พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 38
บทที่ 38 ช่วยนวดให้ฉันหน่อยนะ
ได้ยินคำร้องขอของอารียา บนใบหน้าของรพีพงษ์ก็ปรากฏ ให้เห็นรอยยิ้มที่ดูเหมือนอยากจะขำ
เขาเดินไปข้างๆอารียา บอกให้เธอนอนลงกับเตียง พลาง พูด “ครั้งนี้ ฉันอาจจะออกแรงเยอะหน่อยนะ ถ้าเจ็บล่ะก็ บอก ฉันได้เลย”
อารียาพงกหัวหงึกๆ ผ่อนคลายร่างกายเต็มที่ ไม่ได้มีทีท่า ระแวงรพีพงษ์แต่อย่างใด
รพีพงษ์ลงมืออย่างไม่รีรอ เริ่มละเลงฝีไม้ลายมือการนวด นวดให้อารียา
กระดูกบนตัวของอารียาถูกกดจนส่งเสียงดังลั่นกร๊อบแกรับ ไปหมด ปากของเธอ เนื่องจากถูกแรงของรพีพงษ์ ก็ทำให้ส่ง เสียงร้องแปลกๆออกมา
ถ้าไม่ได้เห็นว่าทั้งสองคนกำลังทำอะไรอยู่ล่ะก็ คนได้ยิน เสียงแบบนี้ เกรงว่าคงจะคิดว่าทั้งสองคนกำลัง…
รพีพงษ์ถูกเสียงของอารียา ทำเอาแทบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่ เพียงแค่เป็นผู้ชาย ได้ยินเสียงแบบนี้ของผู้หญิงแล้วล่ะก็ ยังไง ก็ต้องมีปฏิกิริยาตอบกลับอะไรบ้าง
อีกทั้งร่างของอารียาถูกขยับไปมา รพีพงษ์เองก็แอบเห็น อะไรบางอย่างภายใต้เสื้อผ้าที่บางเฉียบโดยไม่ได้ตั้งใจ….
ใจเย็นไว้สิวะ! ใจเย็น! ฉันรพีพงษ์ไม่ใช่ผู้ชายที่ชอบฉวย โอกาสพรรค์นั้น!
ยังไงวันข้างหน้าเธอก็ต้องปีนขึ้นมาหาฉันเอง รพีพงษ์พยายามสงบสติตัวเองเอาไว้ พยายามถึงที่สุดที่จะ ไม่ไปมองในส่วนที่ไม่ควรมอง
“รพีพงษ์…ถ้าที่พื้นนอนแล้วแข็งล่ะก็ จริงๆแล้วนายขึ้นมา นอนบนเตียงก็ได้นะ” อยู่ๆอารียาก็พูดขึ้นมาประโยคหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าเธอเองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน
รพีพงษ์หยุดมือของตัวเอง พลางถาม “จริงรึเปล่า”
อารียาพยักหน้า พูด “แต่ถ้านายกล้าทำอะไรฉันล่ะก็ ฉันจะ ใช้เท้าของฉันนี่แหละถีบนายลงไป”
รพีพงษ์ยิ้มแป้นแล้น ในใจคิดขอแค่ได้นอนเตียงเดียวกัน นั่นก็แปลว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาใกล้ขึ้นมาอีกขั้นแล้ว
เรื่องวันข้างหน้า ยังไงอีกไม่ไกลก็ต้องมาถึง
“อย่างนั้น วันนี้ฉันนอนบนเตียงได้แล้วใช่มั้ย” รพีพงษ์ ถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
อารียาพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรอีก
หลังจากรพีพงษ์นวดให้อารียาเสร็จ ก็เดินไปหยิบหมอน ออกมาจากตู้วางลงข้างๆ อารียา
เขาทิ้งตัวลงบนเตียง ในใจยังคงกระวนกระวาย คิดว่าตัวเอง ควรไม่ควรพูดอะไรดี
แต่พอเขาหันหน้าไป ก็เห็นว่าอารียาหลับไปซะแล้ว อดที่จะ ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ออกมา
ไม่ได้คิดอะไรต่อ รพีพงษ์เองสงบจิตสงบใจตัวเอง ค่อยๆ หลับตาเข้าสู่สภาวะหลับไหล
วันต่อมา หลังจากส่งอารียาไปทำงานเสร็จ รพีพงษ์เห็นว่าพี่ ชายที่ขายเครปไม่มาอีกแล้ว ในใจมักจะคิดว่าต้องมีอะไรผิด ปกติแน่ๆ
แต่เขาเองก็ไม่มีเส้นทางติดต่อกับชายวัยกลางคนคนนั้น ก็ เลยไม่สามารถรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เขากลับมาถึงบ้าน ศศินัดดากับศักดาก็ออกไปข้างนอกแล้ว เหลือเขาอยู่บ้านเพียงคนเดียว
ตอนนี้ อยู่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา เขาดึงออกมาดู เห็นว่าเป็น แจ้งเตือนข้อความส่วนตัวจากสถานีสตูดิโอชาร์กฟันส์ รพีพงษ์กดเข้าไปดู พบว่าเป็นข้อความจากqianxindie
“พี่ชายคะ พี่ทำอะไรอยู่ ทำไมไม่สนใจเค้าบ้างเลย”
“เมื่อวาน ของพวกนั้นที่ห้าง พี่ใช่ไหมที่เป็นคนซื้อไว้ ฉัน ชอบมากเลยล่ะค่ะ”
“พี่ชาย ทำไมพี่ไม่แอดวีแชทฉันมาล่ะคะ ฉันอยากที่จะ ทำความรู้จักกับพี่มากกว่านี้”
“พี่ชายคะ วันนี้พี่ต้องมาดูช่องของฉันให้ได้เลยนะ ฉัน เตรียมเซอร์ไพรส์ไว้ให้พี่ด้วยล่ะ”
หลังจากที่ได้เห็นข้อความเหล่านั้นที่บุษบากรส่งมา รพีพงษ์ เองก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ไม่คิดเลยว่าเธอจะเอาเขาไปเป็น หวานใจตัวเองจริงๆขึ้นมาได้
รพีพงษ์กดเข้าไปที่ช่องออกอากาศของบุษบากร พบว่าใน ช่อง บุษบากรกำลังใส่ชุดสไตล์โบราณ ท่าทางสง่างาม ใบหน้าที่น่ารัก บวกกับดอกบัวระหว่างหัวคิ้ว ทำให้เธอดูมี เสน่ห์ น่าหลงใหลขึ้นไปอีก
รพีพงษ์ยอมรับว่าบุษบากรในฐานะที่เป็นเพื่อนรู้ใจของอารี ยา เธอเป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างหน้าตาน่าดึงดูดใจเอามากๆ “อุ้ย พี่ชายดวงใจตะวัน มาแล้วหรอคะ” บุษบากรเห็นนาย ดวงใจตะวันเข้ามาในช่องออกอากาศ ก็อดที่จะดีใจไม่ได้
“จักรพรรดิ์ของเรามาแล้ว! ”
“คารวะจักรพรรดิ์!
“พี่ชายจักรพรรดิ์ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ!
“พี่ชายดวงตะวัน วันนี้เค้าแต่งชุดโบราณมาเพื่อพี่เลยนะคะ ไม่รู้ว่าพี่จะชอบรึเปล่า” บุษบากรสีหน้าเขินอาย เหมือนสาว น้อยที่เพิ่งตกหลุมรักเป็นครั้งแรก
“พี่ดวงใจตะวัน วันนี้น้องบุษพูดถึงพี่ไม่หยุดเลยรู้ไหม พี่จะ ไม่พูดอะไรแล้วก็ไปไม่ได้นะ”
“จริงด้วยๆ พี่ใหญ่มาทั้งที่ ของเห็นหน้าสักหน่อยเถอะ ไม่ให้ เห็นหน้าพูดอะไรบ้างก็ยังดี”
“คุกเข่าขอร้องให้พี่ใหญ่พูดสักคำ! ”
เรื่องของขวัญเมื่อวานทำให้ช่องออกอากาศของบุษบากร ได้รับความนิยมมากขึ้นเป็นเท่าตัว ทางการดำเนินงานของสตู ดิโอชาร์กฟันส์เองก็ช่วยให้คำแนะนำกับเธอ ดังนั้นจำนวนผู้ เข้าชมก็เลยออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ
รพีพงษ์มองข้อความจากคนพวกนั้นที่เลื่อนขึ้นมาไม่หยุด ก็ อดที่จะยิ้มขึ้นมาไม่ได้ ดูไปดูมา ทุกคนเองต่างคิดว่าเขาเป็น อภิมหาเศรษฐีผู้ลึกลับไปเรียบร้อยแล้ว
บุษบากรเห็นนายดวงใจตะวันไม่พูดไม่จา ก็อดร้อนใจไม่ได้ พลางพูด “พี่ชายดวงตะวันคะ ถ้าพี่ไม่อยากพูดล่ะก็ ร้องเพลง ให้พวกเราฟังแทนละกัน ฉันเดาว่าพี่ต้องร้องเพลงเพราะมาก แน่ๆ”
พูดจบ บุษบากรเอง ไม่ได้สนใจว่ารพีพงษ์จะตกลงไม่ตกลง กดส่งคำเชิญแชร์ไมโครโฟนไปให้เขาอย่างไม่รีรอ
รพิพงษ์ไม่ค่อยเข้าใจอะไรพวกนี้นัก ก็กดรับคำเชิญไป ทำเอาคนทั้งช่องตื่นเต้นจนวุ่นวายไปกันหมด
“พี่ใหญ่จะร้องเพลงแล้ว สุดยอดๆๆๆไปเลย!
“ตื่นเต้น เสียงของพี่ใหญ่จะต้องเพราะมากแน่ๆ !
“จักรพรรดิ์พี่ใหญ่ของเราจะร้องเพลง ต้องอัดเสียงไว้ซะ หน่อยแล้ว!
รพิพงษ์อึ้งไปชั่วครู่ ไม่นึกเลยว่าตัวเองกดปุ่มนั้นไป ก็คือ ยอมที่จะร้องเพลงแล้ว
ถ้าตอนนี้เขาไม่ร้องล่ะก็ เกรงว่าคนเป็นแสนๆคนในช่องจะ รุมด่าเขากันเต็ม
พูดถึงเรื่องร้องเพลง รพีพงษ์เองไม่ได้ขัดข้องอะไร ตรงกัน ข้าม เมื่อก่อนเขาชอบร้องเพลงมากด้วยซ้ำ แถมยังร้องได้ เพราะกว่านักร้องเก่งๆบางคนอีก
กี่ปีมานี้เขาอดทนอดกลั้นมามาก เวลาร้องเพลงก็น้อยลงไป เยอะ ตอนนี้ต้องมาเจอคนเยอะแยะอยากให้เขาร้องเพลงมาก ขนาดนี้ ทำให้เขาเองก็แอบกังวลอยู่ไม่น้อย
แต่ก็แค่เพลงๆเดียว ไม่มีอะไรเสียหายสักหน่อย
รพีพงษ์คิดได้ดังนั้น ก็กดเลือกเพลงทันที เป็นเพลงที่ดังมาก ในช่วงนี้ ชื่อเพลง อาการตกหลุมรัก
เพลงๆนี้รพีพงษ์ได้ฟังแค่ไม่กี่รอบ แต่ก็เข้าใจทำนองเพลง และจังหวะอย่างถ่องแท้ แถมยังปรับเปลี่ยนวิธีการร้องตาม แบบฉบับของตัวเองได้อีกด้วย
“โลกนี้ที่เต็มไปด้วยหมอกควัน….”
ทันทีที่ รพีพงษ์เปิดปากร้อง ก็เกิดความเงียบไปทั่วทั้งช่อง ก่อนจะตามมาข้อความจากผู้เข้าชมที่ซัดกระหน่ำเข้ามาราว กับคลื่นสึนามิ ทุกคนต่างถูกเสียงของรพีพงษ์สะกดเอาไว้
“พระเจ้า นี่มันจะเพราะเกินไปแล้วมั้ย! ”
“ล้มทั้งยืนเลย เสียงนี้ ทำให้ฉันคิดถึงรักแรกพบ ฮีอ จะ เพราะเกินไปแล้วนะ”
“น้ำตาไหลเป็นสายธาร QAQ เสียงนี้มันจะมีอิทธิพลมาก เกินไปแล้ว”
บุษบากรเองพอหลังจากที่ได้ยินเสียงของรพีพงษ์ ก็อึ้งไป
เลย
ก่อนหน้าเธอเคยสงสัย ว่านายดวงตะวันคนนี้ จะเป็นผู้ชาย พุงพลุ้ยที่เต็มไปด้วยไขมันมหาศาลระดับทะเล เมดิเตอร์เรเนียนรึเปล่า
แต่ตอนนี้ที่ได้ยินเสียงของรพีพงษ์ ในใจก็ฟันธง ว่าเจ้าชาย ขี่ม้าขาวของเธอ ต้องเป็นผู้ชายที่หล่อขั้นเทพอย่างแน่นอน
“พี่ชายดวงตะวันคะ ฉันรู้สึกว่า….ฉันตกหลุมรักพี่เข้าให้ แล้ว” บุษบากรพูดสิ่งที่ปรากฏในใจตัวเองออกไปอย่างไม่ ลังเลเลยสักนิด
ทุกคนล้วนตั้งใจฟังเพลงที่รพีพงษ์ร้องจนจบ คนไม่น้อยที่ กำลังชมอยู่ ต่างอดไม่ได้ที่จะกลั้นน้ำตาไว้
น้ำเสียงของรพีพงษ์ทุ้มลึก ชวนละลาย เหมือนเป็นมนต์ วิเศษ สะกดจิตสะกดใจของผู้ที่ได้ฟังไว้
หลังจากที่รพีพงษ์ร้องเพลงนี้จบ รู้สึกว่าตัวเองร้องได้ไม่ดี นัก ทำได้แค่เจ็ดส่วนสิบจากความสามารถตัวเอง
เขามองความคิดเห็นบนหน้าจอแวบหนึ่ง เห็นคนพวกนี้ถูก เสียงของเขาทำให้หลงไปเรียบร้อย พลางยิ้มอ่อนๆ แต่ไม่ได้ สนใจอะไรนัก ก่อนจะกดออกจากช่องไป
บุษบากรรู้สึกใจหายไม่น้อย แต่เธอเองก็คิดว่ารพีพงษ์ยอม ร้องเพลงขนาดนี้แล้ว คงจะต้องรู้สึกอะไรกับเธอบ้างแหละ
นายดวงใจตะวันคนนี้ ไม่ว่าช้าหรือเร็ว ยังไงก็ต้องออกมา เจอเธออย่างแน่นอน
และในวันเดียวกัน ก็มีคนเอาเสียงร้องเพลงของรพีพงษ์ ไป ทำเป็นดนตรีประกอบแบคกราวน์ในวิดิโอ ผลปรากฏว่าได้รับความนิยมล้นหลาม
ยูทูปเบอร์ไม่น้อยเห็นดังนั้น ก็เอาเสียงร้องเพลงของรพีพงษ์ ไปทำเองเพลงประกอบในวิดิโอตัวเองบ้าง ดึงดูดความสนใจ ของผู้เข้าชมได้มากโข
ชื่อนายดวงใจตะวันชื่อนี้ ก็กลายเป็นชื่อคนดังติดท็อปอัน ดับหนึ่งในอินเทอร์เน็ต บอร์ดพูดคุยใหญ่ๆในอินเทอร์เน็ตทั้ง หลาย ก็ปรากฏให้เห็นประเด็นพูดคุยซักถามเรื่องนายดวงใจ
ตะวันเต็มไปหมด
ทุกคนต่างคิดว่า คนที่มีเสียงเพราะชวนหลงขนาดนี้ จะต้อง เป็นผู้ชายที่หน้าตาดีมากๆแน่ๆ
อีกทั้ง บริษัทดนตรีชื่อดังไม่น้อย ก็พยายามหาเส้นทาง ติดต่อนายดวงใจตะวันคนนี้ เพื่อให้เขามาเซ็นสัญญา ทำให้ เขากลายเป็นไอดอลระดับท็อปไปเลย
น่าเสียดายที่ นอกจากข้อมูลในสถานีที่ว่านายดวงตะวันเป็น สมาชิกระดับจักรพรรดิ์แล้ว ก็ไม่มีข้อมูลอะไรอีกเลย
เรื่องนี้ทำให้บริษัทดนตรีดังๆหลายบริษัทต้องช้ำใจ คนที่มี ความสามารถขนาดนี้ ไม่มาเป็นนักร้อง น่าเสียดายอย่างมาก จริงๆ
ส่วนเจ้าตัวอย่างรพีพงษ์กลับไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น หลังจาก ที่เขาร้องเพลงเสร็จวันนั้น ก็ไม่ได้สนใจอะไรเรื่องนี้อีก
กลายเป็นว่าบุษบากรยังคงส่งข้อความส่วนตัวหาเขาตลอด แต่เขาก็ไม่เคยตอบเลยสักครั้ง
บุษบากรเห็นนายดวงใจตะวันไม่ตอบเธอ ก็เลยโทรศัพท์หา อารียาแทน
“แคลร์ ฉันจะบอกเธอว่า ครั้งนี้ฉันตกหลุมรักจริงๆเข้าให้ แล้ว นายดวงใจตะวันคนนี้จะต้องเป็นผู้ชายที่หล่อมาก วันนี้ เขาร้องเพลงให้ฉันฟังด้วยเพลงหนึ่ง บอกเลยว่าโคตรเพราะ” บุษบากรพิมพำ
“ช่วงนี้เธอดูเพี้ยนๆไปนะ ฉันยังทำงานอยู่ เธอโทรมาบอก ฉันเรื่องเนี้ยนี่นะ” อารียาพูดไปพลางมองบน
“โถ่ ก็เค้าทนตื่นเต้นคนเดียวไม่ไหวนี่นา แต่เธอทำงานอยู่ ฉันไม่กวนเธอแล้วดีกว่า รอครั้งหน้าฉันไปหาเธอ ค่อยเม้าท์ให้ เธอฟังเรื่องผู้ชายในฝันของฉันก็แล้วกัน”
ตอนบ่ายของวันนี้ รพีพงษ์ไปที่ประตูเล็กๆของหมู่บ้าน ที่อยู่ ไม่ห่างจากระแวกบ้านของเขานัก
ไม่นาน ไตรทศกับลูกน้องอีกสองสามคนก็ปรากฏตัวขึ้นต่อ หน้ารพีพงษ์
“พี่รพี ผมตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ไอ้คนที่ชื่อวีรยุทธ อยู่คน เดี๋ยวตลอด ลูกสาวลูกชายเขามาหาเป็นบางที แต่ไม่บ่อยนัก”
“ไอ้หมอนี้ขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าเล่ห์ไว้ใจไม่ได้ เห็นอะไรถูก ไม่ได้ ก็คิดจะหยิบยืมแบบไม่คืน เพื่อนบ้านที่อยู่ระแวก เดียวกันต่างรำคาญเขาไปหมด”
“แต่มันปอดแหกมาก ได้ยินมาว่าตอนสมัยหนุ่มๆ ไปหลอก ใช้ประโยชน์จากพวกกลุ่มมาเฟีย เลยโดนรุมกระทืบ ถ้ามัน เจอคนโหดใส่มันล่ะก็ มันจะกลัวหงอเลยทีเดียวครับนาย”
ไตรทศรายงานข้อมูลจากคนที่รพีพงษ์ให้เขาไปตรวจสอบ มาเมื่อไม่นานมานี้
รพีพงษ์พยักหน้า ก่อนเอ่ยปาก “ดี ในเมื่อเป็นอย่างนี้ พวก แกก็รอฉันอยู่ข้างล่างก่อน ฉันจะลองขึ้นไปดูด้วยตัวเอง”
“พี่รพี ไอ้วีรยุทธมันยั่วโมโหอะไรพี่ใช่ไหม จะกำจัดมันทิ้ง ให้พวกเราทำดีกว่า ไม่ต้องให้พี่ลงมือด้วยตัวเองหรอก” ไตรทศเอ่ยปาก
รพีพงษ์ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี พลางพูดต่อ “ไม่ว่ายัง ไอ้หมอนี่ก็เป็นญาติของแม่ยายฉัน จะไปกำจัดมันตามอำเภอ ใจไม่ได้ อีกอย่างมันก็ไม่ได้ทำอะไรให้ฉันโกรธด้วย”
“แล้ววันนี้พวกเรามากันทำไมล่ะเนี่ย” ไตรทศถามอย่างไม่
แน่ใจนัก
“ถวงเงิน! ” รพีพงษ์พูดพลางยิ้มกรุ่น