พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 65
บทที่ 65 ให้เธอมาทำ
“พี่ศาพี่ทำอะไร?” วิภาดายืนนิ่ง กัดริมฝีปากจ้องมองไปที่ พนักงานขายคนนั้น
คนคนนี้มีชื่อว่าชวิศา ทำงานในร้าน 4s นี้มาหลายปีแล้ว เมื่อกี้ตอนที่รพีพงษ์เข้ามา เธอเยาะเย้ยมากที่สุด ตอนนี้ เห็นรพีพงษ์ต้องการที่จะรับรถจริงๆ ก็รีบวิ่งเข้ามาแย่งออ เกอร์ของ วิภาดาทันที
เธอรู้สึกว่าวิภาดาเป็นคนมาใหม่ ต่อให้เธอแย่งออเดอร์ ของ วิภาดาจริงๆ วิภาดาก็ไม่กล้าพูดอะไรแน่นอน
“คุณยังไม่คุ้นเคยกับงานของเราที่นี่ ออเดอร์นี้ ฉันช่วย คุณทำ ต่อไปถ้ารับออเดอร์อีก คุณค่อยทำเอง” ชวิศาพูด อย่างเอาจริงเอาจัง
วิภาดากัดริมฝีปากเบาๆ รู้สึกไม่พอใจ แล้วพูดขึ้นว่า “ฉัน คุ้นเคยกับการงานแล้ว แล้วนี่ออเดอร์ของฉัน คุณมีสิทธิ์ อะไรมาแย่งไป”
ชวิศารีบจ้องเขม็งวิภาดา แล้วพูดว่า “วิภาตา คุณเป็น คนใหม่นะ ประสบการณ์ของฉันมากกว่าคุณ ความสัมพันธ์ ระหว่างผู้จัดการกับฉันก็ดีมากกันด้วย คุณอย่าไม่รู้ผิดชอบ ชั่วดีนะ!”
หลังจากพูดจบ ชวิศาก็หันไปมองรพีพงษ์ ใบหน้าแสดง รอยยิ้มที่มีเสน่ห์
แม้ว่าชวิศาอายุเกือบสามสิบแล้ว แต่หลังจากแต่งหน้า แล้ว ยังคงมีความสวยบ้าง เป็นเพราะเหตุนี้ ผู้จัดการจึงมี ความสัมพันธ์ที่ดีกับเธอ
“คุณผู้ชาย ให้ฉันมาช่วยคุณดำเนินการขั้นตอนต่างๆ ฉัน ทำงานที่นี่มานานมากแล้ว ชำนาญกับขั้นตอนแต่ละอย่าง มาก” ชวิศาพูดด้วยรอยยิ้มกับรพีพงษ์ ยังส่งสายตายั่วยวน ให้รพีพงษ์เป็นครั้งคราว
รพีพงษ์มองไปที่ชวิศาด้วยความรังเกียจ สิ่งที่เขารำคาญ มากที่สุด ก็คือคนอย่างชวิศา แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ ชวิศาช่วยเขาดำเนินการขั้นตอนต่างๆ
“คือคุณผู้หญิงคนนี้พาฉันดูรถ ฉันซื้อรถ ก็ต้องหาเธอ ด้วยเช่นกัน คุณไปยุ่งงานของคุณนึกว่า” รพีพงษ์พูดขึ้น
ชวิศาเห็นว่ารพีพงษ์ยืนยันที่จะให้วิภาดาช่วยดำเนินการ ให้เขา ก็แสดงความไม่พอใจเล็กน้อย
แต่ในไม่ช้า เธอก็ใช้วิธีถนัดของเธอ
เห็นเพียงชวิศารอยยิ้มกลับคืนมา แนบตัวติดกับรพีพงษ์ เอามือข้างหนึ่งควงแขนของเขาไว้ ขยับพูดกระซิบข้างหู เขา “คุณผู้ชาย เพียงแค่คุณซื้อรถกับฉัน คืนนี้ เราสามารถ มีความสุขในการร่วมรักได้นะ”
เมื่อวิภาดาเห็นชวิศาเป็นแบบนี้ ในใจก็รู้สึกหมดหวังเล็ก น้อย ก่อนหน้านี้ไม่นาน เธอก็เคยเห็น ชวิศาใช้วิธีนี้ แย่งอ อเดอร์ของเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง
ผู้ชายสำหรับเรื่องอย่างว่าแล้ว โดยทั่วไปแล้ว ยากที่จะ ต่อต้าน เธอรู้สึกว่าออเดอร์ของเธอ เกรงว่าจะต้องยอมให้
ชวิศาแล้ว
หลังจากที่รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของชวิศา สีหน้าเคร่งขรึม ในทันที จากนั้นก็ยื่นมือผลัก ชวิศาออกไป พูดอย่างเย็นชา “ไปให้พ้น!”
แม้ว่าชวิศาจะมีเสน่ห์อยู่บ้าง แต่ถ้าเทียบกับอารียา ก็ด้อยกว่ามาก เป็นไปไม่ได้ที่รพีพงษ์จะชอบหญิงไร้รสนิยม แบบนี้
ชวิศามองรพิพงษ์ด้วยเหลือเชื่อเล็กน้อย คาดคิดไม่ถึงว่า วิธีนี้ของเธอ สำหรับรพีพงษ์แล้ว จะไม่ได้ผลเลย
รพีพงษ์หันหน้าไปมองวิภาดา แล้วพูดว่า “คุณมาช่วยฉัน ดำเนินการขั้นตอนต่างๆนะ”
วิภาดาจ้องมองรพีพงษ์นิ่งอึ้ง ในใจมีความซาบซึ้งเกิดขึ้น จากนั้นเธอก็รีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วพารพีพงษ์ไป ดำเนินเรื่องเลย
ชวิศาจ้องเขม็งวิภาดาด้วยสีหน้าเคียดแค้น พูดอย่างเย็น ชา “นางโสเภณี กล้าที่จะมาแย่งงานกับฉัน จะบอกแกให้ ความสัมพันธ์ของฉันกับผู้จัดการไม่ธรรมดา ฉันจะให้ผู้ จัดการจัดการแกเดี่ยวนี้เลย ต่อให้เขาจะหาแก เงินนี้ก็จะ ไม่ถึงมือแก!”
รพีพงษ์ตามวิภาดาไปยังสถานที่ที่ดำเนินงาน เมื่อกี้ที่คำ พูดที่ชวิศาบ่นพึมพำ เขาได้ยินหมดแล้ว ใบหน้าก็ปรากฏ รอยยิ้มเยาะเย้ยขึ้น
วิภาดาตั้งใจดำเนินเรื่องให้รพีพงษ์ จากนั้นก็ถามขึ้นว่า
“คุณผู้ชาย “ไม่ทราบว่าคุณต้องการผ่อนจ่ายไหมคะ?”
“ไม่ต้องจ่ายเต็มจำนวนได้เลย” รพีพงษ์หยิบบัตร ธนาคารของตัวเองออกมา
วิภาดาสะดุ้งตกใจ ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะจ่ายเงินเต็ม จำนวน ซึ่งนี่มันล้านกว่าเลยนะ
และในตอนที่วิภาดา กำลังจะรูดบัตร ชวิศาก็พาซายคน
หนึ่งเดินเข้ามา
ชายคนนี้ก็คือผู้จัดการของร้าน 4s แห่งนี้ เขามองไปที่ วิภาดา แล้วพูดว่า “วิภาดา คุณเอางานในมือให้ชวิศาทำไป ก่อน ห้องทำงานของฉันต้องการจัดตกแต่งหน่อย คุณมา ช่วยงาน”
ชวิศามองไปที่ วิภาดาอย่างมีชัย คิดในใจว่า สู้กับฉัน เธอ ยังอ่อนหัดเกินไป
วิภาดารู้สึกน้อยอกน้อยใจในทันที เธอรู้ดีอยู่แล้วดีว่า ทำไมผู้จัดการถึงต้องเรียกตัวเธอไป
แต่สำหรับคำพูดของผู้จัดการแล้ว เธอจำเป็นต้องเชื่อฟัง
“คุณผู้ชาย ให้ชวิศาช่วยคุณดำเนินการนะ เธอเป็นนัก ขายมือทองของเราจะต้องบริการคุณอย่างดีแน่น”
ผู้จัดการก็ยิ้มพูดกับ ชวิศา
ชวิศาแสดงรอยยิ้มที่อ่อนโยนต่อรพีพงษ์ ไม่รู้สึกเลยสัก
นิด ว่ามีทำแบบนั้นไม่เหมาะสมตรงไหนบ้าง
“คุณรีบไปเถอะ เดี๋ยวให้ลูกค้ารอจนกังวลแล้ว” ชวิศาดึง
วิภาดา
วิภาดาจนปัญญา จะลุกขึ้นทันที
“เดี๋ยวก่อน” รพีพงษ์พูดขึ้น
ทั้งสามคนมองไปที่รพีพงษ์ ในเวลานั้นผู้จัดการได้ยิน ชวิศาพูดถึงลูกค้าคนนี้ รู้ว่าเขามีแนวโน้มที่จะยืนยันให้ วิภาดามาช่วยดำเนินการต่อ จึงได้หาข้ออ้างไว้เรียบร้อย แล้ว
“เธอเป็นน้องสาวของฉัน วันนี้ฉันซื้อรถเพราะเธอ ดังนั้น การดำเนินขั้นตอนนี้ ต้องให้เธอเป็นคนทำ”
รพิพงษ์พูดขึ้น
“คุณผู้ชาย คืออย่างนี้…. ผู้จัดการคือจะโน้มน้าวรพี พงษ์อีก
รพีพงษ์ไม่ให้โอกาสนี้กับเขาเลย ยื่นบัตรธนาคารของ เขาให้กับผู้จัดการโดยตรง และพูดว่า “บัตรธนาคารนี้ คุณ น่าจะรู้จัดใช้ไหม?”
ชวิศาที่อยู่ข้างๆ หัวเราะเยาะในใจ คิดในใจว่า ความ สัมพันธ์ระหว่างฉันกับผู้จัดการ ไม่ใช่อย่างที่พวกเธอ สามารถจินตนาการได้ หรือว่าคุณยังสามารถใช้บัตร ธนาคารใบเดียว ให้ผู้จัดการช่วยพูดแทนวิภาดาได้ น่า ตลกสิ้นดี
ผู้จัดการรับบัตรธนาคารในมือของรพีพงษ์ เข้าไปดูใกล้ๆ อย่างละเอียด จากนั้นดวงตาทั้งสองข้างก็เบิกกว้างทันที
“นี่….นี่คือBlack Cardของธนาคารโลก?” ผู้จัดการพูด อย่างตกตะลึง
รพีพงษ์พยักหน้าเบาๆ แล้วพูดว่า “การ์ดใบนี้หมายถึง อะไร คุณน่าจะรู้ว่าดี วันนี้ฉันมาซื้อรถเพราะน้องสาวของ ฉัน ถ้าเธอทำงานที่คุณได้ดี ต่อไปฉันอยากซื้อรถอีก หรือ เพื่อนๆของฉันอยากซื้อรถ ฉันก็จะแนะนำให้มาที่นี่หมด”
ผู้จัดการกลืนน้ำลายลงคอ เขาไม่สงสัยเกี่ยวกับความ จริงๆในคำพูดของรพีพงษ์เลยสักนิด ผู้ที่ครอบ ครองBlack Cardของธนาคารโลก ใครบ้างที่ไม่ใช่คนใหญ่ คนโต ซื้อรถมูลค่าล้านกว่า สำหรับพวกเขาแล้ว มันก็ง่าย เหมือนกับการกินข้าวเลย
ยิ่งไปกว่านั้น คนเหล่านี้มีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ถ้าหาก สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาได้ ผลประโยชน์ที่จะ ได้รับนั้น ก็ค่อนข้างน่ากลัวแล้วจริงๆ
ผู้จัดการเป็นคนรู้และเข้าใจในเหตุผล เขารู้ดีอยู่แล้วว่า ระหว่าง ชวิศาและผู้ที่ครอบครองBlack Cardของ ธนาคารโลก สิ่งใดสำคัญกว่า ชวิศาเป็นเพียงคนที่เขามี สถานะไม่ชัดเจนเท่านั้น เพียงแค่มีเงิน ผู้หญิงแบบนี้ เขา สามารถมีได้นับไม่ถ้วน
ดังนั้นเขาจึงรีบโค้งคำนับแล้วพูดยิ้มให้รพีพงษ์ทันที “คุณ ผู้ชาย ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะให้วิภาดาช่วยดำเนินขั้นตอนต่อ ไปให้คุณ และต่อไปฉันจะดูแลเธอเป็นพิเศษ” รพีพงษ์พยักหน้าเบาๆ แล้วไม่พูดอะไรอีก เขาเห็นว่า
วิภาดา แสดงท่าที่ต่อเขาค่อนข้างดี ดังนั้นจึงยื่นมือช่วย
หน่อย
ชวิศาเห็นท่าทีของผู้จัดการเปลี่ยนไปกะทันหัน สีหน้า เต็มไปด้วยความงุนงง แล้วถามขึ้นว่า “ผู้จัดการ คุยกันแล้ว ว่าจะให้ฉันมาจัดการกับออเดอร์นี้ไม่ใช่เหรอ ทำไมคุณให้ วิภาดา นางตัวดีนี้ทำอีกแล้ว”
ผู้จัดการจ้องเขม็งไปที่ชวิศาด้วยสายตาดุดัน และพูดว่า “ต่อไปวิภาดาก็คือน้องสาวของฉัน ถ้าคุณกล้าแย่งออเดอร์ ของเธออีก ฉันจะไล่คุณออกโดยตรง! เอาล่ะ ตอนนี้คุณไป จัดห้องทำงานให้ฉัน เรื่องตรงนี้ ปล่อยให้วิภาดาเป็นคนทำ เถอะ”
ชวิศาตกตะลึงไปชั่วขณะ ยังไงก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ว่า ผู้จัดการที่อยู่เคียงข้างเธอมาโดยตลอด กลับช่วยพูด แทนวิภาดา
เธอมองไปที่รพีพงษ์ ด้วยใบหน้าที่สับสนมึนงง คิดไม่ ออกว่าเกิดอะไรขึ้น
ผู้จัดการกลัวว่าเธอจะทำให้รพีพงษ์ไม่พอใจ จึงรีบลากเธอออกไปจากที่นี่
วิภาดาก็มองไปที่รพีพงษ์ด้วยมึนงงเหมือนกัน ยังไงก็คิด ไม่ถึงว่า ผู้จัดการจะทำดีกับเธอกะทันหัน เพราะคำพูดของ รพีพงษ์คำเดียว
แต่ในไม่ช้า เธอก็ได้เข้าใจแล้ว รพีพงษ์ต้องเป็นคนใหญ่ คนโตแน่นอน ถึงได้ทำให้ผู้จัดการเคารพมากขนาดนี้
เธอมองไปที่รพีพงษ์อย่างซาบซึ้ง แล้วพูดว่า “พี่ชาย ขอบคุณมากจริงๆ ถ้าไม่ใช่พี่ ฉันอยู่ที่นี่ คงต้องถูกรังแก มากแน่”
“เรื่องเล็กน้อย และคุณไม่ได้ทำผิด นี่คือสิ่งที่คุณสมควร ได้รับ” รพีพงษ์พูดขึ้น
วิภาดาไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระอีก รีบช่วยรพีพงษ์ดำเนิน เรื่องให้เสร็จสิ้นในทันที หลังจากที่จ่ายเงินแล้ว Land Rover range rover prosperity คันนั้น ก็ได้กลายเป็นของ รพีพงษ์ แล้ว
รพีพงษ์ขับรถออกจากร้าน 4s โดยตรง ในรถ วิภาดาเฝ้า ดูเขาจากไปด้วยความแววตาขอบคุณซาบซึ้ง พวก พนักงานขายในร้าน เต็มไปด้วยความอิจฉา ล้วนเสียใจที่ ตัวเองไม่ได้ออกไปต้อนรับรพีพงษ์ในตอนแรก
หลังจากที่รพีพงษ์ออกจากร้าน 4s ก็ไม่ได้กลับไปบ้าน แต่ได้ขับรถตรงไปที่หน้าบริษัทของอารียา จอดรถไว้ข้าง ทาง รออารียาเลิกงาน
วันนี้อารียาอารมณ์ไม่ดีตลอดทั้งวัน เมื่อวานป้าฟางเยาะ เย้ยเหน็บแนมว่าบ้านเธอไม่สามารถซื้อรถได้ วันนี้มาถึงที่ บริษัท เพื่อนร่วมงานต่างก็คุยกันถึงเรื่องรถเช่นกัน
เพื่อนร่วมงานไม่น้อย ที่บ้านต่างได้ซื้อรถแล้ว จากนั้นก็มาโอ้อวดตรงหน้าอารียา ในใจเธอก็ต้องไม่พอใจเป็นเรื่อง ธรรมดา
โดยเฉพาะเธอยังถือว่าเป็นหัวหน้าของคนเหล่านี้ ลูกน้อง ต่างมีรถหมดแล้ว เธอเองที่เป็นหัวนาย กลับไม่มีเงินซื้อรถ ได้ เมื่อคิดแบบนี้ อารียาก็ยิ่งรู้สึกเสียหน้าอีก
และแล้วก็ถึงเวลาเลิกงาน อารียาออกมาพร้อมกับพวก พนักงานในบริษัท ทุกคนก็ยังคงคุยกันถึงเรื่องรถ
อารียาคิดในใจว่า โชคดีที่วันนี้เธอขับรถมอเตอร์มาด้วย ตัวเอง ไม่เช่นนั้นถ้าหากให้รพีพงษ์ขับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามา รับเธอ เธอต้องอับอายขายหน้าแย่เลย
“สามีของฉันเพิ่งได้โบนัสไม่นานนี้ เราเอาเงินนี้ไปซื้อรถ วันนี้สามีของฉันขับรถมารับฉัน”
“จริงเหรอ สามีของฉันก็ได้ขับรถมารับฉันเหมือนกัน รถ ของบ้านฉัน ซื้อมาตั้งนานแล้ว แต่ราคาจะแพงหน่อย ใช้ ทนทานกว่า
“น่าอิจฉาจริงๆ รถบ้านฉัน ราคาแค่แสนกว่าเอง ฉันไม่มี
หน้าให้สามีขับมารับฉันด้วยซ้ำ” ทุกคนต่างส่งเสียงจ๊อกแจ๊กไม่หยุด จากนั้นต่างก็หัน
สายตาไปมองอารียา
“อารี คุณได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว เงินเดือนสูงกว่าพวกเรา ตั้งเยอะ ที่บ้านได้ซื้อรถแล้วใช่ไหม? วันนี้สามีของคุณ ก็ขับ รถมารับคุณด้วยใช่ไหม?” คนคนหนึ่งถามขึ้น
คนคนนี้รู้ว่ารพีพงษ์ได้ขับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามาส่งอารี ยาทุกวัน ถามแบบนี้ ก็คือจงใจทำให้เธออับอาย
เพราะเธอไม่พอใจที่อารียาเป็นเจ้านายของเธอ
อารียารู้สึกอับอายไปหมด แล้วพูดว่า “ไม่…..ไม่มี ฉันขับ มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามา พวกคุณไปก่อนเลย ฉันจะไปขับ มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า”
ตอนนี้เธอแค่อยากจะแยกจากคนเหล่านี้โดยเร็วที่สุด หลุดออกจากความอึดอัดใจนี้
คนพวกนั้นล้วนหัวเราะเยาะในเวลาเดียวกัน มองดูท่าทาง ที่ลำบากใจของอารียา ภูมิใจยิ่งมาก
เธอได้เลื่อนตำแหน่งแล้วจะทำไม ก็ยังได้แต่งงานกับสามี ที่ไร้ประโยชน์อยู่ดี แค่รถคันหนึ่ง ก็ไม่มีปัญญาซื้อได้
และในตอนที่อารียากำลังจะไปขับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า รถ ที่อยู่ข้างทางก็บีบแตรกะทันหัน ทำให้ทุกคนตกใจกันหมด
ทุกคนหันหน้าไปมอง พบว่าเป็นแลนด์โรเวอร์คันใหม่ เอี่ยม ดวงตาก็เบิกกว้างทันที