พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 501 กลัวว่าจะหึงอีก
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 501 กลัวว่าจะหึงอีก
บทที่ 501 กลัวว่าจะหึงอีก
ภายในไม่กี่วัน เรื่องที่ตระกูลลัดดาวัลย์กลายเป็นหุ้นส่วนใหญ่ที่สุดในแผนฟื้นฟูเมืองเก่า แพร่กระจายไปทั่วเมืองเกียวโต ทุกคนรู้ดีว่าการฟื้นฟูเมืองเก่าสื่อถึงอะไร และรู้ว่าตระกูลลัดดาวัลย์จะใช้โอกาสนี้ ทำให้ตัวเองมีบทบาทแบบไหน
ข่าวที่ลือกันว่าตระกูลลัดดาวัลย์จะล่มสลายหายวับไปในชั่วข้ามคืน และสิ่งที่มาแทนก็คือข่าวที่ตระกูลลัดดาวัลย์จะใช้โอกาสนี้ตั้งตัวอีกครั้ง
เมื่อถึงตอนนั้น กรุ๊ปKIN ก็ไม่มีทางต้านทานพวกเขาได้แน่นอน
ทุกคนต่างตกใจและชื่นชมในการกลับมาอีกครั้งของตระกูลลัดดาวัลย์ เรื่องราวที่รพีพงษ์เคยกระทำก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองเกียวโต ผู้คนจำนวนมากล้วนพูดว่ารพีพงษ์คือความหวังใหม่ของตระกูลลัดดาวัลย์ เขาจะนำพาตระกูลลัดดาวัลย์ไปสู่ความรุ่งเรือง!
เพราะว่าก่อนหน้านี้รพีพงษ์ไม่ได้มีอำนาจอยู่ในมือ คฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ร้างอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน คนที่จะเข้าไปเลียแข้งเลียขาพวกตระกูลลัดดาวัลย์ ล้วนหายไปจากหน้าประตูคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์
แต่ครั้งนี้ตระกูลได้แผนโครงการฟื้นฟูเมืองเก่ามาอยู่ในกำมือ หน้ารประตูฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์กลับมาคึกคักอีกครั้ง คนที่มามอบของให้ก็เยอะกว่าแต่ก่อนไม่น้อยเลยทีเดียว สิ่งที่ท่านคทาต้องทำทุกวันคือการนั่งอยู่ในห้องรับแขก เพื่อต้อนรับการมาของเหล่านักธุรกิจจากตระกูลที่มีอำนาจ
ส่วนพวกตระกูลหรือบริษัทเล็กๆ ที่ส่งคนมามอบของให้ มักจะโดนเชิญออกไป โดยไม่มีโอกาสได้เจอท่านคทา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะได้เจอรพีพงษ์หรือไม่
แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่คนที่มามอบของก็ยังมีอย่างไม่ขาดสาย เพราะทุกคนรู้ดีว่า ตระกูลลัดดาวัลย์จะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งจากแผนโครงการฟื้นฟูเมืองเก่า เมื่อถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเป็น กรุ๊ปKINหรือหอการค้าสมน. ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตระกูลลัดดาวัลย์อีกแล้ว และในเมืองเกียวโตก็ไม่มีใครสามารถต้านทานตระกูลลัดดาวัลย์ได้อีก
ภายในเวลาไม่กี่วัน ไกรเดชนัดเจอสามฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือครั้งนี้ประมาณสองสามครั้ง เพื่อปรึกษาเรื่องแผนโครงการฟื้นฟูเมืองเก่า ทุกครั้งที่ไกรเดชเสนอแผน เขาจะให้รพีพงษ์เป็นคนตัดสินใจ
และจิรเวชจะไม่พอใจกับการตัดสินใจของรพีพงษ์ทุกครั้ง แต่เขาไม่มีสิทธิ์คัดค้าน ทุกครั้งรพีพงษ์จะเลือกขัดขวางกรุ๊ปKIN เสมอ และเป็นการยั่วโมโหจิรเวชอย่างชัดเจน
จิรเวชโมโห เขาจึงแย้งออกไป ครั้งนี้ต้องให้ทั้งสามฝ่ายโหวต และธีรศานติ์จะโหวตให้รพีพงษ์ทุกครั้ง และเสียงโหวตของจิรเวชเหมือนไร้ค่า ไม่ว่าอย่างไรมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร
ถึงแม้เขาจะหงุดหงิดใจ แต่จิรเวชไม่มีทางเลือกแม้แต่น้อย เขาเพิ่งเข้าใจว่าเงินสองหมื่นล้านที่เขาลงทุนไปในโครงการนี้ กลายเป็นเงินที่ปูทางให้กับรพีพงษ์ไปแล้ว
และเขาค่อยๆ เห็นท่าทีที่ไกรเดชมีต่อรพีพงษ์ ไม่ว่ารพีพงษ์จะเสนออะไรเกี่ยวกับแผนโครงการครั้งนี้ ไกรเดชมักจะเห็นด้วยอย่างไร้ข้อกังขา
การที่เป็นเช่นนี้ทำให้จิรเวชรู้สึกเหมือนถูกมองข้าม ถึงเขาจะรู้สึกช้า แต่ก็ยังรู้สึกได้ว่ามันมีสิ่งผิดปกติซ่อนอยู่ในนั้น
เขามีความรู้สึกว่าจะโดนรพีพงษ์หลอก ไม่ว่าจะเป็นไกรเดชหรือธีรศานติ์ พวกนั้นถูกรพีพงษ์ซื้อไว้หมดแล้ว
หลังจากที่จิรเวชมีลางสังหรณ์เช่นนี้ เขาจึงยอมแพ้เรื่องการถกเถียงโครงการฟื้นฟูเมืองเก่า และยกอำนาจการตัดสินใจทั้งหมดให้กับรพีพงษ์
ส่วนเขาก็เก็บความโกรธแค้นไว้เต็มอก และคิดหนทางแก้แค้นรพีพงษ์ด้วยวิธีอื่น
ภารกิจของเขาในการมาเมืองเกียวโตครั้งนี้ คือการกำจัดตระกูลลัดดาวัลย์ ภายในตระกูลนิธิวรสกุล ตระกูลลัดดาวัลย์เป็นเพียงตระกูลที่สร้างสมบัติจากการคิดคด ดังนั้นในสายตาของคนในตระกูลนิธิวรสกุล มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะจัดการ
ถ้าเรื่องแค่นี้จิรเวชยังทำไม่ได้ หลังจากนี้เขาอาจจะได้ส่วนแบ่งจากตระกูลน้อยลงอีกก็ได้
และในตอนนี้ตระกูลลัดดาวัลย์ พึ่งพารพีพงษ์เพียงผู้เดียว ขอแค่เขาสามารถกำจัดรพีพงษ์ออกไปได้ ตระกูลลัดดาวัลย์ก็ต้องล่มสลายเช่นกัน เพราะฉะนั้นเขาจึงมีวิธีจัดการรพีพงษ์อยู่ในใจแล้ว
ในขณะที่จิรเวชกกำลังคิดแผนกำจัดรพีพงษ์อยู่นั้น รพีพงษ์ก็ไม่ได้อยู่เฉยเหมือนกัน ตอนนี้เขาได้เอาเงินมาจากมือของจิรเวชแล้ว การกำจัดจิรเวช ก็เหลือแค่เวลาและโอกาสเท่านั้น
จารุณีอยู่ในห้องพักผู้ป่วยที่อาคารTY
รพีพงษ์เฝ้าจารุณีอยู่ข้างเตียง รพีพงษ์เอาแต่จ้องไปที่ใบหน้าอันซีดเซียวของหญิงสาว
ขณะนั้นประตูก็ถูกเปิดออก ชุติเทพเดินเข้ามา เมื่อเขาเห็นสีหน้าของรพีพงษ์ เขาจึงยิ้มให้รพีพงษ์
“ไหนนายบอกว่าในใจมีแต่ภรรยาคนเดียวไง ทำไมตอนนี้ถึงหลายใจเสีย แอบจ้องลูกสาวชาวบ้านแล้วล่ะ นายไม่กลัวภรรยาหึงเหรอ” ชุติเทพพูดติดตลก
รพีพงษ์หลุดจากภวังค์ เขาให้ไปกลอกตามองบนใส่ชุติเทพ แล้วพูดว่า “ฉันเห็นจารุณีเป็นน้องสาวแท้ๆ ของฉัน เธออาการโคม่า แน่นอนว่าฉันต้องกระวนกระวายอยู่แล้ว อีกทั้งการที่เธอเป็นแบบนี้ ก็เกี่ยวกับฉันด้วย ฉันมาดูแลเธอ เป็นเรื่องที่สมควรทำแล้ว”
“ยังดีที่วันนี้ฉันไม่ได้พาเจสสิก้ามาด้วย ถ้าเธอเห็นนายในตอนนี้ กลัวว่าจะหึงอีกล่ะสิ” ชุติเทพพูดอย่างหดหู่
รพีพงษือึ้งไป แล้วถามขึ้นว่า “ทำไมเจสสิก้าต้องหึงด้วยล่ะ”
ชุติเทพส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ เขาคิดในใจว่าเจสสิก้าพูดไว้ไม่ผิด คนซื่อบื้ออย่างรพีพงษ์ ไม่มีทางรู้ว่าเจสสิก้ามีใจให้ตัวเองแน่นอน ถ้าพูดตามที่เจสสิก้าบอก รพีพงษ์คือผู้ชายแท้ๆ อย่างไม่ขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่น้อย
“ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร ฉันแค่พูดไปเรื่อยเปื่อย อาการของน้องสาวนายตอนนี้เริ่มคงที่แล้ว ขอแค่ให้เธอกินยาที่ฉันต้มให้ เธอน่จะฟื้นภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์” ชุติเทพพูดเปลี่ยนเรื่อง
เมื่อได้ยินที่ดังนั้น รพีพงษ์ก็รู้สึกโล่งอก ชุติเทพรับประกันขนาดนี้ จารุณีคงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
เขาอยู่เฝ้าจารุณีอีกพักใหญ่ จากนั้นเขาจึงเดินออกมาจากอาคารTY สองสามวันมานี้เขาเอาแต่คิดวิธีก่อกวนกรุ๊ปKIN ทำให้ความคิดของเขาสับสนเล็กน้อยเช่นกัน
หลังจากที่เขาออกมา เขาไม่ได้ตรงกลับไปยังตระกูลลัดดาวัลย์ แต่เขาเดินไปตามทาง เพื่อทำให้จิตใจปลอดโปร่ง
หลังจากที่เขารู้ว่าการหายตัวไปของอารียาไม่เกี่ยวกับโยษิตา เขารู้สึกเครียดตลอดเวลา สิ่งที่ไม่สามารถยืนยันอะไรได้มักจะทำให้คนทุกข์ทรมานอยู่เสมอ
ถ้าอารียาโดนโยษิตาจับตัวไปจริง เขาคงไม่กลุ้มใจมากเช่นนี้ แต่น่าเสียดายที่เมื่อได้เจอโยษิตาในคืนนั้น รพีพงษ์ก็ระดมหน่วยข่าวกรองของกิสนา เพื่อสืบความเคลื่อนไหวทั้งหมดของโยษิตาหลังจากที่มาเกียวโต เพื่อยืนยันว่าโยษิตาไม่ได้เป็นผู้ต้องสงสัย
ถ้าอารียาโดนโยษิตาจับไปจริงๆ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีเบาะแสอะไรเลย
เขาสะบัดหัวอย่างรุนแรง จากนั้นจึงเดินต่อไป ขณะที่เขาเดินผ่านซอยแห่งหนึ่ง เขาได้ยินเสียงด่าดังออกมา จึงหันหน้ามองไปตามเสียงนั้น
กลุ่มคนที่ดูเหมือนนักเลงกำลังรุมเตะต่อยชายวัยกลางคนคนหนึ่ง
สายตาของรพีพงษ์เลื่อนไปวางที่ชายวัยกลางคนคนนั้น เขาอึ้งไปในทันที คนที่กำลังโดนรุมทำร้าย คือ ศักดา ผู้ที่เป็นพ่อตาของเขา!