทพ ขอเพียงแค่นรเทพตาย ไม่สามารถควบคุมได้แน่นอน
หากพิจารณาจากภาพรวม ถึงแม้ว่านรเทพมีชีวิตอยู่ก็เป็นเพียงแค่เศษสวะ สู้รบไม่ได้ หรือไม่มีภัยคุกคามต่อรพีพงษ์เลย ตระกูลภูสรีดาวสามารถยืมการมีอยู่ของนรเทพในการควบคุมความสมดุลของเหล่าทหารที่อยู่ข้างนอกได้
แม้ว่านี่จะไม่ใช่แผนการระยะยาว ก็ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้แล้ว
ยัยหิมะได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ปากบอกว่ามีเหตุผล จริงๆแล้วในใจรู้สึกว่าไม่มีค่าพอให้ชายตามอง รพีพงษ์ประเมินค่านรเทพต่ำเกินไปแล้ว นรเทพไม่มีทางที่จะปล่อยเขาไปอย่างง่ายดายขนาดนั้น
แม้ว่าตอนนี้นรเทพจะไม่ไหวแล้ว พละกำลังลดลงอย่างมาก แต่ขอเพียงแค่ต่อไปฟื้นฟูกลับมาแล้ว การจู่โจมของนรเทพ เกรงว่าพวกรพีพงษ์จะไม่มีพละกำลังที่จะต่อสู้กลับได้
สิ่งที่จะต้องทำในตอนนี้มากที่สุดก็คือถอนรากถอนโคน สายตาของนราธิปมองไปยังยัยหิมะ ตอนนั้นเขาเคยเจอเด็กผู้หญิงคนนี้มาก่อน คิดไม่ถึงว่าหลายปีผ่านไป ยังคงไม่มีความจริงใจต่อนรเทพเลย
คนในครอบครัวของเธอล้วนแต่ตายในกำมือของนรเทพทั้งนั้น นี่ก็ไม่น่าแปลกใจเลย
เป็นเวลาเนิ่นนานแล้ว ยัยหิมะก็จำนราธิปไม่ได้แล้ว เพราะงั้นเลยไม่ได้ทักทายอะไร
นราธิปได้ช่วยเหลือตัวเองแล้ว ตอนนี้ถึงเวลากลับไปแล้ว เขามองไปยังรพีพงษ์พร้อมพูดกล่าว : “เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่สามารถช่วยคุณได้ตอนนี้ฉันก็ช่วยคุณแล้ว ถึงเวลาต้องกลับไปยังภูเขาสองกระบี่แล้ว”
เดิมทีรพีพงษ์คิดอยากจะถามแผนการของนราธิป แต่เมื่อนึกถึงภัยพิบัติที่เมืองแฟรี่ ต่อให้นราธิปจะมีความคิดมากมายแค่ไหนก็ต้องวางลง
พยักหน้าให้สัญญาณ รพีพงษ์ซาบซึ้งใจต่อนราธิปพร้อมพูดกล่าวว่า : “อาจารย์ธิป ขอบคุณคุณมาก ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ฉันคงไม่สามารถเอวิญญาณของลูกสาวออกมาได้เลย ฉันจะทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับคุณแน่นอน คุณวางใจได้ ”
นราธิปหันหน้าไปมองรพีพงษ์แวบหนึ่ง สูดลมหายใจเข้าลึก พูดกล่าว : “เรื่องหลังจากนี้ก็ค่อยว่ากัน ใครจะทราบเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดในอนาคตได้ล่ะ?”
คำพูดของเขาค่อนข้างแปลก รพีพงษ์ก็รู้สึกว่าแปลกๆ ก่อนหน้านี้คำพูดของนราธิปไม่ได้ผิดปกติมากขนาดนี้
หรือว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับหนูลินงั้นเหรอ?รพีพงษ์คิดในใจ แต่ก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้ ถ้าหากเกิดเรื่องขึ้นกับหนูลินจริงๆ ไม่มีทางที่ตัวเองจะไม่รู้สึกได้เลยสักนิด
ถึงแม้ว่าาคนที่ควบคุมหนูลินก็เพื่ออยากจะจัดการตัวเอง แต่ว่าตอนนี้รพีพงษ์ไม่ได้รับข่าวคราวเลยสักนิด ในใจก็ปฏิเสธเรื่องนี้ไปแล้ว
นราธิปไปยังภูเขาสองกระบี่เลย อยู่ที่ภูเขาสองกระบี่ถึงสามารถหาผืนดินที่บริสุทธิ์เจอได้ เรื่องภายนอกหากไม่สนใจได้ก็จะไม่สนใจ หากไม่ถึงทางเลือกสุดท้ายจริงๆ ไม่มีทางออกมาแน่นอน
ยัยหิมะที่อยู่อีกฝั่งพูดถามรพีพงษ์ : “ทุกอย่างก็จัดการเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้คุณจะไปจากที่นี่แล้วใช่ไหม?”
“ดูเหมือนว่าคุณจะรู้แล้ว?” รพีพงษ์ยิ้มพร้อมพูด เขาไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่นี่แล้ว มาที่นี่ก็เพื่อหาวิญญาณของหนูลินเท่านั้น ตอนนี้หาวิญญาณของหนูลินเจอแล้ว ภรรยาและลูกก็ยังรอเขาอยู่บนโลก
ยัยหิมะรีบพูดกล่าวว่า : “ฉันขอไปด้วยกับคุณได้ไหม ฉันไม่มีเพื่อนคนอื่น เจอคุณ ฉันคิดว่าคุณเป็นคนดีเลยทีเดียว ถ้าหากไม่ไปพร้อมกับคุณ ฉันก็ไม่มีที่อื่นให้ไป”
ถ้าหากมียัยหิมะอยู่ข้างกายตัวเอง งั้นต่อไปไม่ว่าตัวเองจะทำอะไร ก็จะต้องมีผู้ช่วยเพิ่มขึ้นอีกแรงแน่นอน
ตอบตกลงยัยหิมะ บอกว่าตอนที่ตัวเองไปจะพายัยหิมะไปด้วย ทันใดนั้นก็ไปหาบวรวิทย์เพื่อบอกลา บวรวิทย์เสียใจอย่างมาก ช่วงเวลาเหล่านี้ที่ได้อยู่ร่วมกับรพีพงษ์ รพีพงษ์เป็นคนที่ดีคนหนึ่งเลย
ถ้าหากมีโอกาส ตัวเองก็อยากลองไปดูสถานที่ที่รพีพงษ์ใช้ชีวิตดูบ้าง ว่าเป็นสถานที่แบบไหนถึงได้มีคนที่มีพรสวรรค์มากอย่างรพีพงษ์
เมื่อได้ยินว่ารพีพงษ์จะต้องจากไปแล้ว เทวเทพก็มาแล้ว รพีพงษ์เห็นเทวเทพ เรียกท่านอาวุโสอย่างมีมารยาทหนึ่งคำ
เทวเทพสีหน้าดำพูดกล่าว : “ตอนนี้คุณจะไปแล้ว แต่ว่าเรื่องของนรเทพยังไม่มีข้อสรุปเลย ทิ้งความวุ่นวายไว้ให้ตระกูลของเรามันไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่หรือเปล่า?”
รพีพงษ์ถูกว่าไปหนึ่งประโยคก็ถึงกับพูดไม่ออกเลย บวรวิทย์ที่ประนีประนอมอยู่ข้าง พูดกล่าว : “ผมกับรพีพงษ์เป็นพี่น้องกัน เรื่องนี้ผมจัดการเองได้”
เทวเทพจ้องมองไปยังบวรวิทย์แวบหนึ่ง พูดต่อเลยว่า : “มีรพีพงษ์อยู่ เรื่องนี้เดิมทีมันก็จัดการได้ยากอยู่แล้ว มีรพีพงษ์อยู่ อย่างน้อยก็มีคนช่วย เมื่อรพีพงษ์จากไปแล้ว ก็มีเพียงแกที่ต้องสู้อยู่เพียงผู้เดียว จะให้ฉันในฐานะที่เป็นพ่อวางใจได้อย่างไรกันล่ะ?”
เทวเทพรู้ ถ้าหากปล่อยนรเทพ งั้นหลังจากนั้นแก้แค้นตัวเองก็ไม่มีพละกำลังจะโต้ตอบได้เลย ถ้าหากไม่ปล่อยไป ทหารเหล่านั้นของนรเทพก็เฝ้ามองที่นี่อยู่ ทั้งวันทั้งคืน
คนที่มาขโมยก็ยังสามารถจัดการขโมยได้แต่ทว่าในใจคิดเพียงอยากจะขโมยแต่ไม่รู้ว่ามาเมื่อไหร่ งั้นก็ยิ่งจะเป็นกังวล เขาจำเป็นต้องจัดการครั้งเดียวให้สิ้นซาก
รพีพงษ์รู้ว่าในใจของเทวเทพเป็นกังวลอย่างมาก พูดถามเทวเทพว่า : “ท่านอาวุโส งั้นทางฝั่งคุณมีวิธีอะไรที่ดีบ้างไหม ถ้าหากมีวิธีที่ดี ฉันก็ยอมที่จะให้ความร่วมมือจนถึงที่สุด”
“ฆ่านรเทพเลย ทำงานหนักเพียงครั้งเดียวแต่สบายไปตลอดเป็นยังไง?” เทวเทพทำท่าทางปาดคอ ความเกลียดชังที่มีต่อนรเทพนั้นมีมากจนไม่อาจจะเพิ่มได้อีก
นึกถึงตอนที่บวรวิทย์เกือบจะตายในกำมือของนรเทพก็แทบอยากจะเอามีดหมื่นเล่มเชือดเฉือนไปยังนรเทพ
บวรวิทย์มองไปยังรพีพงษ์ อยากจถามความคิดเห็นของรพีพงษ์ รพีพงษ์แม้แต่คิดก็ไม่ได้คิดพูดปฏิเสธว่า : “ไม่ได้ ท่านอาวุโส เมื่อนรเทพตาย พวกเราก็จะไม่สามารถควบคุมความสมดุลของเหล่าทหารนั่นได้แล้ว ”
“เสียเวลายืดเยื้อ ทำไมไม่จัดการในคราวเดียวล่ะ ต่อไปหากต้องการจัดการก็จะยุ่งยาก ไม่มีอะไรสบายตาไปกว่าการฆ่านรเทพให้ตาย”