พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่1009 หลุดพ้นจากกำแพงหิน
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่1009 หลุดพ้นจากกำแพงหิน
บทที่1009 หลุดพ้นจากกำแพงหิน
ถ้าหากธีรพัฒน์ไม่พูดถึงเรื่องนี้ ตัวรพีพงษ์เองก็คงจะลืมไปว่าตัวเองยังมีไม้เทพแดงแผ่นใหญ่อยู่หนึ่งท่อน
ตอนนั้นจิตวิญญาณเทพตื่นภวังค์ รพีพงษ์ก็ใช้ไม้เทพแดงไปเพียงเล็กน้อยของครึ่งหนึ่ง
ยังเหลือมากกว่าครึ่งหนึ่งที่เขาไม่ได้ใช้มาโดยตลอด
แต่เพราะของสิ่งนี้ล้ำค่ามากกว่า รพีพงษ์ก็พกติดตัวอยู่ตลอดเวลา ในเวลานี้ไม้เทพแดงนั้นอยู่ในกระเป๋าเป้ของรพีพงษ์
รพีพงษ์ถึงได้เข้าใจ ตอนนั้นธัชธรรมไปหานิรภัฏเพื่อขอไม้เทพแดง ที่แท้เพื่อช่วยธีรพัฒน์
ธีรพัฒน์ได้ยินคำถามของรพีพงษ์ ยิ้มอย่างขมขื่น แล้วพูดว่า: “ต้องการมากเท่าไหร่ก็ไม่มีความหมายแล้ว ไม้เทพแดงนี้หาไม่พบแล้ว ก็มีเพียงนิรภัฏหมอนั่นที่ยังเหลืออยู่เล็กน้อย น่าเสียดายยังไม่เพียงพอ”
“ผู้อาวุโส อย่ามองโลกในแง่ร้าย ไม้เทพแดง ที่ของผม ก็มีอยู่เล็กน้อย”รพีพงษ์เอ่ยปาก
ธีรพัฒน์นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ แล้วก็ยังคงยิ้มและพูดว่า: “คาดไม่ถึงว่าที่ของนายก็มีไม้เทพแดง แต่ต้องการทำให้จิตวิญญาณเทพของฉันหนาแน่น ต้องการจำนวนมาก ที่สำคัญตอนนี้กลุ่มสิงโตมีนาย ฉันไม่ต้องกังวลเรื่องอื่นแล้ว ต่อให้ไม่มีไม้เทพแดง ก็ไม่เป็นไร ดังนั้นนายเก็บไม้เทพแดงไว้ ในอนาคตอาจได้ใช้”
เมื่อรพีพงษ์เห็นธีรพัฒน์พูดเช่นนี้ จึงเอ่ยปากพูดว่า: “ผู้อาวุโสอย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ รอผมเอาไม้เทพแดงออกมา หลังจากที่ท่านดูแล้ว พอไม่พอค่อยว่ากัน”
หลังจากพูดจบ รพีพงษ์ก็หันหลังเดินออกจากถ้ำ
เขากลับไปที่ห้องของตัวเองอย่างรวดเร็ว หาไม้เทพแดงที่เหลืออยู่ออกมา กลับไปที่ถ้ำในเขาใจน้ำ
รพีพงษ์มาที่หน้ากำแพงหิน ธีรพัฒน์มองเขาแวบหนึ่ง เอ่ยปากพูดว่า: “ความจริงนายไม่ต้องลำบากขนาดนี้ ต่อให้นายมีไม้เทพแดง อย่างมากก็ทำได้เพียงให้จิตวิญญาณเทพของฉันอยู่ได้นานไประยะหนึ่ง ต้องการให้ฉันหลุดพ้นจากกำแพง จิตวิญญาณเทพหนาแน่นจนอยู่ได้อย่างแท้จริงไม่แตกต่างจากอะไร ต้องการ….”
คำพูดของธีรพัฒน์ยังพูดไม่จบ รพีพงษ์ได้นำไม้เทพแดงออกมา วางไว้บนแท่นบูชา
ธีรพัฒน์เห็นไม้เทพแดงขนาดใหญ่หนาเท่าแขน ในปากก็ไม่มีเสียงทันที
“ผู้อาวุโส ไม่ทราบแค่นี้พอมั้ย ถ้าหากไม่พอ ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่มีวิธีแล้วจริงๆ”รพีพงษ์เอ่ยปากพูด
ธีรพัฒน์ไม่ได้ตอบรพีพงษ์ แต่ดวงตาทั้งสองข้างจ้องมองไปที่ไม้เทพแดง โดยไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆเป็นเวลานาน
รพีพงษ์รู้สึกแปลกๆ จึงเอ่ยปากถามว่า: “ผู้อาวุโส ท่านเป็นอะไรเหรอ? หรือว่ารู้สึกว่าไม้เทพแดงแค่นี้น้อยเกินไปเหรอ?”
หลังจากนั้นไม่นาน ธีรพัฒน์ก็กลับมามีสติอีกครั้ง มองไปที่รพีพงษ์ด้วยใบหน้าที่ซับซ้อน แทบอยากออกจากกำแพงหินตอนนี้ ดูว่าบนตัวของเด็กคนนี้ยังมีความลับที่น่าอัศจรรย์มากมายอยู่เพียงใด
ไม้เทพแดงท่อนใหญ่ขนาดนี้ อย่าว่าทำให้จิตวิญญาณเทพของเขาหนาแน่น ออกมาจากในกำแพงหิน ต่อให้ถือโอกาสให้เขาอุ่นรักษาจิตวิญญาณเทพของตัวเอง ลองก้าวหน้าก็เพียงพอแล้ว
ถ้าหากรู้ก่อนว่ารพีพงษ์มีไม้เทพแดงท่อนใหญ่ขนาดนี้ เขาก็รับปากกับรพีพงษ์ไปนานแล้ว
“นี่…..ไม้เทพแดงเหล่านี้ เพียงพอที่จะทำให้จิตวิญญาณของฉันหนาแน่น หลุดพ้นจากกำแพงหินแล้ว! พระเจ้าช่วย ฉันคาดไม่ถึงจริงๆ นายจะมีไม้เทพแดงท่อนใหญ่ขนาดนี้!”ธีรพัฒน์พูดกับรพีพงษ์เกือบจะยับยั้งท่าทางไว้ไม่อยู่
รพีพงษ์ได้ยินธีรพัฒน์พูดแบบนี้ ก็รู้สึกโล่งใจ ตราบใดที่พอใช้ก็พอแล้ว เดิมทีเขาคิดว่ามันยังไม่พอ
“ในเมื่อพอใช้ ถ้าอย่างนั้นผู้อาวุโสก็รีบลองใช้ไม้เทพแดงเหล่านี้ลองหลุดพ้นจากกำแพงหินดูเถอะ ถ้าหากผู้อาวุโสออกมาจากกำแพงหิน จิตวิญญาณบรรลุถึงแดนหนาแน่ สามารถอยู่มีชีวิตรอดได้โดยไม่ต้องอาศัยร่างกาย ถ้าอย่างนั้นกลุ่มสิงโตจะเพิ่มประสิทธิภาพในการรบที่ทรงพลังขึ้นอีกหนึ่งท่าน”รพีพงษ์เอ่ยปากพูดด้วยรอยยิ้ม
ธีรพัฒน์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และเอ่ยปากพูดว่า: “ไม่เทพแดงเป็นสมบัติที่หายาก ของสิ่งนี้เป็นของนาย ถ้าหากฉันใช้แล้ว นายก็ไม่มีแล้ว นอกจากนี้ฉันเริ่มคุ้นเคยกับการอยู่ในกำแพงหิน ฉันว่าช่างมันเถอะ”
รพีพงษ์โต้กลับทันที: “ผู้อาวุโสเกรงใจเกินไปแล้ว โลกในตอนนี้ มีสิ่งชั่วร้ายที่ซุ่มซ่อนอยู่ ฝั่งทวีปโอชวินก็ยิ่งกระเหี้ยนกระหือรือ ถ้าหากผู้อาวุโสสามารถรอดพ้นได้ ถึงเวลาประสบกับปัญหา ถึงจะมีโอกาสมากกว่า”
“ผมก็ไม่ได้ช่วยผู้อาวุโสอย่างเดียว ตอนนี้ผมได้รับเป็นเจ้านายของกลุ่มสิงโต ผมก็จำเป็นต้องคำนึงถึงกลุ่มสิงโต”
ธีรพัฒน์ได้ยินรพีพงษ์พูดแบบนี้ ลังเลขึ้นมาทันที
“ผู้อาวุโสไม่ต้องลังเล ไม้เทพแดงนี้ต่อให้ผมอาไว้ ก็ไม่รู้ว่ามีประโยชน์อะไร ให้ผู้อาวุโสใช้ ถึงสามารถใช้มันได้อย่างคุ้มค่าที่สุด”รพีพงษ์เอ่ยปากอีกครั้ง
ธีรพัฒน์หายใจเข้าลึกๆ จากนั้นเอ่ยปากพูดว่า: “ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะฟังนาย บุญคุณนี้ ฉันจะจดจำไปตลอด ในอนาคตหากมีโอกาส ฉันจะชดใช้ให้นายอย่างแน่นอน”
“ผู้อาวุโสเกรงใจไปแล้ว เวลาไม่เคยค่อยท่า เริ่มกันโดยเร็วที่สุดเถอะ มีอะไรที่ผมต้องทำมั้ย?”รพีพงษ์เอ่ยปากถาม
“นายช่วยฉันตัดไม้เทพแดงนี้เป็นเศษเล็กเศษน้อย จากนั้นจุดเทียนด้วย”ธีรพัฒน์เอ่ยปากพูด
รพีพงษ์พยักหน้า วิธีนี้ เหมือนกับตอนนั้นที่เขาใช้เมื่อจิตวิญญาณเทพตื่นภวังค์
เขาไม่ชักช้า ตัดไม้เทพแดงทั้งท่อนเป็นเศษเล็กเศษน้อย
จากนั้นเขาก็เอื้อมมือชี้ไป และจุดเทียนบนแท่นบูชานั้นขึ้นมา
รพีพงษ์บรรลุถึงแดนดั่งเทพชั้นยอดแล้ว ต้องใช้กลยุทธ์เล็กน้อยแบบนี้ ยังค่อนข้างง่ายดาย
หลังจากทำสิ่งเหล่านี้เสร็จแล้ว รพีพงษ์ใช้เทียนจุดขี้เลื่อยของไม้เทพแดงเหล่านั้น ภายในระยะเวลาสั้นๆ ในถ้ำทั้งหมด ก๊าซสีครามที่เข้มข้นปรากฏขึ้น
ก๊าซเหล่านี้มีประโยชน์ต่อจิตวิญญาณเทพอย่างยิ่ง แม้ร่องรอยเพียงเล็กน้อย สามารถนำการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดมาให้จิตวิญญาณเทพได้
ธีรพัฒน์ก็ไม่ชักช้าเช่นกัน หลังจากที่รพีพงษ์จุดไม้เทพแดง หลับตาและตั้งสมาธิ และเริ่มดูดซับก๊าซในถ้ำ
อาศัยสิ่งเหล่านี้ เขาสามารถทำให้จิตวิญญาณเทพของตัวเองค่อยๆหนาแน่น ถึงเวลาหินกำแพงนี้จะเกิดการขับไล่เขา ทำให้เขาหลุดพ้นออกจากกำแพงหิน
และในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพลังจิตวิญญาณเทพของเขาทำให้ผนึกมั่งคงลงมา ตอนนี้ต่อให้ไม่มีเขาแล้ว ผนึก ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรทั้งนั้น
เมื่อเวลาผ่านไปก๊าซสีครามในถ้ำก็น้อยลงเรื่อยๆ และร่างกายเดิมทีที่ดูไปแล้วลวงตาของธีรพัฒน์ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นหนาแน่นขึ้นมา
รพีพงษ์เฝ้าดูอย่างเงียบๆอยู่ข้างๆ เขามองเห็นบนกำแพงปรากฏตราของค่ายกล เปล่งแสงออกมา
ไม่นาน จิตวิญญาณเทพของธีรพัฒน์เริ่มแยกออกจากกำแพงหินทีละนิด ฉากนี้ดูค่อนข้างแปลก
ประมาณสองชั่วโมงต่อมา จิตวิญญาณเทพของธีรพัฒน์ถูกแยกออกจากกำแพงหินโดยทั้งสิ้น และก๊าซสีครามในถ้ำยังไม่ถูกดูดซึมไปหมด เขาอาศัยโอกาสนี้ หลอมรวมก๊าซสีครามทั้งหมดอยู่ที่บนจิตวิญญาณเทพของตัวเอง
หลังจากนั้นคลื่นประหลาดก็กระจายไปรอบๆ ธีรพัฒน์ก็ลืมตาขึ้นมา จิตวิญญาณของเขากลายเป็นหนาแน่นมาก ดูไปแล้วเหมือนคนปกติโดยทั่วไปไม่แตกต่างกัน!