พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่1042 ขอโทษชดใช้ค่าเสียหาย
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่1042 ขอโทษชดใช้ค่าเสียหาย
บทที่1042 ขอโทษชดใช้ค่าเสียหาย
ดิษยาและจุฑาธชทั้งสองกำลังนั่งอยู่ในรถอย่างหมดอาลัยตายอยาก ที่วันนี้ทั้งสองคนมาที่นี่ ก็เพื่อควบคุมโศภิตา แล้วถามเรื่องเกี่ยวกับรพีพงษ์และอารียา
แต่เมื่อพวกเขามาถึงที่นี่แล้วนั้น ก็ได้เข้าไปตะโกนเรียกในสวนอยู่นานแสนนาน ไม่มีคนตอบ ประตูห้องไม่ได้ล็อคไว้ แต่ด้านในไม่เห็นแม้กระทั่งเงาของคน
และพวกเขายังสังเกตเห็นในห้องรกไปหมด ดิษยาถึงขั้นสงสัยโศภิตารู้ว่าพวกเขามา ดังนั้นจึงหนีไป
เพราะหาที่อยู่ของโศภิตาไม่เจอ ดังนั้นทั้งสองจึงรออยู่ที่ประตู อยากจะรู้ว่าโศภิตาจะกลับมามั้ย
รอได้ไม่นาน รพีพงษ์และโศภิตาก็กลับมา
ดิษยาเห็นโศภิตาและรพีพงษ์ทั้งสอง ก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันใด รีบสะกิดจุฑาธชที่อยู่ข้างๆ กล่าว “รีบดูเร็ว โศภิตากลับมาแล้ว ผู้ชายคนเมื่อคืนก็อยู่ด้วย!”
จุฑาธชมองไปด้านนอก จากนั้นก็รีบลงจากรถ ขวาโศภิตาและรพีพงษ์ทั้งสองคนไว้
“แม่ง พวกมึงนี่หาง่ายจริงๆ โศภิตา พวกกูคิดว่ามึงหนีไปแล้วเสียอีก!” จุฑาธชด่า
โศภิตาจ้องสองคนนั้น แล้วถาม “พวกแกมาที่นี่ทำไม?”
ดิษยาดูแคลน กล่าว “พวกเรามาทำอะไรแกไม่รู้หรือไง? เมื่อคืนแม้แต่คอนเสิร์ตพวกเรายังไม่ทันได้ดูก็ถูกไล่ออกมาแล้ว เป็นเพราะแก กับไอ้เชี้ยสองคนนั่น ที่วันนี้พวกเรามาหาแก ก็เพื่อมาถามหาที่อยู่ของไอ้สองคนนั่นแหละ!”
“แต่ฉันไม่คิดว่าชายคนนี้ก็อยู่กับแกด้วย แต่แบบนี้ก็ดีแล้ว ในเมื่อมันก็อยู่นี่ พวกเราก็ไม่ต้องลำบากแล้ว!”
พูดจบ ดิษยามองรพีพงษ์ ด้วยสายตาคับแค้นใจ
จุฑาธชก็จ้องรพีพงษ์เช่นเดียวกัน แล้วกล่าวอย่างดุดันว่า “ไอ้เด็กน้อย มึงรู้มั้ยว่าการกระทำของมึงเมื่อคืน ได้ทำให้กูโกรธจนถึงขีดสุดแล้ว?”
รพีพงษ์จ้องพวกเขาทั้งสอง ยิ้มพลางกล่าว “พวกคุณหาเรื่องเองช่วยไม่ได้ เกี่ยวอะไรกับผม?”
“แก!” ดิษยาชี้ไปที่รพีพงษ์ อยากจะเขมือบให้รู้แล้วรู้รอด
“เชอะ ไม่คิดว่าตอนนี้ปากแข็งอีก! เมื่อคืนที่ฝ่ายผู้จัดไล่พวกเราออกมา ก็เป็นเพราะว่าเห็นแก่พวกคนดูที่นั่งซูเปอร์วีไอพีตรงนั้น ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมพวกแกโชคดี ยังรู้จักแขกซูเปอร์วีไอพีเหล่านั้นอีก”
“แต่กูจะบอกอะไรให้นะ ตระกูลกูที่เมืองเมฆาก็มีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งเหมือนกัน มึงยั่วโมโหกู ไม่มีผลดีอะไรกับมึงแน่!”
สายตาของจุฑาธชจ้องไปที่รพีพงษ์ แล้วตะคอก
รพีพงษ์ไม่คาดคิดว่าสองคนนี้จะคิดว่าเมื่อคืนนั่งที่ซูเปอร์วีไอพี เพราะรู้จักแขกซูเปอร์วีไอพีเหล่านั้น ความคิดที่ว่ามาก่อนได้เปรียบ บางครั้งก็ทำให้คนกลายเป็นบ้าได้
“ตอนนี้พวกเราให้โอกาสพวกแกอีกครั้ง เอาเงินค่าตั๋วคอนเสิร์ตเมื่อคืนคืนมาให้เรา แล้วให้อีกหนึ่งแสนค่าทำขวัญ และคำนับคนล่ะสามครั้ง เรื่องนี้ก็จะถือว่าจบ มิเช่นนั้นก็รอความตายได้เลย ฉันไม่เชื่อว่าคนเมื่อคืนจะช่วยพวกแกได้!” ดิษยากล่าวอย่างเกรี้ยวกราด
โศภิตาได้ยินคำพูดของดิษยา ก็โมโหขึ้นมา แล้วตะคอกใส่ดิษยา “พวกแกอย่าเกินไป! เมื่อคืน……”
เธออยากจพูดว่าเมื่อคืนไม่ใช่เพราะฝ่ายผู้จัดให้แก่เกียรติคนอื่นแล้วไล่พวกเขาออกไป แต่เห็นแก่รพีพงษ์ เธออยากบอกดิษยาทั้งสองคน ว่ารพีพงษ์ไม่ใช่คนธรรมดา ให้พวกเขาระวังตัวไว้หน่อย
แต่รพีพงษ์ยื่นมือไปห้ามโศภิตาไว้
“เหอะเหอะ เมื่อคืนที่ไล่พวกแกออกไป ฉันผิดเอง เรื่องนี้ฉันก็ได้ไตร่ตรองแล้ว ฉันควรจะขอโทษพวกแกใช่มั้ย?” รพีพงษ์กล่าว
โศภิตาตาโต ไม่คิดว่ารพีพงษ์จะขอโทษดิษยาและจุฑาธชทั้งสอง
ดิษยาและจุฑาธชทั้งสองก็ไม่คิดว่ารพีพงษ์จะอ่อนข้อเร็วขนาดนี้ ก็ตกใจขึ้นมา
รพีพงษ์ยิ้มแปลกๆ ด้วยนิสัยของเขา ไม่มีทางขอโทษดิษยาและจุฑาธชแน่นอน ที่เขาพูดแบบนี้ ก็แค่เพิ่งนึกวิธีแปลกๆที่จะเอาคืนดิษยาและจุฑาธชออก
“แต่ถ้าฉันขอโทษพวกแกแบบนี้ ก็ดูครึ่งๆกลางๆ เพราะเมื่อคืนสร้างปัญหาให้พวกแกอย่างมาก” รพีพงษ์กล่าวต่อ
“ดังนั้นฉันตัดสินใจว่าคืนนี้ ที่โรงแรมโอเรนจี ขอโทษพวกแกโดยเฉพาะ ถึงตอนนั้นฉันจะทำตามคำเรียกร้องในการขอโทาของพวกแก เงินพวกนั้นฉันก็จะชดใช้ให้ ว่าไง?”
ดิษยาและจุฑาธชทั้งสองมองรพีพงษ์อย่างสงสัย จากนั้นจุฑาทธชกล่าวว่า “มึงเล่นกับใคร? ถ้าพวกกูเชื่อมึง พอถึงตอนกลางคืน มึงหนีแล้วกูจะทำไง?”
รพีพงษ์หัวเราะ กล่าว “ถ้าพวกแกไม่เชื่อฉัน ผมจะให้โศภิตาไปกับพวกแกก่อน ฉันจะไปเตรียมเงินชดเชยไว้ให้พวกแก ถึงตอนนั้นถ้าฉันหนี พวกแกสามารถติดต่อฉันผ่านโศภิตาได้ ว่าไง?”
โศภิตาหน้าเปลี่ยนสี ไม่คิดว่ารพีพงษ์จะเอาตัวเองให้กับดิษยา
ดิษยาและจุฑาธชมองหน้ากัน รู้สึกว่ารพีพงษ์ไม่เหมือนคนที่กำลังโกหก
“ในเมื่อพวกมึงพูดแบบนี้ งั้นพวกเราจะให้โอกาสพวกแกอีกครั้ง แต่ถ้ามึงกล้าหลอกกู ไม่ใช่แค่โศภิตาจะโชคร้าย ต่อให้มึงหนี ก็ก็มีวิธีตามมึงจนเจอ!” จุฑาธชจ้องแล้วกล่าว
รพีพงษ์พยักหน้า แล้วหันไปหาโศภิตา ส่งสายตาให้เธอ กล่าว “ภิตา คุณไปกับพวกมันก่อนนะ เดี๋ยวตอนกลางคืน ผมจะไปหาคุณที่โรงแรมโอเรนจี”
โศภิตาเข้าใจสายตาของรพีพงษ์ แต่ในใจก็ยังคงกระวนกระวาย ไม่รู้ว่ารพีพงษ์จะทำอะไรกันแน่
แต่ก่อนหน้านี้รพีพงษ์ช่วยเธอเคลียร์ปัญหาหนี้สิน แล้วเขาก็เป็นคนที่เชื่อใจได้ ไม่น่าจะหลอกตนเองหรอก ดังนั้นเธอจึงพยักหน้าให้รพีพงษ์
“แต่ฉันต้องบอกพวกแกไว้ก่อนนะ คนที่จะให้ค่าชดเชยค่าฉัน โศภิตาอยู่กับพวกแก ก็แค่กันไม่ให้ฉันหนีเท่านั้น ดังนั้นถ้าพวกแกทำร้ายโศภิตา งั้นค่าชดเชยในคืนนี้ ก็ไม่จำเป็นแล้ว” รพีพงษ์พูดเพิ่มเติม
ดิษยากล่าวอย่างรำคาญว่า “พอล่ะ สบายใจได้ พวกเราไม่ได้เป็นคนพูดแล้วไม่ทำ แกคิดดีกว่าว่าคืนนี้จะชดใช้ยังไงให้พวกเรายกโทษให้”
รพีพงษ์ไม่พูดอะไรต่อ จากนั้นก็เอาก้อนหินใส่เข้าไปในมือของโศภิตา และใช้พลังจิตวิญญาณเทพกล่าวข้างๆหูของโศภิตาว่า “ถ้าพวกมักจะทำร้ายคุณ ให้ออกแรงบีบก้อนนี้ มันจะปกป้องคุณเอง”