พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่1039 แค่ขยะอย่างมึง
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่1039 แค่ขยะอย่างมึง
บทที่1039 แค่ขยะอย่างมึง
ที่อยู่ของโศภิตาอยู่ใจเคหะเมืองของเมืองเมฆา อยู่ไกลจากโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล รพีพงษ์นั่งรถเกือบหนึ่งชั่วโมงจึงจะถึง
เทียบกับความครึกครื้นแถวโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เคหะในเมืองนี้ค่อนข้างเงียบเหงา ที่นี่ไม่มีตึกสูงใหญ่ จะมีก็แต่บ้านที่ตัวเองสร้างหรือทาวน์เฮ้าส์หมู่บ้านที่กำลังจะถูกรื้อถอนเท่านั้น
ผู้คนที่อยู่ที่นี่ ปกติจะเป็นคนที่ทำงานอยู่ในเมือง เพราะพวกเขารับค่าเช่าบ้านในเมืองไม่ไหว ดังนั้นจึงทำได้เพียงหาบ้านที่ถูกๆที่นี่ บางครั้งถึงขั้นต้องเช่าร่วมกับผู้อื่น
รพีพงษ์ดูตามที่อยู่ที่โศภิตาให้ หาอยู่นาน จึงจะหาบ้านที่ร้ายๆเจอหลังหนึ่ง ที่นี่คือที่อยู่ของโศภิตา
ตามที่โศภิตาพูด บ้านหลังนี้เธอได้เช่าร่วมกับคนอื่น เดือนล่ะห้าร้อยหยวนเท่านั้น
แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ สำหรับโศภิตาที่เงินเดือนสองสามพัน ก็ยังเป็นรายจ่ายจำนวนไม่น้อยอยู่ดี
ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังแบกหนี้สินจำนวนแปดแสนกว่าไว้อีกด้วย
แต่วันนี้ที่รพีพงษ์มานั้น หลักๆเลยก็มาเพื่อช่วยจัดการเรื่องหนี้สินของโศภิตา
แปดแสนกว่า สำหรับรพีงษ์แล้ว แม้แต่ค่าขนมก็ไม่ใช่ แต่กลับทำให้ชีวิตของโศภิตามีการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง
ตอนที่รพีพงษ์มาถึงข้างหน้าของบ้านหลังนี้ โศภิตาก็ออกมาจากบ้านพอดี เธอกลัวว่ารพีพงษ์จะหาไม่เจอ ดังนั้นจึงออกมารับ ไม่คิดว่าเมื่อออกมาก็เห็นรพีพงษ์มาถึงแล้ว
“ฉันคิดว่าอีกสักพักคุณจึงจะถึง กำลังจะไปรับคุณพอดี” โศภิตากล่าวต่อรพีพงษ์อย่างเขินอาย
รพีพงษ์หัวเราะ กล่าว “ผมยังไม่โง่ถึงขั้นหาไม่เจอ”
“คุณเเข้ามานั่งก่อน ฉันยังต้องไปรวบรวมเอกสารกู้ยืมนั่นอีกหน่อย ต้องใช้เวลาอีกสักพัก” โศภิตากล่าว
รพีพงษ์พยักหน้า แล้วเข้าไปในบ้านพร้อมกับโศภิตา
บ้านนี้เป็นบ้านที่เนื้อที่ไม่มาก เข้าไปก็เป็นสวนเล็กๆ ด้านในมีสองประตู โศภิตาเช่าห้องหนึ่งในนั้น
ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องของโศภิตา รพีพงษ์เห็นด้านในวางไว้แค่เตียงหนึ่งเตียง โต๊ะหนึ่งตัว เก้าอี้หนึ่งตัว และหม้อไฟฟ้าถูกๆอีกหนึ่ง
โศภิตารู้สึกว่าที่อยู่ของตัวเองแย่มาก จนค่อนข้างอึดอัด แล้วกล่าวต่อรพีพงษ์ว่า “พื้นที่ที่นี่ค่อนข้างเล็ก ถ้าคุณไม่รังเกียจไปนั่งบนเก้าอี้ตรงนั้นก็ได้นะ”
รพีพงษ์พยักหน้า แล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้
เห็นที่ๆโศภิตาอาศัยอยู่ รพีพงษ์อุทาน หญิงสาวคนนี้เรียนจบมหาลัยมา มีหน้าที่การงานที่ไม่เลว อนาคตที่สดใสรออยู่ แต่เพราะความร้ายกาจของดิษยา เธอถึงได้ตกต่ำถึงขั้นนี้
นี่ทำให้รพีพงษ์เห็นใจโศภิตา แล้วเกิดความเกลียดแค้นดิษยาขึ้นมา คนแบบนี้ ต่อให้สวยงาม ก็ไม่เหมาะที่จะมีชีวิตอยู่บนโลก
รพีพงษ์ตัดสินใจแล้ว ไม่เพียงจะช่วยโศภิตาจัดการภาระหนี้สิน แล้วยังจะให้ดิษยาและจุฑาธชได้ชดใช้กรรมที่ก่อไว้
ในขณะที่โศภิตากำลังจัดเตรียมเอกสารกู้ยืมอยู่นั้น เสียงอันน่ารำคาญจากด้านนอกดังขึ้น “โศภิตา แกออกมาเดี๋ยวนี้นะ กูไม่มีเงินแล้ว เอาเงินมาให้กูหน่อย!”
เมื่อโศภิตาได้ยินเสียงนี้ก็หน้าถอดสี จากนั้นก็รีบเดินไปที่ประตู แล้วปิดลงอย่างเร็ว
แต่เธอยังไม่ทันได้ปิด ประตูก็ถูกถีบออก โศภิตาเกือบล้มละกับพื้น
รพีพงษ์ขมวดคิ้วทันใด จากนั้นก็เห็นผู้ชายที่มอมแมม กลิ่นตามตัวเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้า ไม่โกนหนวดมาครึ่งเดือนเดินเข้ามาในห้อง
“แม่ง กล้าปิดประตูหรอวะ? กูว่ามึงอยากลองดีใช่มั้ย?” ผู้ชายตะคอกใส่โศภิตา
“ตปิยะ! ฉันไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับแกแล้ว แกจะมาหาฉันอีกทำไม? ฉันไม่มีเงิน เพราะแก ฉันต้องแบกรับหนี้สินแปดแสนกว่า แกจะให้ฉันตายเลยหรือไง!”
โศภิตาสิ้นหว้ง ผู้ชายที่ชื่อตปิยะนี้ ก็คือคนที่หลอกเธอแล้วยังให้เธอกู้หนี้นอกระบบอีก เป็นฝันร้ายที่เธอจะไม่ลืมไปตลอดชีวิต
ตปิยะจ้องโศภิตาแล้วเหยียดหยาม กล่าว “หยุดเสแสร้งแม่งได้แล้ว มึงล้างจานเดือนหนึ่งก็สามพันกว่าไม่ใช่หรอ? เอาเงินมาให้กู วันนี้กูดวงดี ต้องรีบชนะ อย่าทำให้กูเสียเวลาในการชนะ ไม่งั้นกูตบมึงตาย!”
โศภิตากัดริมฝีปากมองไปที่ตปิยะ แม้ก่อนหน้านี้เธอได้แจ้งความไว้แล้ว ตปิยะก็ถูกควบคุมตัวไปหลายครั้ง แต่ตปิยะมันหน้าด้าน รู้ว่าแค่ทำไม่เกินไป ต่อให้เป็นตำรวจก็ทำอะไรเขาไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงมักจะมาหาโศภิตาเพื่อเอาเงิน
ในตอนที่โศภิตากำลังสิ้นหวังอยู่นั้น รพีพงษ์ก็ยืนขึ้น เดินไปตรงหน้าของตปิยะ กล่าว “แกคือคนที่เอาบัตรประชาชนของเธอไปกู้หนี้นอกระบบ?”
ตอนนี้ตปิยะเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าในห้องยังมีคนอื่นอยู่ด้วย เขามองรพีพงษ์ตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นก็ดูแคลน “ไง แกคือแฟนคนใหม่ที่อีกระหรี่โศภิตาหามาหรือไง?”
โศภิตารีบกล่าว “”ตปิยะ แกอย่าพูดมั่วๆนะ ไสหัวไปซะ รพีพงษ์ไม่ใช่คนที่แกจะหาเรื่องได้”
ตปิยะไม่สนใจ ยิ้มพลางกล่าว “ก็แค่เล่นของเก่า ทำไมจะหาเรื่องไม่ได้ โศภิตา จะบอกให้นะ ต่อให้มึงจะมีแฟนใหม่ ยังไงวันนี้ก็ต้องเอาเงินให้กู ไม่งั้นกูจะต่อยไอผัวใหม่ของมึงถึงขั้นที่ต่อไปมันไม่กล้ามาหามึงอีกเลยล่ะ!”
เขาเพิ่งพูดจบ รพีพงษ์ก็ถีบไปที่ร่างของเขา
เสียงดังปัง ร่างของตปิยะลอยไป ชนเข้ากับขอบประตู
เพียงแค่ไม่กี่คำ รพีพงษ์ก็รู้แล้วว่าตปิยะเป็นคนอย่างไร สำหรับสัตว์เดรัจฉานแบบนี้ เขาไม่เกรงใจอยู่แล้ว
ตปิยะไม่คิดว่ารพีพงษ์จะลงไม้ลงมือกะทันหัน เขากัดฟันยืนขึ้น แล้วกล่าวอย่างรุนแรงว่า “แม่งมึง มึงกล้าถีบกู วันนี้กูไม่ต่อยมึงตาย อย่าเรียกกูตปิยะ”
จากนั้นเขาก็พุ่งไปที่รพีพงษ์
รพีพงษ์ดูแคลน กล่าว “แค่ขยะอย่างมึง จะฆ่ากู?”
พูดจบ เขาก็ตบไปหนึ่งฉาด ตปิยะไม่ทันได้ระวังตัว ก็ลืมลงกับพื้นทันใด
ฟันครึ่งปากของเขาได้ถูกรพีพงษ์ตบจนร่วงออกมาแล้ว ขณะนี้ปากเต็มไปด้วยเลือด พูดออกมามีแต่ลม
เดิมทีโศภิตายังเป็นห่วงรพีพงษ์ที่สูงศักดิ์ ว่าจะไม่เก่งเรื่องการต่อสู้ แต่เมื่อเห็นรพีพงษ์ตบตปิยะฉาดเดียวแล้วกลายเป็นแบบนี้ ก็ตกใจ
ขณะนี้ตปิยะเพิ่งจะรู้ว่ารพีพงษ์เป็นคนที่ไม่ควรแตะต้อง เขายืนขึ้นจากพื้น แล้วหนีไป
รพีพงษ์จับเสื้อเขาเอาไว้ จากนั้นก็ดูแคลน “เรากำลังจะไปเคลียร์หนี้นอกระบบอยู่พอดี หนี้นอกระบบพวกนั้นมึงปลอมตัวตนไปกู้มา มึงไปด้วยกันนี่แหละ!”