พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 507 เอาไปบริจาคยังจะดีกว่า
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 507 เอาไปบริจาคยังจะดีกว่า
บทที่ 507 เอาไปบริจาคยังจะดีกว่า
เมื่อทุกคนเห็นว่าณัฐปภัสร์ลงมาจากรถแล้วก็เตะไปยังชายหัวล้านทันที ทุกคนต่างพากันอึ้งไป ไม่รู้ว่าประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์บันดุงเป็นอะไรไป
ชายหัวล้านมีสีหน้าตกตะลึง อยู่ๆ ก็โดนเตะโดยไม่รู้สาเหตุ ขนาดตัวเขาเองยังไม่รู้เลยว่าเพราะอะไร
ณัฐปภัสร์ไม่มีเวลามาอธิบายให้ชายหัวล้านฟัง หลังจากที่เขาเตะชายหัวล้านไปทีหนึ่ง เขาก็กวาดตามองไปรอบๆ เมื่อเห็นรพีพงษ์ เขาก็รีบเดินเข้าไปทันที
เขายกมือเช็ดเหงื่อบนหน้าปากของตัวเอง เมื่อเดินมาตรงหน้ารพีพงษ์ ณัฐปภัสร์โค้งตัว สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “นายใหญ่ ขอโทษจริงๆ นะครับ ไอ้พวกลูกน้องของผมมันสร้างปัญหาให้คุณใช่ไหมครับ ถ้ามันทำแบบนั้น ผมจะไม่ปล่อยมันไว้!”
รพีพงษ์มองณัฐปภัสร์ด้วยสายตาเย็นชา แล้วถามขึ้นว่า “ตอนที่คุณซื้อที่ดินผืนนี้ คุณเขียนไว้บนสัญญาชัดเจนแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าจะหาที่อยู่ใหม่ให้เด็กในสถานสงเคราะห์”
เมื่อณัฐปภัสร์ได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ใจของเขาเต้นตึกตัก และรู้ทันทีว่ารพีพงษ์เรียกเขามาทำไม การที่ชายหัวล้านมารื้อถอนที่นี่ได้ก็เพราะว่าได้รับการอนุญาตจากเขา สำหรับคนในสถานสงเคราะห์ พวกเขาวางแผนไว้ว่าให้รื้อถอนก่อนแล้วค่อยว่ากัน เพราะเวลาไม่เคยคอยท่า ถ้ารอหาที่อยู่ใหม่ให้คนพวกนั้น เขาต้องสูญเสียเงินไปไม่น้อย
“นายใหญ่ คืออย่างนี้ครับ ช่วงนี้ผมค่อนข้างบริหารเงินไม่ทัน ผมสามารถทำเงินได้จากโครงการในพื้นที่สถานสงเคราะห์ ผมยังมีเงินกู้ที่ต้องคืนอีกเยอะ ผมจึงค่อนข้างรีบและทำให้ต้องทำโครงการที่นี่” ณัฐปภัสร์พูดอธิบาย
รพีพงษ์ส่งเสียงหึออกมา แล้วพูดว่า “ผมถามว่าในสัญญาระบุไว้ว่าชัดเจนว่าต้องหาที่อยู่ใหม่ให้คนในสถานสงเคราะห์ก่อนไม่ใช่เหรอ ผมไม่ได้บอกให้คุณพูดความทุกข์ของตัวเองเสียหน่อย”
ณัฐปภัสร์ตัวสั่นเทิ้มแล้วรีบพูดขึ้นว่า “ขะ เขียนไว้ชัดเจนแล้วครับ”
“ที่นี่คือที่พักอาศัยเดียวของเด็กในสถานสงเคราะห์ ลูกน้องของคุณกลับจะรื้อถอนที่นี่ แล้วคุณทำตามเงื่อนไขในสัญญาหรือเปล่า บริษัทคุณชอบทำเรื่องแบบนี้กันเหรอ” รพีพงษ์ซักถาม
เหงื่อผุดออกมาเต็มหน้าผากของณัฐปภัสร์อีกครั้ง จู่ๆ เขาก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร เขารู้เพียงว่าถ้ารพีพงษ์เอาชื่อบริษัทของเขาไปอยู่ในบัญชีดำเพราะเรื่องนี้ หลังจากนี้บริษัทของเขาจะต้องลำบากแน่นอน
กัญญาวีร์ยืนมองรพีพงษ์กับณัฐปภัสร์คุยกัน หลังจากที่เธอเห็นว่าประธานบริษัทบริษัทอสังหาริมทรัพย์บันดุงมีท่าทีนอบน้อมเมื่ออยู่ต่อหน้ารพีพงษ์ เธอก็เริ่มแน่ใจแล้วว่ารพีพงษ์น่าจะเป็นนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์
อีกทั้งสรรพนามที่ณัฐปภัสร์ใช้เรียกรพีพงษ์ทำให้กัญญาวีร์แน่ใจ เธอคิดไม่ถึงว่าคนที่เธอเดินชน จะเป็นคนที่มีชื่อเสียงในเกียวโต อีกทั้งเพราะเขาชนเธอ จึงมาช่วยเธอจัดการปัญหานี้ เธอรู้สึกเหมือนกำลังฝันไป
ขณะนั้นเองชายหัวล้านก็เดินมาทางนี้เช่นกัน เขาเห็นณัฐปภัสร์นอบน้อมกับรพีพงษ์อย่างมาก สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความมึนงง หลังจากที่เดินมาถึงข้างหลังของณัฐปภัสร์ ชายหัวล้านจึงพูดอย่างระมัดระวังว่า “ประธาน ไอ้นี่มันขวางการรื้อถอนของพวกเรา แถมยังมาทำร้ายคนของเราอีก ทำไมประธานต้องเกรงใจมันขนาดนั้นด้วยครับ”
ตอนนี้ณัฐปภัสร์ไม่รู้ว่าจะกำจัดความกระอักกระอ่วนนี้ออกไปอย่างไร ชายหัวล้านยังเข้ามาพูดแบบนี้อีก เขายกมือตบลงไปที่หน้าของชายหัวล้านโดยไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลง
“แกรู้ไหมว่าท่านผู้นี้เป็นใคร ท่านนี้คือนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ เขาทำร้ายคนของแก แกควรจะดีใจนะ แกมาบอกให้ฉันไม่เกรงใจเขางั้นเหรอ อะไรทำให้แกกล้าพูดออกมาขนาดนี้!” ณัฐปภัสร์ตวาดออกมา
เมื่อชายหัวล้านได้ยินที่ณัฐปภัสร์พูด จู่ๆ เขาก็งงไปหมด จากนั้นก็มองรพีพงษ์ด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ ในหัวของเขาคิดไปถึงข่าวเกี่ยวกับรพีพงษ์และตระกูลลัดดาวัลย์ ความหวาดกลัวก่อตัวขึ้นในใจของเขา
ตระกูลลัดดาวัลย์กลับมามีอำนาจในเมืองเกียวโตอีกครั้ง แถมยังน่ากลัวกว่าเมื่อก่อน นายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์เป็นที่น่าเกรงขามในเมืองเกียวโต
และคนที่เขายั่วโมโหคือคนที่มีตำแหน่งสูงจนไม่สามารถเปรียบได้ในเมืองเกียวโต!
ชายหัวล้านขาสั่นระรัว และคิดในใจว่าทำไมตอนแรกถึงไม่ถามเสียก่อนว่าเขาเป็นใคร ถ้ารู้ว่าเป็นนายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ตั้งแต่ตอนแรก เขาคงไม่ให้ลูกน้องไปทำร้ายรพีพงษ์อย่างแน่นอน
ถ้าตอนนั้นรพีพงษ์พูดว่าตัวเองเป็นนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะไม่เชื่อ แต่ท้ายสุดแล้วผลลัพธ์ของมันก็เหมือนกัน ณัฐปภัสร์บอกว่ารพีพงษ์เป็นใครจากปากของเขาเอง เขาถึงเชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากที่ณัฐปภัสร์ตบชายหัวล้าน เขาก็หันกลับมาพูดกับรพีพงษ์ว่า “นายใหญ่ ตอนที่ผมสั่งให้พวกมันมา ผมบอกพวกมันแล้วว่าให้หาที่อยู่ให้เด็กในสถานสงเคราะห์ แล้วค่อยรื้อถอน ไอ้โง่นี่มันไม่ฟังคำพูดผม เลยทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ เรื่องนี้ผมจะจัดการให้เรียบร้อยครับ ผมจะหาที่อยู่ใหม่ให้กับเด็กในสถานสงเคราะห์ให้เร็วที่สุด แล้วค่อยลงมือรื้อถอนที่นี่ ต่อไปนี้จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกครับ”
“ประธาน ผม…” ชายหัวล้านกำลังจะเถียงออกมา เพราะณัฐปภัสร์ไม่เคยพูดกับเขาว่าให้หาที่อยู่ใหม่ให้กับเด็กในสถานสงเคราะห์
ณัฐปภัสร์จ้องชายหัวล้านเขม็ง เพื่อเป็นการบอกให้หุบปาก ชายหัวล้านมีสีหน้าสลด แต่เขาก็ไม่กล้าขัดขืนคำสั่งของณัฐปภัสร์ และทำได้เพียงยืนเงียบๆ
รพีพงษ์มองทั้งสองคน เมื่อฟังที่ณัฐปภัสร์พูด เขาไม่ได้รีบร้อนพูดออกไป และหันไปมองกัญญาวีร์
“พวกคุณอยากเปลี่ยนที่อยู่ใหม่หรือยังอยู่ที่นี่” รพีพงษ์ถามขึ้น
กัญญาวีร์ยังยืนอึ้งอยู่ เมื่อได้ยินที่รพีพงษ์ถามก็รีบตั้งสติ และพูดว่า “ถะ ถ้าเป็นไปได้ ก็ยังอยากอยู่ที่นี่ สถานสงเคราะห์เด็กอยู่ที่นี่มานาน ถ้าจะเปลี่ยนที่อยู่ ไม่เพียงแค่จะยุ่งยาก แถมมันยังต้องใช้ระยะเวลาที่เหมาะสมอีกด้วย”
รพีพงษ์พยักหน้า แล้วหันไปมองณัฐปภัสร์ และยิ้มอย่างมีเลศนัย “ประธานณัฐปภัสร์ ถ้าผมเดาไม่ผิดบริษัทอสังหาริมทรัพย์บันดุงรื้อถอนโดยไม่ได้รับการอนุญาตมาไม่น้อยแล้วสินะ?”
ณัฐปภัสร์สีหน้าไม่สู้ดี แต่เขายังพูดแย้งออกมาว่า “นายใหญ่พูดเล่นอะไรน่ะครับ นี่เป็นครั้งแรกที่เจอเรื่องแบบนี้ ผมรับรองว่านี่จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายครับ”
รพีพงษ์แบะปาก สีหน้าของณัฐปภัสร์ทำให้รู้ว่าเขาไม่ได้ทำเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก
“คุณไม่ต้องมาแสดงความเด็ดขาดต่อหน้าผม ผมให้คนไปสืบดูก็รู้แล้วว่าบริษัทของคุณทำเรื่องแบบนี้มากี่ครั้ง”
ณัฐปภัสร์ชะงักไป
“ยิ่งทำเรื่องแบบนี้เยอะ การรู้ชั่วดีก็จะยิ่งลดลง ตอนนี้เป็นโอกาสของคุณ บางครั้งการทำความดี สวรรค์อาจจะเมตตาก็ได้”
“คุณบริจาคที่ผืนนี้ยังจะดีกว่า ให้ที่นี่เป็นสถานสงเคราะห์เด็กต่อไป แล้วก็ซ่อมแซมที่นี่อีกสักหน่อย คุณว่าไงล่ะ”