พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 48
บทที่ 48 ท่าเดียวก็พอ
“ใช่ ฉันเอง” รพีพงษ์ไม่โต้แย้งเช่นกัน คนอื่นจะมองเขา ยังไง เขาไม่ได้สนใจ ตราบใดที่ตัวเขาเองรู้ชัดถึงความ แข็งแกร่งของตัวเองก็พอแล้ว
รอยยิ้มเหยียดหยามปรากฏบนใบหน้าของริชาร์ดครา หนึ่ง ถ้าหากว่าเป็นรพีพงษ์ไอ้สวะตัวนี้ เขาก็ไม่มีอะไรต้อง ห่วงแล้ว
ธฤตญาณร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว ไร้ ประสิทธิภาพในการต่อสู้ไปแล้ว โดยพื้นฐานแล้วไม่เพียง พอให้กลัว
เมื่อถึงเวลาเขาก็ต้านไตรทศ แล้วคนไม่กี่คนของเขาก็จะ กำจัดธฤตญาณได้อย่างง่ายดาย
สำหรับ รพีพงษ์สวะตัวหนึ่ง เขาคิดไม่ออกเลยว่าสวะตัว หนึ่งจะก่อให้เกิดภัยคุกคามอะไรเขาได้
ธฤตญาณเมื่อเห็นไตรทศกับรพีพงษ์เต็มใจออกหน้าเพื่อ เขา ในใจก็ซาบซึ้งเป็นอย่างมาก แต่เขาก็คิดเช่นเดียวกับ ริ ชาร์ด พวกเขาทางนี้ก็มีแต่ไตรทศที่สามารถยื่นมือได้ ส่วน เขากับรพีพงษ์โดยทั่วไปแล้วประสิทธิภาพในการต่อสู้ เทียบเท่ากับ 0
ไตรทศแม้ว่าจะต้านริชาร์ดได้ แต่พวกเขาสองคนโดยพื้น ฐานแล้วไม่สามารถต้านทานคนของ ริชาร์ดได้เลย ผลลัพธ์ สุดท้ายก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
“รพีพงษ์ทนายฟังคำแนะนำของฉันสักคำหนึ่ง เรื่องนี้ไม่ ต้องสอดมืออีกแล้ว อาศัยพวกเราสามคน ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของ พวกเขาด้วยซ้ำ ทำแบบนี้ รังแต่จะทำให้นายเอาชีวิตมาทิ้งซะเปล่าๆ” ธฤตญาณพูดด้วยความกังวลใจเต็มหน้า รพีพงษ์ยิ้ม และเปิดปากพูดว่า “เรื่องราวทุกอย่างมาถึง
ขั้นนี้แล้ว พี่คิดว่าเขาจะปล่อยพวกเราสองคนไปหรือ?”
ธฤตญาณถอนหายใจ รู้ว่าเรื่องนี้ไม่มีทางแก้ไขแล้ว
“วางใจเถอะ มีฉันกับพี่รพือยู่ วันนี้พวกเขาแตะต้องพี่ไม่ ได้แม้แต่ปลายขน” ไตรทศก็กล่าวด้วยความมั่นใจเต็มหน้า เช่นกัน
ถ้าหากว่าวันนี้มีแค่เขาคนเดียวที่อยู่ที่นี่ อาจจะรู้สึกไม่ มั่นใจอยู่บ้าง แต่รพีพงษ์อยู่ที่นี่ เขาก็ไม่มีอะไรให้ต้องกลัว แล้ว
และพูดได้ว่าเป็นไปได้มาก ที่วันนี้เขาไม่น่าจะมีโอกาส ยื่นมือเลยด้วยซ้ำ
ริชาร์ดที่บนใบหน้าปรากฏความเย้ยหยัน คิดในใจว่ารพี พงษ์คนนี้ช่างหัวแข็งซะจริงๆ ใกล้จะตายกันหมดอยู่แล้ว ยังทำทีผดุงความเป็นธรรมเช่นนี้อีก
“นับว่าแกฉลาด วันนี้พวกแกสามคน คนเดียวก็ไปไม่ได้ ฉันได้รับคำสั่งให้ฆ่าธฤตญาณคนที่รู้เรื่องนี้ คนเดียวก็รอด ไปไม่ได้” ริชาร์ดพูดเสียงเย็น
“งั้นแกก็คิดมากแล้วจริงๆ” ไตรทศพูดกลั้วหัวเราะ
“หีนี้ ไตรทศแกคิดว่าเป็นไปได้หรือที่อาศัยแกคนเดียว จะต้านพวกเราห้าคนได้ไหว?” ริชาร์ดจ้องไตรทศพลางเปิด
ปาก
ไตรทศพูดยิ้มๆว่า: “ตัวฉันเองไหวไม่ไหวฉันแน่นอนว่า ชัดเจน แต่ฉันไม่ได้บอกว่าจะสู้กับพวกแกห้าคน”
“โอ้? งั้นแกเอาความกล้ามาจากไหนที่บอกว่าฉันคิดมากไปแล้ว?” ริชาร์ดรู้สึกแปลกๆอยู่บ้าง
ไตรทศหันไปมองรพีพงษ์และพูดว่า “ความกล้าที่ยืมมา จากเขานั่นไง”
สายตาของริชาร์ดห้าคนล้วนตกอยู่ที่ร่างของรพีพงษ์ จากนั้นทุกคนก็หัวเราะเยาะเย้ยขึ้นมา
“ฉันฟังไม่ผิดใช่ไหม แกบอกว่ายืมความกล้ามาจากไอ้ สวะตัวนี้จริงๆ ความกล้าน้อยนิดนั่นของเขา เกรงว่าจะเล็ก กว่ายุงด้วยซ้ำ” ริชาร์ดเปิดปากพูดอย่างไม่ไว้หน้า )
รพีพงษ์ไม่ได้สนใจการเยาะเย้ยของพวกเขา ก้าวไปข้าง
หน้าก้าวหนึ่ง พูดเสียงเย็นว่า: “พวกแกจะเสียใจ”
ธฤตญาณเห็นแบบนี้ รีบคว้าแขนของรพีพงษ์เปิดปากพูด ว่า: “รพีพงษ์นายอย่าหุนหันพลันแล่น ความแข็งแกร่งของ ริ %3D ชาร์ดไม่ง่ายอย่างที่นายคิด นายขึ้นไปรังแต่จะตายเท่านั้น”
“ไม่ต้องห่วง ฉันยังไม่โง่ถึงขั้นที่จะเป็นฝ่ายเอาชีวิตไป ทิ้ง” รพีพงษ์เอ่ยตอบ
ธฤตญาณเมื่อเห็นว่ารพีพงษ์ไม่ฟังคำแนะนำ ในใจก็เต็ม ไปด้วยความวิตกกังวล เขาจึงมองไปที่ไตรทศ คิดจะให้ ไตรทศห้ามเขาสักหน่อย อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าไตรทศ จะไม่ได้คิดที่จะห้ามเขา
ในทางตรงกันข้าม บนหน้าเขายังมีร่องรอยของความ คาดหวังอีกด้วย
เมื่อริชาร์ดเห็นว่าในบรรดาทั้งสามคนรพีพงษ์ที่ไร้โอกาส เอาชนะพวกเขามากที่สุดลุกออกมาแล้ว จู่ๆก็อยากหัวเราะ
อยู่บ้าง
“รพีพงษ์ แน่ใจหรือว่าจะไม่ให้ไตรทศช่วยแก? อาศัยชื่อเสียงนั้นของแก วันนี้ก็เป็นไปไม่ได้สักนิดที่จะมาฝอยต่อ หน้าฉัน” ริชาร์ดพูดยิ้มๆ
“ฉันคนเดียวก็พอแล้ว” รพีพงษ์เปิดปากเบา ๆ
ดวงตาของริชาร์ดหรี่ลง แววตาบางส่วนยังเผยความ อำมหิตออกมาด้วย
“แม่มันเถอะ ในเมื่อแกรนหาที่ตายขนาดนี้ งั้นฉันจะทำให้ แกรู้สึกดีๆสักหน่อยว่าอะไรที่เรียกว่าความสิ้นหวัง ไปทำให้ มันเห็นสักหน่อย” ริชาร์ดออกคำสั่ง
ในบรรดาสี่คน มีคนหนึ่งรีบวิ่งมาทางรพีพงษ์ทันที แค่ดู
จากความเร็ว ก็รู้ว่าเป็นยอดฝีมือที่พละกำลังไม่ได้อ่อนแอ
คนหนึ่ง
สีหน้าของธฤตญาณเปลี่ยนไป รีบหันไปพูดกับไตรทศ ว่า: “คนของริชาร์ดพละกำลังแข็งแกร่งมากกันหมด ถ้าให้ รพีพงษ์เข้าไปคนเดียว ดูท่าคนจะไม่อยู่แล้ว!”
ไตรทศยิ้มๆ และพูดอย่างใจเย็นว่า: “วางใจเถอะ ความ แข็งแกร่งของพี่รพีแม้แต่ฉันยังไม่อยู่ในสายตาด้วยซ้ำ กุ้ง ฝอยไม่กี่ตัวจะคณามือเขาได้ยังไง”
ในเวลานี้คนคนนั้นพุ่งมาตรงหน้ารพีพงษ์แล้ว กำลัง
เหวี่ยงหมัดหนึ่งออกมาหมายจะต่อยลงไปบนหน้าของรพี
พงษ์
คนคนนั้นใบหน้าเต็มไปด้วยความภูมิใจ ดูเหมือนว่าจะ พอใจมากกับความเร็วของตัวเอง
อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้ว่า ความเร็วชนิดนี้ของเขา ใน สายตาของรพีพงษ์ ธรรมดาราวกับเต่าคลาน ในขณะที่หมัดของชายคนนั้นกำลังจะปะทะบนใบหน้าของรพีพงษ์ รพีพงษ์ก็เหวี่ยงขาออกไปอย่างรวดเร็ว ถีบ เข้าที่ท้องของคนคนนั้นคราหนึ่ง
หมัดของคนคนนั้นหยุดชะงัก ทันใดนั้นร่างของเขาก็เซ ถลาออกไปข้างหลัง กระแทกกับกำแพง กระอักเลือดออก มาคำหนึ่ง
ทุกคนต่างก็ถูกฉากหนึ่งที่มาอย่างกะทันหันนี้ทำให้ตกใจ แล้ว รอยยิ้มหยันบนใบหน้าของริชาร์ดก็หายไปทันที
“เขา..เขาสุดยอดขนาดนี้ได้ยังไง?” ธฤตญาณพูด
พิมพ์
ริชาร์ดถ่มน้ำลายลงบนพื้น สบถว่า: “แม่มันเถอะ คิดไม่ ถึงว่าจริงๆแล้วจะยังมีทักษะที่แท้จริง เข้าไปพร้อมกัน ทำให้มันหมอบลงกับพื้นให้ฉัน!”
อีกสามคนที่เหลือพุ่งไปทางรพีพงษ์ทันที พละกำลังของ สามคนนี้รวมกันแล้วไม่ได้ด้อยกว่าริชาร์ดมากนัก ดังนั้น ริ ชาร์ดจึงมั่นใจในตัวพวกเขามากเช่นกัน
อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาต่อมา ริชาร์ดก็ได้แต่อ้าปาก กว้าง มองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าตัวเองด้วยใบหน้าที่เต็มไป ด้วยความเหลือเชื่อ
หลังจากที่เห็นว่าสามคนนั้นเพิ่งจะวิ่งไปถึงตรงหน้ารพี พงษ์ ร่างของรพีพงษ์ก็ขยับอย่างรวดเร็ว สามลงห้าหารสอง ทั้งสามคนนั้นก็ล้มกลิ้งลงไปบนพื้นแล้ว
แม้แต่ริชาร์ดยังมองเห็นไม่ชัดด้วยซ้ำว่า รพีพงษ์ยื่นมือ ยังไงบ้าง
เป็นไปได้ไหมที่ รพีพงษ์คนนั้นที่ชาวเมืองริเวอร์พูดถึง กับรพีพงษ์คนนี้ จะไม่ใช่คนเดียวกัน?
ริชาร์ดไม่กล้าดูถูกรพีพงษ์อีก เขารู้ว่า ไอ้เด็กที่ดูเหมือน หน้าเป็นอัมพาตคนนี้ ไม่ได้ง่ายอย่างที่เขาคิดแน่ๆ
ธฤตญาณก็มองรพีพงษ์ด้วยความตกใจเต็มหน้า รู้ว่าใน เวลานี้ เขาเพิ่งจะตระหนักได้ว่า คนคนนี้ที่ใครๆก็บอกว่า เป็นสวะ แท้จริงแล้วเป็นยอดฝีมือที่ความแข็งแกร่งอยู่เหนือ เขาไปไกลคนหนึ่ง
ตอนนั้นที่รพีพงษ์บอกว่าทุกคนต่างก็มีความลับ สันนิษฐานว่านี่คงจะเป็นความลับของตัวรพีพงษ์เอง
เมื่อเห็นว่ารพีพงษ์ไม่ได้เกิดเรื่อง ธฤตญาณก็ถอนหายใจ ด้วยความโล่งอกคราหนึ่ง ตอนนี้เองจู่ๆความเจ็บปวดบน แขนของเขาก็แล่นไปถึงหัวใจ เขารีบกุมแขนข้างนั้นของตัว
เอง เหงื่อเย็นเยียบต่างก็ผุดขึ้นมาบนหน้าผาก
เมื่อปีนั้นตอนที่เขาถูกคนล่าสังหารแขนข้างนี้ของเขาได้ รับบาดเจ็บสาหัส แม้ว่าจะรักษาแขนเอาไว้ได้ แต่มันก็ทิ้ง ผลกระทบใหญ่หลวงเอาไว้
คราวนี้เพราะถูกพวกริชาร์ดตามฆ่า เขาจึงใช้แขนข้างนี้ มากเกินไป แถมยังได้รับบาดเจ็บเพิ่มอีก เมื่อมาถึงตอนนี้จึง ถึงขีดจำกัดแล้ว
แต่ริชาร์ดที่ยังจัดการไม่จบ ตอนนี้เขาจึงยังไม่ได้สนใจ ในแขนของตัวเอง
รพีพงษ์เดินไปตรงหน้าริชาร์ด จ้องมองเขาอย่างเย็นชา และเปิดปากพูดว่า: “แกจะปลิดชีวิตตัวเอง หรือจะให้ฉัน ลงมือด้วยตัวเอง?”
ริชาร์ดแค่นเสียงเย็นชาเสียงหนึ่ง เปิดปากพูดว่า แม่แกสิ อย่าคิดว่าแกจัดการกับคนของฉันได้ไม่กี่คน แล้วจะมี คุณสมบัติที่จะท้าทายฉันตรงนี้ด้วย วันนี้ข้าจะทำให้แกรู้ว่าอะไรที่เรียกว่าน่าสมเพช!”
พูดจบ ริชาร์ดก็พุ่งเข้ามาหารพีพงษ์ตรงนี้ทันที
รพีพงษ์ส่ายหัว เปิดปากพูดว่า “ความเร็วยังช้าเกินไป จัดการแก ท่าเดียวก็พอแล้ว”
“คุยโตไร้ยางอาย ฉันกลับอยากเห็นว่าแกจะจัดการฉัน ในท่าเดียวได้ยังไง!”
ริชาร์ดกระโดดตัวลอย เตะมาทางร่างของรพีพงษ์
รพีพงษ์หมุนตัวอย่างรวดเร็ว เตะกลับหลังที่หนึ่ง เตะตรง เหนือเข่าของริชาร์ด
เสียงดังกร้อบ!
ที่ตามมาติดๆก็คือเสียงกรีดร้องของริชาร์ด ร่างของเขา ดิ้นรนอยู่กลางอากาศ จากนั้นจึงร่วงลงบนพื้นอย่างรุนแรง
“อาก! ขาฉัน..
รพีพงษ์หันกาย ไม่ได้มองริชาร์ดด้วยซ้ำ เขารู้ว่า ริชาร์ กลายเป็นคนพิการคนหนึ่งไปแล้ว พูดได้ว่าเขา ไม่เป็นภัย คุกคามใดๆแล้ว
ตอนนี้ไตรทศเพิ่งจะเดินไปหารพีพงษ์ทางนั้น พูดกลั้ว
หัวเราะว่า: “พี่รพี วันนี้ลงมือเบาไปหน่อยนะ แค่หักขาเขาทิ้ง
ข้างเดียวจริงดิ”
“นายมาจัดการหน่อย คนเมืองกรีนโคลไม่กี่คนนี้ คนเดียว ก็ออกไปจากลานแห่งนี้ไม่ได้” รพีพงษ์เปิดปาก
ไตรทศ เข้าใจความหมายของเขาทันที เร่งรีบไปจัดการริ ชาร์ดไม่กี่คนแล้ว
รพีพงษ์เดินไปตรงหน้าธฤตญาณ ยิ้มขึ้นให้เขา และเปิดปากพูดว่า “จัดการปัญหาแล้ว”
ธฤตญาณมองรพีพงษ์แวบหนึ่งด้วยสีหน้าซับซ้อน พูดว่า: “คิดไม่ถึงว่านายจะซ่อนเรื่องคาดไม่ถึงเอาไว้ลึกแบบนี้ แม้แต่ฉันยังมองความสามารถของนายไม่ออกด้วยซ้ำ”
“ฉันยังเข้าใจหลักการของบุรุษคมในฝัก โอ้อวดเกินไป มักจะตายง่าย” รพีพงษ์พูดยิ้มๆ
ธฤตญาณพยักหน้า ในใจยังชื่นชมสภาพจิตใจของเด็ก หนุ่มคนนี้ ปีนั้นตอนที่เขาอายุพอๆกับรพีพงษ์ เมื่อถึงเวลาที่ โทสะปะทุขึ้นมา ไหนเลยจะเหมือนกับรพีพงษ์เช่นนี้ ความ เฉียบคมทั้งหมดของตัวเองล้วนถูกยับยั้ง
“คราวนี้คนเมืองกรีนโคลถูกจัดการ พี่มีแผนอะไรบ้าง?” รพีพงษ์เปิดปากถาม
ธฤตญาณหัวเราะขมเสียงหนึ่ง เปิดปากพูดว่า: “จะมีแผน อะไรได้ อย่างมากก็แค่ย้ายที่แล้วขายเครปจีนต่อไปมั้ง”
“พี่มาติดตามฉันไม่ดีกว่าเหรอ ตราบใดที่อยู่ในเมืองริ เวอร์ ฉันทำให้พี่ปลอดภัยได้ ต่อให้คนเมืองกรีนโคลมากัน อีก ฉันก็ยังทำให้พี่ปลอดภัยและมั่นคงได้” รพีพงษ์พูด ความคิดของตัวเองออกมา
เขากำลังมองหาคนคนหนึ่งที่จะสามารถควบคุม สถานการณ์ในโลกใต้ดินของเมืองริเวอร์ได้มาโดยตลอด ตอนนี้ดูเหมือนว่า ธฤตญาณจะเป็นผู้สมัครที่เหมาะสมที่สุด อย่างเห็นได้ชัด
ธฤตญาณสายหัว เปิดปากพูดว่า “เรื่องนี้ลืมซะเถอะ ตอน นี้ฉันเป็นคนไร้ประโยชน์คนหนึ่ง ต่อให้ร่วมติดตามนาย ก็ ช่วยธุระของนายไม่ได้มากเท่าไหร่”
พูดจบ ก็มีอาการปวดแปลบขึ้นมาอีกครั้งที่แขนของเขาทำให้เขายืนได้ไม่มั่นคง
รพิพงษ์เห็นแบบนี้ ก็รีบพยุงธฤตญาณไว้แน่น จากนั้น เหลือบมองไปที่แขนของเขา จึงพบว่าแขนข้างนั้นของเขา เปลี่ยนเป็นสีม่วง เนื้อด้านบนบางส่วนปริแตกแล้วด้วยซ้ำ
“ฉันแค่กลัวว่าแขนข้างนี้จะรักษาไว้ไม่ได้แล้ว ที่นายมา ช่วยฉันครั้งนี้ ฉันซาบซึ้งมาก ฉันก็แค่คนไร้ประโยชน์คน หนึ่ง กลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้ตอบแทนนายแล้ว” ธฤตญาณ พูดอย่างจนใจ
รพีพงษ์พิจารณาแขนของเขาต่อไปอย่างระมัดระวัง จาก นั้นก็พูดกับธฤตญาณอย่างจริงจังว่า: “แขนข้างนี้ของพี่ แน่นอนว่าอาการแย่มาก แต่ยังไม่ถึงขั้นที่จะต้องตัดทิ้ง ฉัน มีหนทางที่จะช่วยพี่รักษา”