พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่1016 แกทำลายขีดจำกัดของฉันได้สำเร็จ
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่1016 แกทำลายขีดจำกัดของฉันได้สำเร็จ
บทที่1016 แกทำลายขีดจำกัดของฉันได้สำเร็จ
เจ้าของร้านอาหารลมเย็นยืนอยู่ตรงหน้ารพีพงษ์ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เอ่ยปากพูดว่า: “คุณผู้ชาย ขอโทษด้วยจริงๆ โต๊ะที่พวกคุณจองไว้ ก่อนหน้านี้ไม่นาน ถูกคุณชายของไฟลกรุ๊ปแห่งเมืองเมฆาของพวกเรายึดไปแล้ว หรือไม่ผมคืนเงินมัดจำของพวกคุณ จากนั้นให้ห้องครัวทำอาหารไม่กี่อย่างให้พวกคุณ เอากลับไปทาน คุณคิดว่ายังไง?”
หลังจากที่รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของเขา ก็ขมวดคิ้วทันที พูดอย่างไม่พอใจว่า: “พวกเราได้จองโต๊ะแล้ว เขามีสิทธิ์อะไรมายึด? ถ้าหากเขาอยากจะทานอาหารที่นี่ ทำไมไม่จองล่วงหน้า?”
เจ้านายเห็นรพีพงษ์โกรธ รีบอธิบายอย่างรวดเร็ว: “คุณผู้ชาย พวกคุณน่าจะเป็นคนต่างถิ่นมาท่องเที่ยวที่นี่ใช่มั้ย อาจจะไม่รู้จักคุณชายพัทธ์”
“คุณชายพัทธ์เป็นคุณชายของไฟลกรุ๊ปนักธุรกิจใหญ่ในเมืองเมฆา ไฟลกรุ๊ปอยู่ในเมืองเมฆาเรียกได้ว่ามีเบื้องหลังที่แน่นแฟ้ม ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้วไม่มีใครกล้ามีเรื่องกับคุณชายพัทธ์”
“ที่สำคัญคุณชายพัทธ์เป็นคนอารมณ์ร้อน ไม่มีทางที่จะฟังคำเตือนของใคร ถ้าหากคุณจะถือสาเขาจริงๆ สุดท้ายคงจะเสียเปรียบอย่างแน่นอน ดังนั้นคุณก็ฟังในสิ่งที่ฉันพูดเมื่อกี้นี้ เรื่องนี้ก็ช่างมันเถอะ”
วิธีจัดการของเจ้านายเรียกได้ว่าทั่วถึงมาก เนื่องจากเขาเป็นเพียงเจ้าของร้านอาหาร ไม่ว่ายังไง ก็สามารถสู้กับคุณชายของไฟลกรุ๊ปได้ ในเวลาเดียวกันเขาก็พิจารณาแทนรพีพงษ์ คนที่มาจากต่างถิ่น ก็ยิ่งสู้กับชัยพัทธ์ไม่ได้
แต่จากอุปนิสัยของรพีพงษ์ จะอดกลั้นกลืนความโกรธนี้ไปอย่างเงียบๆได้อย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่ใช่ว่าจะพาภรรยาและลูกออกมาครั้งหนึ่งได้ง่ายๆ เพื่อทานอาหารท่ามกลางบรรยากาศของร้านอาหาร ถ้าหากนำกลับไปทาน รสชาติในนั้นจะลดลงมาก
นอกจากนี้ รพีพงษ์ไม่ได้เอาสิ่งที่เรียกว่าไฟลกรุ๊ปไว้ในสายตา
“ฉันซาบซึ้งในน้ำใจของคุณ แต่ฉันจองโต๊ะไว้แล้ว และใครก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะบังคับยึดครองมันได้ วันนี้ฉันจะทานอาหารที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นคุณชายพัทธ์หรือคุณชายวัวอะไร ก็ไม่มีสิทธิ์มาแย่งของที่ฉันจองไว้”
รพีพงษ์พูดกับเจ้านาย จากนั้นหันหน้ามองไปทางอารียา เอ่ยปากพูดว่า: “เธอพาหนูลินรออยู่ที่ข้างนอก หาสถานที่ปลอดภัย ฉันจัดการเรื่องนี้”
อารียาพยักหน้า
รพีพงษ์เดินตรงเข้าไปในร้านอาหาร เมื่อเจ้านายเห็นเช่นนี้ สีหน้าท่าทางก็ตกใจ รีบเดินตามไป ในปากก็ตะโกนว่า: “คุณผู้ชาย ทำอะไรไม่ได้เด็ดขาด คุณชายพัทธ์ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถมีเรื่องได้ด้วย ผมหวังดีกับคุณนะ!”
รพีพงษ์ไม่ได้สนใจคำพูดของเขา หลังจากเข้าไปในร้านอาหาร เอ่ยปากถามว่า: “ใครคือคุณชายพัทธ์?”
เจ้านายดูทำอะไรไม่ถูก คิดในใจคนคนนี้เป็นไอ้โง่คนหนึ่งจริงๆ เขาพูดชัดเจนขนาดนี้แล้ว คนคนนี้ยังจะมาหาเรื่องอีก
แต่เขาก็ไม่สามารถขวางไว้ได้ ทำได้เพียงยื่นมือชี้ไปที่โต๊ะที่ชัยพัทธ์และไพทยาอยู่ แล้วพูดว่า: “คนที่นั่งอยู่บนโต๊ะตรงนั้น ก็คือคุณชายพัทธ์”
รพีพงษ์เดินตรงเข้าไป ยืนอยู่ด้านข้างชัยพัทธ์ เอ่ยปากพูดว่า: “ฉันจองโต๊ะนี้ไว้แล้ว เชิญพวกคุณสองคนออกไปด้วย ภรรยาและลูกของฉันจะทานอาหารที่นี่”
ชัยพัทธ์กำลังพูดคุยกับไพทยาอย่างมีความสุข จู่ๆได้ยินเสียงของรพีพงษ์ บนใบหน้าก็แสดงสีหน้าไม่พอใจ หลังจากเงยหน้าขึ้นเหลือบมองรพีพงษ์แวบหนึ่ง พูดอย่างเย็นชา: “นายจองอะไรไว้แล้ว? ตอนนี้ฉันนั่งอยู่ที่นี่ โต๊ะนี้ก็เป็นของฉัน นายอยากทานอาหารก็ไสหัวออกไป”
เมื่อรพีพงษ์เห็นท่าทีของชัยพัทธ์เลวร้ายมาก ก็ขมวดคิ้ว
ในเวลานี้ไพทยามองไปที่รพีพงษ์แวบหนึ่ง บนใบหน้าเผยให้เห็นถึงความประหลาดใจทันที คนคนนี้เป็นพนักงานทำความสะอาดที่ช่วยตัวเองทิ้งขยะเมื่อเช้านี้ไม่ใช่เหรอ?
แค่พนักงานทำความสะอาดต๊อกต๋อยก็กล้ามาหาเรื่องชัยพัทธ์ ใจกล้าบ้าบิ่นมากจริงๆ
ตอนนี้หล่อนกำลังคิดวิธีที่จะทำให้ชัยพัทธ์ตกหลุมพราง ก็ต้องอยู่ข้างชัยพัทธ์เป็นธรรมดา
“นายเป็นพนักงานทำความสะอาดของโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลไม่ใช่เหรอ? ฉันเตือนนายรีบออกไปโดยเร็วเถอะ คนคนนี้คือคุณพัทธ์ ผลที่ตามมาไม่ใช่สิ่งที่นายจะสามารถจินตนาการได้”ไพทยาเอ่ยปากพูด
รพีพงษ์มองไปที่ไพทยาแวบหนึ่ง พบว่าคนคนนี้เป็นผู้หญิงที่ตัวเองเจอที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลในตอนเช้า แต่เขาไม่รู้ว่าไพทยาเป็นใคร และไม่มีความจำเป็นที่ต้องรู้
หลังจากที่ชัยพัทธ์ได้ยินคำพูดของไพทยา บนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มเยาะเย้ย เขาคาดไม่ถึงว่าคนที่วิ่งมาท้าทายเขากลับเป็นพนักงานทำความสะอาด
เรื่องใหม่ๆในปีนี้ไม่น้อยจริงๆ แค่พนักงานทำความสะอาดต๊อกต๋อย ก็กล้าให้เขาออกจากโต๊ะ
ชัยพัทธ์เขม็งตาใส่รพีพงษ์ เอ่ยปากพูดว่า: “ฉันยังคิดว่านายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่มีเกียรติอะไร โวยวายอยู่ตั้งนานที่แท้ก็แค่พนักงานทำความสะอาด ทำไม นายมีชีวิตจนเบื่อแล้วเหรอ หรือว่าภรรยากับลูกของนายมีชีวิตอยู่จนเบื่อแล้ว กล้าวิ่งมาอวดดีตรงหน้าฉันเหรอ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของชัยพัทธ์ สีหน้าของรพีพงษ์ไม่พอใจทันที ใช้น้ำเสียงที่เยือกเย็นพูดว่า: “ฉันเตือนนายทางที่ดีรู้จักกาลเทศะบ้าง ความอดทนของฉันมีขีดจำกัด ไม่อยากจะเสียเวลาอยู่ที่นี่กับนาย”
เมื่อชัยพัทธ์ได้ยินเช่นนี้ ก็ระเบิดเสียงหัวเราะทันที จากนั้นพูดกับไพทยาว่า: “คุณได้ยินที่เขาพูดหรือเปล่า? เขาบอกให้ฉันรู้จักกาลเทศะบ้าง! ตอนนี้คนใช้แผลงฤทธิ์ขนาดนี้เลยเหรอ? กล้าให้ฉันรู้จักกาลเทศะด้วย ฉันกลัวจนแทบจะตายอยู่แล้วจริงๆ”
ไพทยามองไปที่รพีพงษ์อย่างหมดคำพูด และพูดด้วยความดูถูก: “นายบ้าไปแล้วเหรอ คนอย่างนาย นิ้วเดียวของคุณชายพัทธ์ก็สามารถบีบนายตายได้ ให้นายไสหัวออกไปคือปล่อยนายไปแล้ว นายอย่ามาไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีที่นี่”
ทุกคนรอบๆก็สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวที่นี่ เห็นรพีพงษ์กำลังท้าทายชัยพัทธ์ ทั้งหมดก็แสดงสีหน้าท่าทางประหลาดใจออกมา
อยู่ในเมืองเมฆานี้ เห็นได้ยากมาก
โดยเฉพาะหลังจากที่ไพทยาบอกว่ารพีพงษ์เป็นแค่พนักงานทำความสะอาด สายตาที่ทุกคนมองไปทางรพีพงษ์ก็เต็มไปด้วยความแปลกประหลาด
เห็นได้ชัด พวกเราต่างรู้สึกว่ารพีพงษ์ไปหาเรื่องชัยพัทธ์ ก็คือตัวเองขุดหลุมให้กับตัวเอง ยังถือโอกาสฝังตัวเองไปด้วย
“ฉันว่าไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีคือพวกคุณมากกว่า! ภรรยากับลูกของฉันยังหิวอยู่ ฉันให้เวลาพวกคุณสามนาทีออกไปจากที่นี่ ไม่อย่างนั้น ก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ!”
รพีพงษ์ให้โอกาสชัยพัทธ์และไพทยาทั้งสองคนเป็นครั้งสุดท้าย
ชัยพัทธ์เห็นว่ารพีพงษ์ไม่ได้ให้ความสำคัญกับคำพูดของเขา บนใบหน้าก็แสดงสีหน้าบึ้งตึง พูดอย่างเยือกเย็นว่า: “แกเชื่อมั้ยว่าถ้าแกยังไม่รู้จักผิดชอบชั่วอยู่ที่นี่ต่อไป พรุ่งนี้ฉันก็จะทำให้แกไม่ได้เจอภรรยากับลูกของแก?”
“อีกอย่าง นายน่าจะไม่อยากให้ภรรยากับลูกของนายเป็นอะไรใช่มั้ย?”
รพีพงษ์เห็นว่าชัยพัทธ์กล้าเอาภรรยากับลูกของตัวเองมาข่มขู่ตัวเอง ความอดทนในใจที่มีต่อชัยพัทธ์ก็ถึงขีดสุดจำกัน
เขามือออกมาโดยตรง บีบคอของชัยพัทธ์ และยกเขาขึ้นมา
เมื่อทุกคนในร้านอาหารเห็นก็อุทานออกมา ใครก็คาดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะกล้าลงมือกับชัยพัทธ์
ไพทยาหวาดกลัวจนลุกขึ้นมา มองไปที่รพีพงษ์ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“นาย…นายต้องการจะทำอะไร?”ใบหน้าของชัยพัทธ์แดงระเรื่อ พูดยังเปลืองแรง
“ฉันเกลียดคนที่เอาภรรยากับลูกของฉันมาข่มขู่ฉัน แกทำลายขีดจำกัดของฉัน!”