พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 650 ไม่เสียใจที่มีศิษย์เช่นนี้
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 650 ไม่เสียใจที่มีศิษย์เช่นนี้
บทที่ 650 ไม่เสียใจที่มีศิษย์เช่นนี้
รพีพงษ์กับเวทัสมาถึงลานว่างที่ใช้ประลอง ส่วนคนที่เหลือต่างพากันมามุงดู เพื่อเป็นสักขีพยานในการท้าประลองครั้งนี้
ดำเกิงเดินมายืนข้างฝนสุดา เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “พี่นางฟ้า เห็นหรือยังว่าไอ้หมอนั่นหัวรั้นแค่ไหน คนแบบนี้มีดีอะไร เขาแพ้ให้เวทัสไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว ยังไม่สำนึกอีก ผมว่าพี่อย่าเอาแต่ทำตัวตามติดเขาอีกเลย อันที่จริงพลังแฝงของผมก็มีมากนะ แถมยังเด็ก…”
ฝนสุดาจ้องเขา แล้วพูดว่า “ไปทางนั้นเลย เด็กอย่างนายจะรู้อะไร”
“ผมพูดเรื่องจริงนิ เมื่อกี้เขาพนันกับเวทัสด้วย ถ้าเขาแพ้จะต้องไปจากที่นี่”
ฝนสุดามองรพีพงษ์ด้วยสีหน้าเป็นกังวล จากนั้นจึงพูดว่า “เขาไม่มีทางแพ้”
เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ในเมื่อรพีพงษ์พูดแล้วว่าวันนี้เขาจะไม่แพ้ เขาจะต้องชนะอย่างแน่นอน
ดำเกิงไม่ได้คิดเช่นนั้น เขาคิดว่าครั้งนี้รพีพงษ์คงจะแพ้อีกตามเคย
ในลานกว้าง รพีพงษ์กับเวทัสยืนประจันหน้า เวทัสมองรพีพงษ์อย่างไม่สบอารมณ์ แต่รพีพงษ์กลับมีสีหน้านิ่งเฉย
ครั้งก่อนที่ได้ประลองกัน รพีพงษ์สามารถเอาชนะเวทัสได้ แต่เพื่อพิสูจน์ความข้องใจของเขา เขาจึงเอาเวทัสเป็นคู่ฝึกที่โดยไม่ต้องเสียเงินสักบาท
และตอนนี้รพีพงษ์คิดว่าถ้าจะประลองกับเวทัสต่อไป ก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ดังนั้นเขาจึงอยากพิสูจน์ผลการฝึกฝนตลอดสี่เดือนของเขาให้ทุกคนเห็น
ไม่พูดพร่ำทำเพลง รพีพงษ์พุ่งเข้าไปหาเวทัส จังหวะการหายใจของเขาเปลี่ยนไป พละกำลังภายในของเขาพลุ่งพล่าน ทำให้ความว่องไวของเขาเร็วกว่าเมื่อก่อนมาก ทุกคนเห็นเหมือนมีเงาปรากฏอยู่ข้างหลังของรพีพงษ์
กำลังภายในยกระดับขึ้นไม่ใช่เพียงของพละกำลังของมนุษย์ มันส่งผลต่อทุกด้านของร่างกาย ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง และมีประสิทธิภาพสูงสุด
เวทัสเห็นความเร็วที่น่าแปลกประหลาดของรพีพงษ์ สายตาของเขาหยุดนิ่ง ดูเหมือนวันนี้รพีพงษ์จะไม่เหมือนก่อนแล้ว
เขาไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย เวทัสรีบจับตาดูการกระทำของรพีพงษ์ และตั้งท่ารอ
หลังจากที่รพีพงษ์พุ่งเข้ามาหาเวทัส เขาปล่อยหมัดเข้าไปตรงหน้าของอีกฝ่าย เวทัสรีบยกมือขึ้นมาป้องกัน ตอนที่สัมผัสถูกหมัดของรพีพงษ์ กำลังภายในพลุ่งพล่าน พละกำลังที่ไม่สามารถต้านทานได้พุ่งเข้าไปใส่เวทัส เวทัสขมวดคิ้ว เขาใช้แรงทั้งหมดในการป้องกัน หลังจากที่กันหมัดของรพีพงษ์ได้ ร่างกายของเขากระเด็นไปข้างหลังไกลกว่าห้าหกร้อยเมตร
“ทำไมพละกำลังของนายถึงแข็งแกร่งขนาดนี้” เวทัสมีสีหน้าตกใจ คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะพัฒนาขึ้นกว่าครั้งก่อนเยอะมาก
“พละกำลังของฉันแข็งแกร่งอย่างนี้มานานแล้ว” รพีพงษ์ยิ้มแล้วพูดออกมา
เวทัสส่งเสียงหึแล้วสบถออกมาว่า “ทำเป็นเก่งเพื่อให้คนอื่นกลัวงั้นเหรอ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าแกจะแข็งแกร่งทุกเคล็ดวิชา!”
พูดจบ เวทัสเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เขาปล่อยหมัดออกไปหารพีพงษ์ แต่รพีพงษ์สามารถรับได้อย่างง่ายดาย ทุกหมัดที่ปล่อยออกมาไม่ได้เบากว่าหมัดของรพีพงษ์เลย
จนถึงตอนนี้เวทัสเข้าใจแล้วว่าพละกำลังของรพีพงษ์ไม่ใช่เพียงชั่วครู่ แต่เขามาถึงขั้นนี้แล้วจริงๆ ถึงสามารถแสดงพละกำลังออกมาได้แบบนี้
“ให้ตายเหอะ ครั้งก่อนไอ้หมอนั่นยังไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนี้ ทำไมตอนนี้มันถึงเก่งขนาดนี้ล่ะ” เวทัสพึมพำในใจ เขาตั้งใจมองการจู่โจมของรพีพงษ์ ไม่กล้าแม้แต่จะกะพริบตา
ลูกศิษย์ที่ได้เรียนรู้กำลังภายในอีกสองคนที่เหลือ กำลังมองการต่อสู้ของรพีพงษ์กับเวทัส พวกเขารู้สึกตกใจเหมือนกัน คนอื่นอาจจะดูไม่ออกว่าตอนนี้พละกำลังของรพีพงษ์เป็นอย่างไร แต่พวกเขาดูออกอย่างชัดเจน
พละกำลังของหมอนั่นมีมากกว่าพวกเขา ถ้าพวกเขาสองคนไปสู้กับรพีพงษ์แทนเวทัส ไม่แน่ตอนนี้อาจจะแพ้ก็เป็นได้
“เกิดอะไรขึ้นกับไอ้หมอนั่น ทำไมถึงพัฒนาได้เร็วขนาดนั้น อย่าบอกนะว่าก่อนหน้านี้ที่มันมาท้าสู้กับเรา เพราะมันจงใจทำอย่างนั้น”
“โธ่เอ๊ย งั้นมันก็น่ากลัวมากเลยสิ มันเพิ่งกลับมาได้สี่เดือน แต่มาได้ถึงระดับนี้แล้ว ถ้าจะเรียกมันว่าปีศาจก็คงจะไม่เกินไปหรอกใช่ไหม”
ทั้งสองพูดพึมพำ พวกเขาตกใจกับพละกำลังของรพีพงษ์มาก
บนภูเขาเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกล ชายชราคนหนึ่งกำลังมองลงมาดูการประลองที่ลานกว้าง รอยยิ้มพอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายชรา
“เป็นไปตามที่คิด เขาคือคนที่โดดเด่นและมีความสามารถในบรรดาคนพวกนั้น คนที่เก่งแบบนี้ ฉันว่าคงจะใช้ความโชคดีทั้งหมดถึงจะเจอคนแบบนี้ล่ะมั้ง ภายในระยะเวลาสี่เดือน กำลังภายในมาถึงระดับนี้ ในใต้หล้านี้ ยังจะมีใครเทียบเขาได้อีก”
“ไม่เสียใจที่มีศิษย์เช่นนี้!”
การประลองในลานกว้างยังคงดำเนินต่อไป รพีพงษ์กับเวทัสต่อกรกว่าร้อยกระบวนท่า ตอนนี้มันหนักเกินกว่าที่เวทัสจะรับไหวแล้ว เขาพบว่าเมื่อตัวเองต่อกรกับรพีพงษ์ เขาเสียเปรียบรพีพงษ์โดยสิ้นเชิง
แต่ทว่ารพีพงษ์กลับยังเฉิดฉาย เหมือนกับว่าเขายังไม่ได้ใช้แรงทั้งหมดออกมา ไม่ว่าเวทัสจะใช้กระบวนท่าอะไร เขาก็สามารถรับมือกับมันได้หมด
ในที่สุดเวทัสก็พลาดท่าให้กับกระบวนท่าของรพีพงษ์ รพีพงษ์คว้าโอกาสนี้เอาไว้ และใช้หมัดชกไปที่อกของอีกฝ่าย จนทำให้อีกฝ่ายกระเด็นลงไปบนพื้น
ตรงจุดที่เวทัสกระเด็นลงไป กลายเป็นหลุมลึกประมาณสามเซนติเมตร เห็นได้ถึงแรงของหมัดรพีพงษ์
“นายแพ้แล้ว” รพีพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เวทัสจ้องรพีพงษ์เขม็ง เหมือนเขายังตั้งสติจากเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่ได้
นี่เขาแพ้ให้รพีพงษ์อย่างนั้นหรือ แพ้ให้กับไอ้คนที่คิดเองเออเอง และหนีอาจารย์ไปอย่างนั้นหรือ
มันเพิ่งกลับมาได้เพียงสี่เดือน
คนที่เพิ่งกลับมาสี่เดือน กลับชนะคนที่ฝึกกำลังภายในมากว่าสามปีอย่างเขา จิตใจของเวทัสแทบจะสลาย
ตอนนี้เขาเพิ่งรู้ว่า ถึงแม้ว่าช่วงที่รพีพงษ์ไม่ได้อยู่กับอาจารย์ พรสวรรค์ด้านความแข็งแกร่งของเขาก็สามารถทดแทนเวลาที่มันขาดหายไปได้
ตอนแรกเขาคิดว่าการที่รพีพงษ์ห่างหายไปนาน อาจจะทำให้เขาไม่มีความสามารถมากพอ แต่เขากลับสบประมาทคนที่มีความสามารถด้านพลังแฝง
ตอนนี้คนโดยรอบต่างก็ตกตะลึงไม่ต่างจากเวทัส ใช้เวลาเพียงสี่เดือนก็สามารถล้มคนที่มีความแข็งแกร่งที่สุดในตอนนี้
พรสวรรค์ของรพีพงษ์สามารถเอาคำว่าน่าหวาดกลัวมาอธิบายได้เลย
ดำเกิงจ้องรพีพงษ์อยู่อย่างนั้น เหมือนมีก้อนอะไรมาจุกอยู่ที่คอของเขา ทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก
ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า “ผมกับเขายังห่างชั้นกันมาก”
คนที่แรกที่ตั้งสติได้คือฝนสุดา เธอดีใจจนกระโดดขึ้นมา แล้ววิ่งไปหารพีพงษ์ด้วยสีหน้าดีใจ
“รพีพงษ์ นายนี่สุดยอดไปเลย ไม่เสียแรงที่เป็นผู้ชายที่ฉันชอบ!”
รพีพงษ์มีสีหน้ากระอักกระอ่วน เขาก้มหน้ามองเวทัสแล้วพูดว่า “จากนี้ไปนายต้องเป็นเบ๊ของเธอ”
เวทัสขยับปากเหมือนจะพูดอะไร แต่สุดท้ายเขาก็ทำได้แค่ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ