พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1614 ผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาด
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1614 ผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาด
รพีพงษ์ก็มองผลิน แล้วก็รู้สึกว่าไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว ก็เห็นอยู่ว่าเธอกลัว แต่ก็ยังจะอยู่ที่นี่ต่อ ไม่รู้เหมือนกันว่าในใจของเธอคิดอะไรอยู่ ตนเองก็ไม่ใช่แฟนที่คอยดูแลเธอเสียหน่อย เรื่องอื่นสามารถช่วยเธอได้ แต่เรื่องนี้ช่วยไม่ได้จริงๆ
แล้วก็มองผลิน พร้อมพูดว่า “เอาอย่างนี้ เดี๋ยวผมไปส่งคุณกลับไป ผมเห็นว่าคุณอยู่ที่นี่ก็ทรมานเปล่าๆ”
“ไม่ ฉันไม่อยากกลับไป ฉันกลับไป แล้วคุณอยู่ที่นี่ก็กลัวเหมือนกัน ฉันจะอยู่กับคุณที่นี่ จะแยกกับคุณไม่ได้”
รพีพงษ์ก็หลุดยิ้มออกมา ถ้าตนเองจะกลัวกับสิ่งพวกนี้ล่ะก็ จะยังมีชีวิตจนถึงตอนนี้งั้นหรือ?
เขารู้ว่าผลินไม่อยากกลับไป แต่ตอนกลางคืนอากาศมันเย็น เขาเองก็ไม่อยากให้ผลินมาอยู่เป็นเพื่อนตนเองแบบนี้ทั้งคืน
เดิมที่เมื่อครู่นี้ก็แค่ลองใจผลินดู ดูสิว่าผลินจะกลับไปหรือเปล่า ตอนนี้เธอไม่อยากกลับไป ตนเองก็ทำอะไรไม่ได้
สายตาของรพีพงษ์ก็มองผลินที่กอดแขนตนเองอยู่ แล้วพูดว่า “ปกติคุณก็เป็นคนที่แรงไม่เยอะนี่ แต่มากอดผมจนผมหายจะไม่ออกอยู่แล้วเนี่ย ปล่อยผมออกก่อนได้ไหม?”
ผลินได้ยินดังนั้น ก็ทำอะไรไม่ถูก แล้วก็รีบปล่อยมือออก พร้อมพูดว่า “ฉันไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษด้วยแล้วกัน”
“ไม่เป็นไร ผมเป็นพี่ชายของคุณ ก็สมควรอยู่ อีกอย่างแรงของคุณเท่านี้ ก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดอะไรหรอก” รพีพงษ์แค่นึกถึงอารียาขึ้นมา แล้วเขาก็ไม่คุ้นชินที่จะให้ผู้หญิงมากอดตนเองแบบนี้
จริงๆ แล้วต่อให้รอบกายมีผู้หญิงมากมาย เขาก็รู้สึกว่าตนเองผิดต่ออารียา ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าอารียาเป็นอย่างไรบ้าง
สองสามีภรรยาตกลงกันไว้แล้วว่าจะฝึกวิชาด้วยกัน ตอนนี้อยู่กันคนละที่ จะเจอหน้ากันสักทีก็ยาราวกับขึ้นสวรรค์ แล้วจะฝึกวิชาด้วยกันได้อย่างไร?
ตนเองคิดถึงอารียา อารียาเองก็คงคิดถึงตนเองเหมือนกัน สองคนเราเมื่อไรจะได้ใช้ชีวิตสงบสุขกันสักที นี่คือความหวังของรพีพงษ์ แต่ก็ไม่อาจจะเป็นจริงได้
ผลินได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ในใจก็เจ็บปวด รพีพงษ์ตั้งใจพูดว่าเป็นพี่ชายกับน้องสาว จริงๆ แล้วก็แค่อยากสร้างระยะห่างกับตนเองก็เท่านั้นเอง
ผลินก็บรรลุนิติภาวะแล้ว ไม่ได้เป็นคนโง่
แต่ว่าในเมื่อรพีพงษ์ไม่ชอบแบบนี้ ตนเองก็ไม่ควรทำแบบนี้ ถ้านานไปเข้า ก็จะมีใจมากขึ้นไปอีก ตอนนี้รพีพงษ์มีท่าทางกับตนเองไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว
ผลินรู้ดีว่า ตอนนี้รพีพงษ์มองเธอว่าเป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง
เพียงแต่ว่าในใจของรพีพงษ์นั้น ผลินเป็นแค่น้องสวเท่านั้น ถ้าอยากจะมีตำแหน่งในหัวใจของรพีพงษ์ ก็ยากกว่าได้ขึ้นสวรรค์เสียอีก
เธอก็มองรพีพงษ์ แล้วตั้งใจถามรพีพงษ์ว่า “รพีพงษ์ หรือว่าชีวิตนี้ฉันเป็นได้เพียงน้องสาวของคุณเท่านั้นหรือ?”
“ผมเห็นคุณเป็นน้องสาวมาโดยตลอดนะ ลิน คุณก็รู้ว่าผมมีภรรยามีลูกแล้ว ที่ผมไม่พูด ก็ไม่ได้หมายความว่าผมไม่รู้นะ ถ้าผมแต่งงานกับคุณ แล้วจะมีหน้าไปสู้กับลูกและภรรยาผมได้อย่างไร อีกอย่าง ต่อให้ผมแต่งงานกับคุณไป ในใจผมก็ไม่มีคุณอยู่ดี สุดท้ายมันก็ไม่ยุติธรรมกับคุณ”
“ฉันไม่สนอะ รพีพงษ์ ฉันไม่สนเรื่องพวกนี้จริงๆนะ ฉันรู้สึกว่า ฉันจะต้องได้เป็นภรรยาของคุณเท่านั้น ถึงจะได้อยู่ข้างๆ คุณไปตลอด”
ผลินพูดไปพูดมาก็อารมณ์ขึ้น ไม่รักแล้วไง ขอเพียงในใจตนเองมีเขา ก็เพียงพอแล้วนี่ เรื่องนี้จะให้รพีพงษ์ตัดสินใจคนเดียวไม่ได้
แม่ของตนเองก็เสียไปแล้ว ผลินรู้สึกว่า ความหวังของตนเองก็คือ ต้องแต่งงานกับรพีพงษ์ ไม่ว่ารพีพงษ์จะยินยอมหรือไม่ ตนเองก็จะต้องพยายามทำให้รพีพงษ์รักตนเองให้ได้
รพีพงษ์ได้ยินผลินพูด ก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เขาก็ดุไปเบาๆ ว่า “ถ้าคุณจะเอาแบบนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องมาอยู่ข้างๆ ผมแล้ว ผมให้ในสิ่งที่คุณต้องการไม่ได้ คุณมาอยู่ข้างกายผม มันก็เป็นเหมือนกับการทรมานอย่างหนึ่ง คุณรู้ไหม?”
“ฉันไม่รู้ รพีพงษ์ ฉันรู้แค่ว่า ในใจฉันมีคุณอยู่ นอกจากคุณแล้ว ฉันก็ไม่ต้องใครทั้งนั้น ผู้ชายในโลกนี้ไม่มีใครเทียบคุณได้เลย คุณเป็นสุดยอดในหัวใจของฉันเลย”
คำพูดของผลินนั้นมีเหตุผลมาก สำหรับเธอแล้วรักใครสักคนมันไม่ผิดหรอก รพีพงษ์เป็นวีรบุรุษแบบนี้ ข้างกายจะมีใครเพิ่มอีกสักคนก็ไม่เป็นอะไร รพีพงษ์ไม่ต้องรู้สึกว่าแบกรับภาระอะไรหรอก
อนาคตต่อให้ต้องกลับไปพร้อมกับรพีพงษ์ ตนเองก็จะเคารพต่อภรรยาของรพีพงษ์ให้มากพอ จะไม่เสียมารยาทต่อภรรยาเขาเด็ดขาด
รพีพงษ์ยังมีลูกสาวอีกหนึ่งคน ตนเองก็จะเลี้ยงเหมือนกับลูกสาวแท้ๆ ของตนเอง รพีพงษ์เข้ามาในโลกของผลิน จะปลีกตัวออกไปก็ยาก ผลินก็ตามติดตัวของรพีพงษ์อย่างกับเงาตามตัว
บางครั้งรพีพงษ์ก็รู้สึกว่าเอมือระอา ตนเองก็แค่ผดุงคุณธรรม ทำเรื่องดีไปเท่านั้นเอง แต่กลับทำให้ผลินหลงรักตนเองจนลืมไม่ลงแบบนี้
ก่อนหน้านี้ก็เคยเจอเรื่องแบบนี้ แต่ว่าไม่บ้าเหมือนกับผลินแบบนี้
เขาหายใจเข้าอย่างลึก แล้วก็มองผลินที่มีท่าทางชมดชม้อยอยู่ตรงหน้า แล้วก็พูดกับผลินจากใจว่า “คุณรู้ไหมว่าอยู่กันกินสองคนตลอดชีวิต มันหมายความว่าอย่างไรไหม?”
“อยู่กินกันจนแก่เฒ่า คุณจะหมายถึงอันนี้ใช่ไหม?” ผลินจริงจังขึ้นมา “ฉันก็คิดกับคุณแบบนี้แหละ อยู่กับคุณไปจนแก่”
รพีพงษ์ก็ยิ้มแบบเอือมระอา “คุณพูดแบบนี้ คุณก็ไม่ถูกแล้วล่ะ ผมมีภรรยาแล้ว ผมจะอยู่กับภรรยาของผมจนแก่เฒ่า ถ้าระหว่างนั้นมีผู้หญิงเพิ่มเข้ามาอีกคน แล้วผมจะทนอยู่กับคำสัตย์ที่ผมเอ่ยออกไปแล้วได้อย่างไร?”
รพีพงษ์พูดตั้งใจมาก ผลินก็มองบนใส่รพีพงษ์ เธอรู้ว่าเขาจะให้ตนเองออกมาจากตรงนั้น เธอรู้ว่ารพีพงษ์หมายความว่าแบบนี้
และรู้ว่าตนเองไปรักคนที่มีภรรยาแล้ว มันไม่ถูก แต่ว่าความรักมันบังคับกันไม่ได้นี่
ตนเองไปหลงรักรพีพงษ์มันผิด แต่แค่ชั่ววูบเดียวเท่านั้น จะให้ลืมไปเลยมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
ตั้งแต่อดีต ด่านความรักมันผ่านยาก ขอเพียงอดทนก็จะผ่านไปได้ แต่ว่า ต่อให้รพีพงษ์พูดและแสดงท่าทีที่ชัดเจนออกมาแล้ว ผลินก็ยังไม่มีทางที่จะยอมแพ้
เธอรู้ว่ารพีพงษ์มั่นคงในคุณธรรม และรู้ว่าเรื่องนี้มันไม่ถูก แต่ในใจลึกๆ ก็ยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
รพีพงษ์มองผลินไม่ยอม ก็ถอนหายใจอย่างเอือมระอา ในโลกนี้มีผู้ชายมากมาย ผลินก็เป็นผู้หญิงที่โดดเด่น จะมาเสียเวลาอยู่กับตนเองทำไมกัน?
เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึง แต่ตนเองมีลูกมีภรรยาแล้ว จุดนี้ไม่เข้าใจจริงๆ
เสียงร้องของอีกาก็ดังไม่หยุด รพีพงษ์เริ่มรู้สึกว่ารำคาญ ก็เลยเหาะขึ้นไปบนต้นไม้สูงต้นหนึ่ง พอเห็นว่าผลินยังร้องไห้อยู่หัลงก้อนหินอยู่ ก็ไม่คิดจะสนใจผลินอีก
ถ้าเป็นอารียาร้องไห้อยู่ที่นั่นล่ะก็ เขายังยอมเข้าไปดู แต่ผลินไม่ได้
ผู้หญิงแบบนี้ เป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดจริงๆ รพีพงษ์ก็นึกถึงว่าถ้าตนเองเข้าไปปลอบผลิน ผลินก็จะยิ่งร้องไห้ออกมาหนักกว่าเดิม เสียใจหนักกว่าเดิม
ต่อไปเจอเรื่องอะไรก็ต้องมาร้องไห้กับตนเอง แล้ววันๆ หนึ่งจะต้องทำงานทำการกันไหมล่ะ?
รพีพงษ์ก็สร้างข่ายอาคมออกมา เพื่อป้องกันเสียงรบกวนจากด้านนอก ทางฝั่งของนันท์ธรที่ไกลออกไป ก็คงไม่มีอันตรายอะไร
พอนึกขึ้นได้ ก็พักผ่อนอยู่บนต้นไม้ แล้วก็คอยดูคนในโลกห้วงเวลาไปด้วย ด้านในยังคงเงียบสงบดี
ผลินร้องไปร้องมา ก็เห็นว่ารพีพงษ์เงียบไป พอหันไปดูก็เห็นว่ามีอสูรตัวสีดำๆ กำลังเดินเข้ามา……..