พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่1023 การต่อสู้
บทที่1023 การต่อสู้
จารุเดชจ้องรพีพงษ์ จากนั้นก็ยิ้มอย่างชั่วร้าย แล้วกล่าว “เด็กน้อย แม้แกกับผิวของแกมันจะไม่ค่อยสัมพันธ์กัน แต่ความอัจฉริยะ น่าจะไม่เลวเลยนะ”
“หลายปีแล้วที่ฉันไม่ได้ลิ้มลองรสชาติของผู้ชาย วันนี้เอาแกมาเป็นของว่างหน่อยสิ!”
พูดจบ เขาก็เลียไปที่ลิมฝีปากของตัวเอง
รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของจารุเดช ขนก็ลุกชูชันขึ้นมา คิดไม่ถึงว่าไอ้แก่คร่ำครึกนี่จะวิปริตขนาดนี้ แม้แต่ผู้ชายก็ยังไม่เว้น
ตอนนั้นที่อยู่ในห้องน้ำ รพีพงษ์ใช้พลังจิตสังเกตการกระทำของจารุเดช แม้ไม่เห็นจารุเดชทำสำเร็จ แต่ในใจก็เดาออกว่าที่จารุเดชยั่วผู้หญิงพวกนั้น ไม่ใช่เพราะสนุก แต่เพราะเป้าหมายอื่น
เขาอายุร้อยกว่าปีแล้วยังสามารถรักษาความอ่อนเยาว์ได้ขนาดนี้ จะต้องมีเหตุผลแน่นอน ทันใดนั้นรพีพงษ์ก็นึกถึงฉากดูดเลือดคนในหนัง เพื่อรักษาความอ่อนเยาว์
แม้จารุเดชจะไม่กินคน แต่ก็ต้องมีกลอุบายอื่นที่ใกล้เคียงกันอย่างแน่นอน
ก็ไม่แปลกที่กลุ่มสิงโตเอาเขาเป็นรางวัลนำจับ สิ่งที่เขาฝึกมาทั้งหมด เกี่ยวกับศาสตร์มืดทั้งนั้น บวกกับฝีมือของเขาเก่งกาจขนาดนี้ สำหรับทั้งโลกแล้ว เป็นภัยอันตรายที่ซ่อนไว้อย่างใหญ่หลวง
รพีพงษ์ไม่หวาดกลัวแต่อย่างใด ในฐานะที่ฝีมือแดนดั่งเทพชั้นยอด ไม่ใช่ว่าเขาจะฝีมือแย่กว่าจารุเดช ยิ่งไปกว่านั้นรพีพงษ์ยังมีไม้ตายที่มากมายด้วย
แต่ตอนที่ทั้งสองกำลังจะต่อสู้กันนั้น มีลมพัดมา แว็บเดียว นิรภัฏก็ปรากฏตัวอยู่ข้างๆรพีพงษ์
รพีพงษ์หันไปมองนิรภัฏ แล้วกล่าว “ผู้อาวุโส”
นิรภัฏเหลือบไปมองรพีพงษ์ แล้วกล่าวอย่างสงบว่า “คิดไม่ถึงว่าจะเจอแกที่นี่ แกไล่ตามไอ้แก่วิปริตนี่ได้ ไม่ธรรมดาเลยนะ แต่จารุเดชนี่มันแข็งแกร่ง แกต่อกรไม่ได้ แกไปยืนข้างๆ ฉันจะต่อสู้เอง!”
จารุเดชจ้องนิรภัฏ ด้วยสายตาอำมหิต แล้วกล่าว “ฉันก็ว่าทำไมเด็กนี่มันถึงกล้าไล่ฉันมาคนเดียว ที่แท้ก็มีแกไอ้แก่ตามมา นิรภัฏ ความแค้นของแกกับฉันผ่านมาตั้งหลายปี แกจำเป็นต้องไล่ตามฉันขนาดนี้เลยหรอ?”
นิรภัฏดูแคลน แล้วกล่าว “ตอนนั้นถ้าไม่ใช่แก ลูกสาวฉันจะตายอย่างอนาถได้ไงกัน! แค้นนี้ ต่อให้ไปที่พญายม ฉันก็จะตามไปล้างแค้นให้ได้!”
“ตอนนี้แกถูกฉันหาเจอแล้ว วันนี้จะเป็นวันตายของแก!”
จารุเดชดูแคลน แล้วกล่าว “นิรภัฏ แม้เราจะอยู่คนล่ะยุคกัน แต่แกก็เป็นผู้เฒ่าที่ผมขาวแล้ว แต่ฉันยังคงอ่อนเยาว์ แกไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน”
สายตาของนิรภัฏอาฆาต แล้วกล่าว “ไร้ยางอายจริงๆ ยังกล้าพูดว่าตัวเองละอ่อนอีก หน้าไม่อายจริงๆ!”
ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ณีรนุชที่วิ่งมาอย่างหน้าตั้ง ความสามารถของเธอไม่เหมือนรพีพงษ์และนิรภัฏ สามารถมาถึงได้ด้วยระยะเวลาอันสั้นนี้ก็ถือว่าเร็วแล้ว
จารุเดชจ้องณีรนุช เลียริมฝีปาก แล้วกล่าว “เด็กสาวคนนี้สวยจริงๆ ฉันชอบแบบนี้ นิรภัฏ เธอน่าจะเป็นคนรุ่นหลังของแกใช่มั้ย? แกมอบเธอให้ฉัน ฉันรับประกันว่าต่อไปจะไม่หาเรื่องแกอีก ไง?”
นัยน์ตาของนิรภัฏเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น แล้วกล่าว “วันนี้เป็นวันตายของแก! แกคิดว่าแกมีสิทธิที่จะต่อรองกับฉันได้งั้นหรอ!”
พูดจบ นิรภัฏก็พุ่งไปที่จารุเดช
จารุเดชหลับตาลง ด้วยความไม่ลังเล ในมือปรากฏลำแสงสีม่วงขึ้นมา แล้วต่อกรกับนิรภัฏทันที
“ผู้อาวุโส ผมจะช่วยคุณอีกแรง!” รพีพงษ์ตะโกนไปหานิรภัฏ
นิรภัฏรีบตอบว่า “แกอยู่ตรงนั้นนิ่งๆ ปกป้องนุชให้ดีๆ นี่เป็นความแค้นระหว่างฉันกับมัน ฉันจะจบมันเอง! ”
รพีพงษ์ได้ยินนิรภัฏพูดแบบนี้ ก็ยืนอยู่กับที่ไม่ไปไหน
นิรภัฏและจารุเดชมีความแค้นต่อกันค่อนข้างมาก ในสถานการณ์แบบนี้ ควรที่จะหานิรภัฏจัดการเองถูกต้องแล้ว
ยังไงฝีมือของนิรภัฏก็ไม่แย่ อาจจะไม่แพ้จารุเดชก็ได้ เขายืนดูอยู่ข้างๆก่อนก็แล้วกัน ถ้านิรภัฏเริ่มไม่ไหว เขาค่อยลงมือก็ยังไม่สาย
หลังจากที่ณีรนุชหายเหนื่อยแล้ว เริ่มปกติขึ้นมาหน่อย จากนั้นเธอก็หันไปหารพีพงษ์ แล้วกล่าว “คุณนี่กล้าไม่ใช่น้อยเลยนะ การต่อสู้ระดับคุณยังอยากเข้าร่วมอีก คุณไม่กลัวโดนลูกหลงของพวกเขาแล้วตายหรือไง?”
ได้ยินคำพูดของณีรนุช รพีพงษ์ก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ แล้วกล่าว “คุณมั่นใจขนาดนี้เลยหรอว่าฝีมือของผมจะเข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้?”
“ไม่งั้นล่ะ? ครั้งที่แล้วคุณก็เป็นแค่แดนครึ่งดั่งเทพเท่านั้น แม้เทียบกับคนส่วนใหญ่แล้ว คุณเป็นอัจฉริยะของอัจฉริยะ แต่ก็เข้าร่วมการต่อสู้ระดับนี้ไม่ได้อยู่ดี” ณีรนุชกล่าวอย่างเป็นทางการ
แต่แว็บเดียว เธอก็นึกถึงอะไรบางอย่าง แล้วตาโตขึ้น กล่าว “หรือคุณเลื่อนขั้นแล้ว?”
รพีพงษ์ยิ้มแต่ไม่พูดอะไร ไม่ตอบณีรนุชใดๆ
ณีรนุชลูบหมัดของตัวเอง คิดในใจว่าไอ้นี่มันชั่งวิปริตจริงๆ เพิ่งผ่านไปได้เท่าไหร่เอง ก็เลื่อนขั้นแล้ว
เมื่อเอาตัวเองไปเทียบกับเขาแล้ว เหมือนกับเป็นไอ้สวะชัดๆ
เธอมองรพีพงษ์อย่างไม่พอใจ แล้วกล่าวอย่างโมโหว่า “แม้คุณจะเลื่อนขั้นเป็นแดนดั่งเทพขั้นต้นแล้ว ก็เข้าร่วมการต่อสู้ของพวกเขาไม่ได้หรอกนะ พวกเขาทั้งสองเป็นแดนดั่งเทพชั้นยอด ในสายตาของเขาแดนดั่งเทพขั้นต้น ก็ไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดาหรอกนะ”
ตอนนี้เธอทำได้แค่พูดให้ตัวเองรู้สึกทัดเทียมขึ้นมาก็เท่านั้น
แต่ถ้าเธอรู้ว่าตอนนี้รพีพงษ์เป็นแดนดั่งเทพชั้นยอดแล้วล่ะก็ เกรงว่าชาตินี้ก็ไม่มีทางทำให้ตัวเองรู้สึกทัดเทียมได้แล้ว
แรงที่ทั้งสองปะทะกันนั้นรุนแรงมาก การทำลายล้างของแดนดั่งเทพชั้นยอด เทียบได้กับการทำลายล้างของระเบิดนิวเคลียร์เลยทีเดียว
ดีที่ที่นี่คือชานเมือง ผู้คนไม่พลุกพล่าน ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าการต่อสู้ของเขาจะไปกระทบกับใคร
แต่กลับเป็นณีรนุช เพราะฝีมือของตัวเองค่อนข้างอ่อน ไม่เคยเห็นการต่อสู้ลักษณะนี้มาก่อน เธอกำลังมองนิรภัฏและจารุเดชรวดเร็ว และท่าพลังทำลายล้างที่พวกเขาปล่อยออกมา ทำให้เธอช็อกไปจริงๆ
โดยหลักการแล้วเธออยู่ใกล้การต่อสู้ขนาดนี้ แค่ลูกหลงการต่อสู้ ก็ทำให้เธอล้มลงกับพื้นได้ แต่เธอกลับยืนอยู่ที่นั่นอย่างปลอดภัย
แน่นอนว่านี่เป็นเพราะรพีพงษ์ได้ขวางแรงที่เกิดจากการต่อสู้ไว้
พลังจิตของรพีพงษ์สังเกตการณ์ต่อสู้ของทั้งสองอยู่ตลอดเวลา ด้านหนึ่งได้รู้สไตล์การต่อสู้ของจารุเดช อีกด้านหนึ่งก็สามารถรู้ถึงสภาพของแต่ล่ะฝ่ายได้
ในขณะที่ทั้งสองแลกท่าไปร้อยครั้ง บนพื้นเริ่มเกิดรอยแตกร้าว ตอนที่ต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกลล้มลงเป็นเบือ รพีพงษ์ได้ขมวดคิ้วขึ้นมา
“ไม่ได้การล่ะ ผู้อาวุโสนิรภัฏไม่นาน ก็จะเอาไม่อยู่แล้ว!”