พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 484 แค้นของนี ผมมาแก้เอง
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 484 แค้นของนี ผมมาแก้เอง
บทที่ 484 แค้นของนี ผมมาแก้เอง
ธีรศานติ์มองพลังที่แผ่ซ่านออกมาจากเรือนร่างของรพีพงษ์นั้นเปลี่ยนไป ภายในใจเข้าใจดีว่าเขารู้สึกโมโหเพราะจารุณีถูกชนจนไม่ฟื้น และเพราะว่าเป็นแบบนี้ เขาจึงไม่ได้โทษรพีพงษ์
รพีพงษ์และธีรศานติ์เหมือนกัน ไม่ได้หวังว่าจารุณีจะทนทุกข์ทรมานแบบนี้ พอเกิดเรื่องแบบนี้ รพีพงษ์ก็รู้สึกประหม่า คนที่ควรกล่าวโทษจริงๆ ก็คือคนพวกนั้นที่วางแผนเกี่ยวกับเรื่องนี้
“นีกลายเป็นแบบนี้ ก็เพราะว่าโยษิตาทั้งหมด ตอนนั้นโยษิตากินยาพิษต่อหน้าทุกคน วันนี้กลับปรากฏตัวอีกครั้ง ผมรู้สึกสงสัยว่าตอนนั้นยาพิษที่กินเข้าไปมีปัญหา ตอนนั้นไม่ได้มีคนตรวจสอบ นี่ถึงทำให้เธอรอดไปได้ ทีแรกผมอยากจะยืมกำลังของหอการค้าสมน.แก้แค้นแทนนี ทว่าเบื้องหลังของโยษิตามีคนที่ชื่อจิรเวชคอยสนับสนุน คนๆ นี้มีที่มาที่ไปที่ลึกลับ อีกทั้งยังมีทรัพยากรที่ยิ่งใหญ่ หอการค้าสมน.ไม่ใช่คู่แข่งของพวกเขา ไม่งั้นตระกูลลัดดาวัลย์ก็คงไม่ตกอยู่อันตรายแบบนี้” ธีรศานติ์จึงอธิบายขึ้น
รพีพงษ์พยักหน้า แล้วพูดขึ้น “เรื่องพวกนี้ผมรู้แล้วครับ คนที่ชื่อว่าจิรเวช เป็นคนของตระกูลนิธิวรสกุล”
“ตระกูลนิธิวรสกุล์? เป็นตระกูลที่ไหน ทำไมผมถึงไม่เคยได้ยิน? ” ธีรศานติ์ถามด้วยสีหน้าที่เคล้าด้วยความสงสัย
รพีพงษ์ยิ้ม แล้วพูดขึ้น “ตระกูลนิธิวรสกุลคือตระกูลชั้นสูง พวกเขาน่าจะออกจากประเทศจีนไปแล้ว แล้วตั้งรากฐานอยู่ในประเทศอเมริกาแล้ว ตระกูลระดับแบบนี้ ก็สามารถทำให้โลกใบหน้านี้เกิดความวุ่นวายแล้ว หอการค้าสมน.ไม่ได้รับมือได้ ก็ถือเป็นเรื่องปกติ”
ธีรศานติ์ขมวดคิ้วทันที ทีแรกเขายังนึกว่าทำเรื่องนี้เป็นตระกูลเก่าแก่บางตระกูลที่ลึกลับ ถึงแม้จะมีความสามารถที่แข็งแกร่ง ทว่าก็ไม่ใช่ว่าไม่สามารถรับมือได้
ทีแรกเขานึกว่ารอให้รพีพงษ์กลับมา แล้วคิดหาวิธีแก้วิกฤตของตระกูลลัดดาวัลย์ หอการค้าสมน.กับตระกูลลัดดาวัลย์ร่วมมือกัน น่าจะสามารถสู้กับจิรเวชคนนี้ได้
ตอนนี้ได้ยินรพีพงษ์พูดแบบนี้ เขาสังเกตเห็นว่าตนเองคิดได้ไร้เดียงสาเกินไป ถ้าตระกูลแบบนี้ที่สามารถปั่นป่วนสถานการณ์ของโลกได้ ต่อให้ช่วงเวลาที่รุ่งเรืองถึงขีดสุด ตระกูลลัดดาวัลย์และหอการค้าสมน.ร่วมมือกัน ก็ไม่สามารถรับมือได้
“งั้นไม่ได้หมายความว่า เราไม่สามารถแก้แค้นแทนนีได้หรอ? ตระกูลลัดดาวัลย์ถูกกรุ๊ปKINบีบบังคับจนสุดทางตัน ถ้าตระกูลนิธิวรสกุลนี้เป็นเหมือนอย่างที่คุณว่า ต่อให้คุณกลับมา ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีวิธีหรือไง? ” ธีรศานติ์ทำสีหน้าที่เคล้าด้วยความกังวล
คำว่าไม่ริมฝีปากฟันก็หนาว ถ้าตระกูลลัดดาวัลย์ถูกกรุ๊ปKINทำให้ล้มละลาย งั้นแสดงว่าบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปก็ไม่ไกลแล้ว
รพีพงษ์หันไปมองธีรศานติ์เพียงพริบตาเดียว แล้วยิ้มพูด “น้า นี่น้าไม่มีต้องกังวลไป ต่อให้ตระกูลนิธิวรสกุลจะเป็นตระกูลที่สูงส่งในโลกนี้ ผมก็จะไม่กลัวเหมือนเดิม พวกเขาทำร้ายนีถึงขั้นนี้ ผมต้องแก้แค้นแทนเธอ ภายในใจของผมก็เห็นนีเป็นน้องสาวคนหนึ่ง เธอเกิดเรื่อง ผมก็ทนไม่ได้อยู่แล้ว”
ธีรศานติ์นิ่งงันไปสักครู่เดียว ส่วนหนึ่งเพราะว่ารพีพงษ์ดูเหมือนไม่กลัวตระกูลนิธิวรสกุลอย่างที่ว่าแม้แต่สักนิด และอีกส่วนหนึ่ง ก็เพราะว่ารพีพงษ์เรียกเขาว่าน้า
เพราะว่าท่าทีที่รพีพงษ์แสดงออกมาตลอดมา ทำให้ธีรศานติ์ยังรู้สึกว่าเขากับตนเองยืนอยู่ในมาตรฐานเดียวกัน รพีพงษ์มีสิทธิ์ปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกับเขา ดังนั้นเขาเลยละเลยอายุของรพีพงษ์มาโดยตลอด
จนกว่าเมื่อกี้รพีพงษ์เรียกเขาว่าน้า เขาก็รับรู้ว่า รพีพงษ์กับลูกสาวของเขาเป็นรุ่นเดียวกัน แค่โตกว่าไม่กี่ปีเท่านั้น
อีกอย่างเพราะคำๆ นี้ว่าน้า ทำให้ธีรศานติ์สัมผัสได้ว่า รพีพงษ์เห็นจารุณีเป็นน้องสาวของตัวเองจริงๆ คำพูดทั้งหมดของเขา ต่างก็มาจากใจ
ผ่านไปสักพัก ธีรศานติ์จึงได้ค่อยๆ ได้สติกลับมา รพีพงษ์สามารถให้ความสำคัญกับจารุณี เขาต้องดีใจอยู่แล้ว แค่ว่าตระกูลนิธิวรสกุลนี้ไม่ใช่คนตระกูลที่บอกว่าจะจัดการก็สามารถจัดการได้ ต่อให้เป็นรพีพงษ์ ตอนนี้ก็เหมือนจะไม่ได้เตรียมกำลังแบบนี้ไว้
“ความรู้สึกของคุณผมสามารถสัมผัสได้ แต่ว่าไหนๆ ตระกูลนิธิวรสกุลนี่ก็คือตระกูลชั้นสูงของโลกแล้ว งั้นคุณจะสามารถจัดการได้อย่างไร? การคงอยู่แบบนี้ แค่เกรงว่าความคิดเพียงหนึ่งความคิด ก็สามารถตัดสินการเป็นการตายของเราได้” ธีรศานติ์พูดด้วยความกังวล
“ถ้าเป็นแต่ก่อน ผมไม่สามารถจัดการกับตระกูลนิธิวรสกุลจริงๆ แต่ว่าตอนนี้ไม่เหมือนกัน พวกเขามาแตะต้องคนของผม ต่อให้เป็นราชาแห่งฟ้าสวรรค์ ผมก็จะให้พวกเขาชดใช้ด้วยเลือด! ” สายตาของรพีพงษ์เผยความอาฆาตแค้นออกมาเป็นระยะๆ
ธีรศานติ์รู้สึกได้ว่ารพีพงษ์ไม่ได้พูดเว่อร์เกิดจริง เขาสังเกตเห็นว่ารพีงพงษ์ไม่เหมือนแต่ก่อน เมื่อเทียบกับการเจอหน้าครั้งแล้ว เรือนร่างของรพีพงษ์เหมือนจะดูลุ่มลึกจนไม่สามารถคาดเดามากขึ้น
เวลานี้เขานึกย้อนถึงช่วงก่อนที่รพีพงษ์หายไปจากสายตาของทุกคน เพราะว่าจารุณีเกิดเรื่อง เขายังสั่งให้คนไปหาเบาะแสของรพีพงษ์โดยเฉพาะ ทว่าก็ไม่เคยคิดถึงมาก่อน ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะไปไหน
และรพีพงษ์กลับมา เหมือนไม่เห็นตระกูลนิธิวรสกุลอยู่ในสายตาแล้ว อีกทั้งเรือนร่างของเขาก็ยังแผ่ซ่านความลุ่มลึกที่ไม่อาจคาดเดามากขึ้นอย่างไร้เหตุผล
ธีรศานติ์จึงได้ตัดสินอย่างเด็ดขาดทันที ช่วงนี้ที่รพีพงษ์หายตัวไป ต้องไปเจอกับโอกาสบางอย่างแน่นอน และเพราะว่าโอกาสแบบนี้ ทำให้รพีพงษ์ได้รับความมั่นในการต่อต้านตระกูลนิธิวรสกุล
ถึงแม้ไม่รู้ว่ารพีพงษ์จะเจอกับโอกาสอะไร ธีรศานติ์ก็เชื่อรพีพงษ์ในใจ จนกว่าเขาไม่ใช่คนที่บ้าบิ่น ไหนๆ เขาพูดแบบนี้ งั้นต้องมีความมั่นใจว่าสามารถรับมือกับคนของตระกูลนิธิวรสกุล
“ถ้าคุณมีความต้องการอะไร ก็รีบพูด ผมหอการค้าสมน.จะช่วยอย่างสุดกำลัง ต่อให้จะเอาความเป็นความตายของหอการค้าสมน.ไปเข้าแลก ผมก็จะช่วยคุณจัดการกับจิรเวชและโยษิตาแน่นอน” ธีรศานติ์ทำสีหน้าที่เคล้าด้วยความจริงจัง
รพีพงษ์พยักหน้าให้กับธีรศานติ์ แล้วพูดขึ้น “แค้นของนี ผมก็ต้องแก้ให้ได้! ”
หลังจากนั้นรพีพงษ์ก็เดินไปข้างเตียง แล้วนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ พร้อมกับก้มหน้าจับจ้องไปยังจารุณีที่โคม่าไม่ฟื้น
ทีแรกผู้หญิงที่ไร้เดียงสาและสดใสคนนั้นกลายเป็นแบบนี้ รพีพงษ์ก็รู้สึกเจ็บปวดใจ ในหัวสมองของเขาจึงมีภาพที่จารุณีทำท่าทางที่เกเรมากมายตรงหน้าของตนเองผุดขึ้นมา และเทียบกับตอนนี้ที่หลับตาทั้งสองข้างอย่างสนิท ใบหน้าดูไม่มีเลือด ในใจของรพีพงษ์ก็อดโมโหไม่ได้
ภายในใจก็นึกย้อนถึงก่อนหน้านี้ที่จารุณีถูกตนเองเข้าใจผิด ท่าทางที่ดูเสียใจนั้น ก่อนที่เธอจะเกิดเรื่อง รพีพงษ์ก็ไม่ได้เคลียร์เรื่องบาดหมางกับเธอ วันนี้พอมองจารุณีที่นอนอยู่บนเตียง รพีพงษ์ก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่คน
“คุณวางใจเถอะ ผมต้องจัดการกับคนพวกนั้นที่ทำให้คุณจนตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ครั้งที่แล้วที่เข้าใจผิดกัน ผมเองก็ไม่ดี ผมไม่ควรลงไม้ลงมือกับคุณอย่างหน้ามืดตามัว ถ้าคุณสามารถฟื้นขึ้นมา ผมต้องขอโทษคุณดีๆ ไม่ว่าคุณอยากจะลงโทษผมยังไง ผมก็จะไม่ร้องเรียนใดๆ ” รพีพงษ์อุทานขึ้น
“ผมรู้จักหมอเทพท่าหนึ่ง ฝีมือการแพทย์ของเขาเยี่ยมยอดมาก คนอื่นอาจจะไม่สามารถเรียกคุณฟื้นได้ ทว่าผมเชื่อว่าเขามีวิธีแน่นอน เดี๋ยวผมจะโทรหาเขา ให้เขารีบมาเกียวโต ผมเชื่อว่าคุณต้องฟื้นขึ้นมา”
“ยังไงคุณยังไม่ได้ลงโทษด้วยเนื่องด้วยเรื่องคราวก่อนเลย ผมคิดว่าคุณต้องอยากจะตีผมมากๆ ผมสัญญาว่า รอให้คุณฟื้นขึ้นมาแล้ว ก็จะให้คุณตีผม”
หลังจากพูดจบ รพีพงษ์ก็มองจารุณีที่ไม่ขยับใดๆ ภายในใจก็รู้สึกประหม่า เขาก็จับจ้องจารุณีอยู่ตรงหน้าเตียงไปสักพัก แล้วจึงค่อยลุกขึ้นและมองไปยังธีรศานติ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ตลอดมา
“ผมรู้จักหมอเทพท่านหนึ่งจริงๆ เดี๋ยวผมจะให้เขารีบมา ไม่ว่าจะสามารถรักษาได้ไหม แต่ก็เป็นความหวังหนึ่ง ถึงเวลาผมจะให้ช่องทางติดต่อของเขากับคุณ หวังว่าคุณจะต้อนรับหน่อย” รพีพงษ์พูดขึ้น
ธีรศานติ์พยักหน้า แน่นอนว่าเขาก็ไม่อยากพลาดโอกาสใดๆ ไปหรอก
หลังจากนั้นรพีพงษ์ก็ไม่ได้อยู่ต่อ หลังจากที่ได้แจ้งเรื่องที่จะจัดการกับกรุ๊ปKINกับธีรศานติ์เสร็จ ก็โทรหาชุติเทพ จากนั้นก็ค่อยออกจากอาคารTY
ในห้องผู้ป่วย ธีรศานติ์จับจ้องลูกของตนเองไปสักพัก ผ่านไปสักพักใหญ่ เขาถอนหายใจออกมายาวๆ แล้วหันหลังเดินออกไปนอกห้องผู้ป่วย
เขากลับไม่ได้สังเกตเห็น ตอนที่เขาหันหลังในชั่วพริบตานั้น นิ้วมือนิ้วหนึ่งของจารุณีขยับเบาๆ
…….
คฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์
รพีพงษ์ปรากฏอยู่ตรงหน้าประตู แล้วสาวเท้าเดินไปข้างใน
วันนี้คฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ดูเยือกเย็นเล็กน้อย ที่ผ่านมาที่นี่คนเยอะคึกคัก มีคนไม่รู้เท่าไหร่เบียดกันมาสานความสัมพันธ์กับตระกูลลัดดาวัลย์ ทุกวันก็จะมีคนวิ่งมาส่งของขวัญที่นี่
และวันนี้แม้แต่เหงาของคนที่มาเยือนก็ยังไม่มี ทุกคนในเกียวโตต่างก็รู้ตั้งนานแล้วว่าตระกูลลัดดาวัลย์อยู่ภายใต้การก่อกวนของกรุ๊ปKIN ก็ได้กลายเป็นเปลือกที่ข้างในว่างไปแล้ว ป้ายตระกูลของตระกูลลัดดาวัลย์ อาจจะถูกคนอื่นแทนที่อยู่ตลอดเวลา
ภายในตระกูลลัดดาวัลย์ก็วุ่นวายอย่างมาก เพราะว่าวิธีของกรุ๊ปKIN ตำแหน่งของตระกูลลัดดาวัลย์ต้องตกอยู่ในขั้นวิกฤต คนไม่น้อยก็ถูกวิธีต่างๆ ของโยษิตายั่วยวน ก็ได้มีคนมากมายที่พิจารณาที่จะทรยศตระกูลลัดดาวัลย์
สำหรับสถานการณ์แบบนี้ ตอนที่รพีพงษ์เจอหน้ากับไกรเดช ก็ได้เข้าใจแล้ว ทว่าเขาก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร ความคิดของเขา นี่ไม่ใช่เรื่องที่สำคัญอะไร อีกอย่างสามารถถือโอกาสนี้ มองใครกันแน่ที่เป็นคนที่จงรักภักดีต่อตระกูลลัดดาวัลย์อย่างแท้จริง
รพีพงษ์อยู่ในคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ ไม่นานก็มีคนสังเกตเห็น คนไม่น้อยรีบวิ่งมา แต่ไม่ได้เดินหน้ามากล่าวทักทาย
แล้วพูดขึ้นลอยๆ ว่าตระกูลลัดดาวัลย์กำลังเผชิญกับวิกฤต รพีพงษ์ที่เป็นนายใหญ่ของตระกูลคนนี้ ไม่มีความน่าเกรงขามอีกต่อไป ตอนที่เขารับช่วงต่อจากตระกูลลัดดาวัลย์ก็หายใจแล้ว มีคนไม่น้อยที่คิดว่าตระกูลลัดดาวัลย์กลายเป็นแบบนี้ ก็เพราะผลจากใช้วิธีไม่ถูกของหัวหน้ารพีพงษ์
รพีพงษ์ไม่ได้สนใจท่าทีของคนพวกนี้เลย ตลอดทางก็ได้เดินไปข้างหน้า เวลาที่ใกล้จะไปถึงตรงส่วนลึก ก็เพิ่งจะมีคนเรียกเขาว่าเจ้าบ้านด้วยความเคารพ
“ท่านคทาอยู่ที่ไหน? ” รพีพงษ์มองผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าตัวเอง
“ท่านคทากำลังเคลียร์งานธุรกิจของตระกูลที่ห้องหนังสือครับ นายใหญ่ครับ ช่วงหน้าท่านไม่อยู่ ตระกูลลัดดาวัลย์เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่หลวง และมีคนจะวางแผนที่จะทำให้ตระกูลลัดดาวัลย์เกิดการแตกแยก ท่านต้องคิดหาวิธีนะครับ” คนๆ นั้นทำสีหน้าที่เคล้าด้วยความกังวล
รพีพงษ์พยักหน้า แล้วถาม “ใครอยากทำแบบนี้หรอ? ”
คนๆ นั้นถอนหายใจ แล้วกำลังจะเอ่ยพูด ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ส่งมาจากที่ไม่ไกล
รพีพงษ์และคนๆ นั้นต่างก็เงยหน้าขึ้น แล้วสังเกตเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินมาทางนี้ด้วยความน่าหวาดผวา
และคนที่นำหน้า ก็คือคนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับรพีพงษ์ หลังจากที่โตขึ้นมาก็กลายเป็นน้องสาวที่แปลกหน้า ญาดา
ครั้งที่แล้วรพีพงษ์ยึดอำนาจของตระกูลลัดดาวัลย์กลับไป ญาดาจึงอยากจะสนิทสนมกับรพีพงษ์อีกครั้ง แค่เสียดายที่เวลาผ่านไปแล้วก็คิดถึงคนที่จากไป รพีพงษ์กลับไม่ได้ให้โอกาสนี้กับเธอ
“รพีพงษ์ พี่ยังมีสิทธิอะไรกลับมาที่นี่ ถ้าไม่ใช่พี่ ตระกูลลัดดาวัลย์ก็คงไม่มีเปลี่ยนแปลงขนาดนี้ พี่มันไอ้สวะที่ไร้ความสามารถ ควรที่จะไสหัวออกจากประตูใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ตลอดไป! ”
ญาดาทำใบหน้าที่โหดเหี้ยม แล้วก็ตะโกนใส่รพีพงษ์ด้วยความไม่เกรงใจ