พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 87
ตอนที่ 87 จิตใจของบุษบากร
ศศินัดดากับศักดาตกตะลึงไปทันที พวกเขาคิดไม่ถึงเลย ว่า อารียาจะยอมไปใช้ชีวิตอย่างยากลำบากกับรพีพงษ์
“โตแล้วสินะ ปีกกล้าขาแข็ง ไม่เชื่อฟังคำสั่งของแม่แล้ว นี่ เป็นลูกสาวของแม่จริงเหรอ!” ศศินัดดาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
อารียาไม่รู้สึกว่าตัวเองพูดอะไรผิด จากนั้นพูดกับศศินัดดา ด้วยท่าที่จริงจัง “แม่ หนูรู้สึกว่าแม่ทำแบบนี้ ไม่ยุติธรรมกับรพี พงษ์เสียเลย ถ้าแม่บังคับให้เขาไปนอนห้องใต้ดิน งั้นหนูก็จะ ย้ายออกไปกับเขา”
เมื่อรพีพงษ์เห็นว่าเธอยอมตัดขาดกับแม่เพื่อเขา เขารู้สึก ตื้นตันใจขึ้นมาทันที
ศศินัดดาลุกขึ้นยืน จ้องหน้ารพีพงษ์ “หึ ให้ตายเถอะ ฉัน ไม่รู้นะว่านายหลอกล่อลูกสาวฉันยังไง ตอนนี้นายอยู่บ้านนี้ ต่อไปก็ได้ แต่ต้องมีสักวัน ที่ฉันจะไล่นายออกไปเอง!”
เธอก็ไม่มีอารมณ์กินข้าวต่อแล้ว จึงวางตะเกียบลงและกลับ ไปที่ห้องทันที
ศักดาก็มองรพีพงษ์ด้วยความเกลียดชัง พูดขึ้น “ไม่มี หนทางหาเงิน ทำได้แค่หลอกล่อลูกสาวฉัน บ้านฉันต้องมา เจอกับคนอย่างนาย ช่างโชคร้ายเสียจริง”
เมื่อพูดจบ ก็เดินตามศศินัดดากลับไปที่ห้อง
แม้ว่าศักดาจะรู้สึกหิว แต่เมื่อศศินัดดาเดินออกไปแล้ว เขา ก็ไม่กล้านั่งกินต่อ เขาไม่อยากแบกรับอารมณ์ฉุนเฉียวของ ศศินัดดาอีก
อารียากับรพีพงษ์มองหน้ากัน รอยยิ้มกตัญญูบนใบหน้า ของรพีพงษ์
อารียาถอนหายใจ พูดขึ้น “ลำบากนายเลยนะ แม่ของฉัน ทำเกินไปจริงๆ ถึงขึ้นจะให้นายต้องไปนอนที่ห้องใต้ดิน ที่นั่น เป็นที่คนนอนที่ไหนกันล่ะ”
รพีพงษ์ยิ้ม พูดขึ้น : “ไม่เป็นไร ในเมื่อแม่ของเธอไม่อยาก ให้ฉันอยู่บ้านนี้ต่อไปมากขนาดนี้ งั้นพวกเราออกไปซื้อบ้าน กันดีไหม” อารียาลังเลขึ้นมาทันที พูดขึ้น : “แต่ว่า ตอนนี้ราคาบ้านสูง
มากเลยนะ ขนาดห้องเดียว ยังหลายแสนเลย แม้ว่าตอนนี้ฉัน
จะมีเงินเดือนค่อนข้างสูง กู้ได้ แต่พวกเราคงมีเงินดาวน์ไม่
พอ”
“เรื่องนี้ เธอไม่ต้องกังวลใจไป เรื่องบ้าน ฉันจัดการเองได้ รออีกสักวันสองวันพวกเราไปดูบ้านกัน” รพีพงษ์พูดขึ้น
อารียาจึงพยักหน้าลง เธอรู้ดีว่ารพีพงษ์มีเงินเยอะ แม้ว่าเมื่อ ก่อนเขาจะใช้ไปเยอะมาก แต่ถ้าจะซื้อบ้าน คงมีพอจะจ่าย
เงินดาวน์
หากจะเอานาฬิกาสองเรือนนั้นไปขาย ก็คงขายได้เงิน จำนวนไม่น้อย
“เขาคงอยากซื้อบ้านแบบห้องเดียว อันที่จริงก็เพียงพอกับ “ การอยู่สองคนแล้ว อยู่ห่างออกไปไกลหน่อยคงไม่เป็นไร รอ ให้มีเงินมากกว่านี้ก่อน ค่อยซื้อบ้านที่ใหญ่ขึ้น” อารียาพูด
พิมพ์
แต่ตอนนี้รพีพงษ์กำลังคิดอย่างซื้อห้องสองชั้นแบบตะวันตก หรือว่าจะซื้อบ้านเป็นหลังไปเลย ส่วนที่เป็นแบบห้องเดียว ไม่เคยอยู่ในความคิดของเขาเลย
บ้านที่ให้อารียาพักอาศัย ต้องเป็นบ้านที่ดีที่สุด
เพราเรื่องที่ต้องนอนในห้องใต้ดิน ทำให้ศศินัดดาไม่พอใจ รพีพงษ์ บางครั้งแกล้งทำให้บ้านรก แล้วให้รพีพงษ์เป็นคน เก็บกวาด
รพีพงษ์ไม่อยากมีเรื่องกับศศินัดดามากมาย เขาเข้าใจ อารมณ์ของผู้หญิงคนนี้ดี ถ้าเขาไม่พูดโต้ตอบอะไร เก็บ กวาดบ้านให้เรียบร้อยแล้ว คนที่หงุดหงิดก็จะกลายเป็นศศิ นัดดาเอง
เพราะอารียาอยู่ด้วย ศศินัดดาจึงไม่กล้าทำอะไรเขามาก สิ่งที่ทำได้เพียงอย่างเดียวคือการต่อว่าเขา
เธอมักจะถามรพีพงษ์แทบทุกวัน ว่าจะซื้อบ้านใหม่เมื่อไหร่
จากนั้นจะฉวยโอกาสนี้พูดเยาะเย้ยเขายกใหญ่ บอกว่าเขาไป
จากบ้านเธอไม่ได้ หากออกไปแล้ว ก็จะไม่สามารถดำเนิน
ชีวิตต่อไป ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องซื้อบ้าน
รพีพงษ์ไม่อยากโต้เถียงกับเธอมาก ตอนนี้ยังไม่รีบร้อนซื้อ บ้าน เขาต้องรอให้อารียาว่างไปดูบ้านกับเขาก่อน จึงค่อยซื้อ และจะปิดปากของศศินัดดาได้
วันนี้เป็นวันหยุด ศศินัดดาและศักดาออกไปเล่นไพ่ด้าน นอก รพีพงษ์จึงจะรู้สึกสงบขึ้นมาได้
อารียาก็พักผ่อนอยู่ที่บ้าน ไม่ต้องไปทำงาน
เดิมทีรพีพงษ์วางแผนจะไปดูบ้านกับอารียา แต่อารียาบอก ว่าตัวเองทำงานเหนื่อยมาทั้งอาทิตย์แล้ว อาทิตย์หน้าค่อยไปดู รพีพงษ์จึงรู้สึกเห็นใจเธอ และให้เธอพักผ่อนอยู่ที่บ้าน จาก นั้นจึงนวดตัวให้เธอ
อารียาอยากทานอาหารฝีมือรพีพงษ์ เขาจึงออกไปตลาด ซื้อของ ตั้งใจเลือกวัตถุดิบอย่างดี เพื่อจะแสดงฝีมือการทำ อาหารให้เธอดู
หลังจากที่เขาซื้อของกลับมา พบว่าอารียาไม่ได้อยู่ในห้อง
นั่งเล่น คิดว่าเธออยู่ในห้องนอน จึงเดินไปเก็บวัตถุดิบในตู้ เย็นที่ห้องครัว และกำลังจะไปห้องน้ำต่อ เมื่อเดินไปถึงประตูห้องน้ำ เพิ่งจะเปิดประตูเข้าไป ประตู
กลับถูกเปิดออกจากด้านใน ทันใดนั้นรพีพงษ์เห็นบุษบากร
ห่อตัวด้วยผ้าเช็ดตัวเดินออกมา
เขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง คิดไม่ถึงเลยว่าบุษบากรจะอยู่ใน ห้องน้ำที่บ้าน ทั้งยังมาอาบน้ำอีกด้วย
บุษบากรก็คิดไม่ถึงว่าจะเจอรพีพงษ์หน้าประตูแบบนี้ จึง ทำให้ตกใจมาก แต่เมื่อตั้งสติขึ้นมาได้ เธอจึงรีบใช้สายตา ออดอ้อนมองไปที่รพีพงษ์
เธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จ บนตัวถูกห่อหุ้มเพียงแค่ผ้าขนหนูหนึ่ง ผืน และยังชื้นอยู่ด้วย ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองเซ็กซี่มาก
รวมกับความรู้สึกนึกคิดที่เธอมีต่อรพีพงษ์มาตลอด แม้ว่าจะ รู้อยู่แก่ใจว่าเขาเป็นสามีของเพื่อนรัก แต่เธอก็อดคิดไม่ได้ กลับมีความรู้สึกมากขึ้น
ดังนั้นเมื่อเห็นรพีพงษ์ เธอจึงคิดอยากเรียกร้องความสนใจ จากเขาให้มากที่สุด
“นะ…นายกลับมาแล้วเหรอ เครื่องน้ำร้อนที่บ้านฉันเสีย ก็เลยมาอาบน้ำที่นี่” บุษบากรพูดขึ้น
“อ่อ” รพีพงษ์ตอบกลับ จากนั้นหันหลังกลับไปที่ห้องครัว เพื่อทำอาหาร
“เดี๋ยวก่อน” บุษบากรเรียกขึ้น สีหน้าน่าสงสาร “ฉันไม่มี เสน่ห์ดึงดูดพอจะให้นายมองดูฉันบ้างเลยเหรอ ทำไมนาย ต้องเย็นชาขนาดนี้ล่ะ”
รพีพงษ์ไม่พูดอะไร และไม่ได้เป็นเพราะคิดว่าบุษบากรไม่มี เสน่ห์ แต่ในใจของรพีพงษ์มีแต่อารียาเพียงผู้เดียว
บุษบากรทำท่าที่น่าสงสาร คิดในใจว่ากว่าตัวเองจะเจอคน
ที่ถูกใจได้นั้นไม่ง่ายเลย แต่ทำไมเขาถึงต้องเป็นสามีของ
เพื่อนรักด้วย ทว่าสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกเสียใจยิ่งขึ้นก็คือ เขา
ไม่รู้สึกอะไรกับเธอเลยแม้แต่น้อย บางครั้งคนเรามักจะขวนขวายในสิ่งที่ตัวเองไม่มีทางได้ ครอบครอง ยิ่งรพีพงษ์เย็นชาต่อเธอมากเท่าไหร่ เธอกลับยิ่ง คิดอยากได้ความสนใจจากเขามากขึ้น
แม้ว่าบุษบากรจะรู้ว่ารพีพงษ์เป็นสามีของอารียา แต่เธอยัง คงมีความคิดนี้ฝังอยู่ในใจอย่างมิอาจควบคุมได้
เธอจ้องมองรพีพงษ์เดินหันหลังกลับไป ยิ้มอย่างมีเลศนัย จากนั้นยกมือขึ้นมาจะดึงผ้าขนหนูที่ห่ออยู่บนตัวออก
เธออยากทำให้รพีพงษ์รู้สึกอะไรกับเธอบ้าง แม้ว่าเธอจะ เป็นฝ่ายเสียเปรียบก็ยอม
รพีพงษ์สังเกตเห็นท่าทางของบุษบากร คาดเดาได้ว่าเธอ คิดจะทำอะไร จึงหันหลังเดินตรงไปที่ห้องครัวทันที
บุษบากรปลดผ้าขนหนูออก แต่ทว่ารพิพงษ์กลับหันหลังไป แล้ว โดยที่ไม่เห็นอะไรเลย
บุษบากรแทบจะโกรธจนระเบิด รูปร่างของตัวเองไม่ดีหรือ อย่างไร เป็นถึงผู้ชาย ไม่อยากดูบ้างเลยงั้นรี? เธอโกรธจนเดินกระทืบเท้าไปเปลี่ยนเสื้อที่โซฟา ทันใดนั้น
อารียาเดินออกมาจากในห้องพอดี เมื่อเห็นบุศบากรยืนโป๊อยู่
ที่ห้องรับแขก จึงตกใจมาก
“บุษ ทำไมเธอมาเปลี่ยนเสื้อตรงนี้ล่ะ รพีพงษ์คงจะกลับมา แล้ว เดี๋ยวเขาก็เห็นเข้าหรอก!” อารียาพูดขึ้น
บุษบากรเบะปาก พูดตอบ “เขากลับมาแล้ว อยู่ในห้องครัว นุ่น ไม่ว่ายังไง เขาไม่มีทางกล้ามองหรอก”
อารียารีบเดินไปที่ห้องครัว เมื่อเห็นว่ารพีพงษ์อยู่ตรงนั้น จริงๆ และเขากำลังล้างผักด้วยความตั้งใจ เธอจึงถอนหายใจ โล่งอกทันที
“ทำไมเธอต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้ล่ะ หรือเป็น เพราะกำลังคิดมากเรื่องเทพบุตรขี่ม้าขาวคนนั้นอยู่?” อารียา นั่งลงด้านข้างบุษบากรที่เปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว
บุษบากรเบ้ปาก พูดขึ้น “เธอคิดว่าฉันเป็นคนขี้โมโหขนาด นั้นเลยเหรอ ฉันไม่มีทางคิดมากกับเรื่องแบบนี้หรอก คนจีบ ฉันเยอะแยะไป เก่งกว่ารพีพงษ์ของเธอก็มีอีกเยอะ!”
เธอตั้งใจพูดเสียงดังขึ้น เพื่อให้รพีพงษ์ได้ยิน
เมื่ออารียาเห็นท่าทางของบุษบากร จึงเข้าใจว่าเธอกำลัง คิดมากเรื่องนี้อยู่ แต่เธอเชื่อใจรพีพงษ์ และไม่กลัวว่าบุษบา กรจะแย่งเขาไป
“รพีพงษ์ ทำอาหารเยอะหน่อยนะ รักษาแผลใจของบุษบา กรสักหน่อย ” บุษบากรตะโกนตรงไปที่ห้องครัว
“ได้เลย!” รพีพงษ์ตอบกลับทันที
ทันใดนั้นสีหน้าของบุษบากรเต็มไปด้วยท่าทีของความ อิจฉา บ่นด่ารพีพงษ์อยู่ภายในใจหลายครั้ง
“เขาจะทำของอร่อยอะไร อย่าทำให้ฉันท้องเสียก็บุญมาก แล้ว” บุษบากรเอ่ยปากพูดขึ้น “แคลร์ เธออย่าคิดว่าหากรพี พงษ์ร้องเพลงก็ร้องได้เพราะ หากทำอาหารก็ทำอร่อย งั้น ผู้ชายทั้งโลกนี้ ก็ไม่มีใครเทียบเทียมเข้าได้แล้วล่ะสิ”
อารียาหัวเราะพลางตอบกลับ “ฉันรู้สึกว่าเขาทำอร่อยมากๆ
เลยนะ”
บุษบากรเหลือบตามองบน พูดต่อ “นั่นก็เป็นความรู้สึก หลอกลวง ฉันจะบอกเธอให้ ช่วงนี้มีหัวหน้าเชฟร้านมิชลินมา จีบฉันอยู่นะ เขาทำอาหารอร่อยมากๆ ไว้วันหลังฉันจะพาเธอ กินร้านเขานะ รับรองว่าเธอต้องประทับใจ”
ที่เธอพูดเช่นนี้เพราะกำลังโกรธรพีพงษ์อยู่ คนอะไรร้อง เพลงเพราะขนาดนั้น ถ้าทำอาหารอร่อยอีก ก็เก่งเกินไปแล้วว
ดังนั้น เธอจึงคิดว่ารพีพงษ์คงทำเป็นแต่อาหารง่ายๆ รสชาติธรรมดาทั่วไป คงเทียบไม่ได้กับอาหารฝีมือเชฟมิ ชลิน
และเป็นเพราะเธอคิดแบบนี้ บุษบากรจึงเข้าข้างตัวเองว่า ค่อยสูสีกันหน่อย ถ้ารพีพงษ์ทำอาหารอร่อยกว่าเชฟมิชลิน เธอคงจะเสียใจเป็นอย่างมาก
ผ่านไปไม่นาน รพีพงษ์ก็เอาอาหารออกมาเสิร์ฟ ดูจากภายนอก ไม่แพ้อาหารระดับเชฟมิชลินทำ
บุษบากรมองอาหารในจาน ถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย “สีสัน มากมายขนาดนี้ เพียงแค่หน้าตา สีสันของอาหารไม่ได้วัด อะไรได้เลย ต้องวัดกันที่รสชาติต่างหาก แต่ฉันก็ไม่คาดหวัง ว่านายจะทำรสชาติได้เหมือนหัวหน้าเชฟหรอกนะ”
รพีพงษ์หัวเราะ อารียาก็ขำเช่นกัน “เธอก็ลองชิมดูสิ”
บุษบากรหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารเข้าปาก ผ่านไป เพียงครู่เดียว เธอตกตะลึงไปทันที
รสชาตินี้ ทำไมถึงอร่อยกว่าอาหารที่เชฟมิชลินสามดาวทำ
มา?
เธอตั้งใจลิ้มรสอาหารจานนี้ จากนั้นหันไปมองอารียา พูด ด้วยความทุกข์ใจ “แคลร์ ทำไมพระเจ้าถึงไม่ยุติธรรมเช่นนี้ ทำไมเขาทำอาหารได้อร่อยขนาดนี้เนี่ย”
“เธอให้ฉันเป็นนางกำนัลของรพีพงษ์ได้ไหม ฉันสาบานว่า จะไม่แย่งความรักไปจากเธอ!”