พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่1045 ตาเดียวตัดสิน
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่1045 ตาเดียวตัดสิน
บทที่1045 ตาเดียวตัดสิน
ดิษยาและจุฑาธชมองไปที่บัตรธนาคารที่วางอยู่บนโต๊ะ ด้วยท่าทีตะลึง
“แกล้อเล่นใช่มั้ย? ในบัตรนี้มีสิบล้าน?” ดิษยาถาม
ขณะนี้รพีพงษ์เหมือนผีพนันที่แพ้พนันจนหน้ามืดตามัว แล้วกล่าว “ใช่ นี่เป็นเงินทั้งหมดที่ฉันมี ถ้าพวกแกไม่เชื่อ สามารถพาคนมาตรวจสอบได้นะ ฉันไม่เชื่อว่าฉันจะดวงซวยอย่างนี้ตลอดคืน”
ดิษยาและจุฑาธชทั้งสองมองหน้ากัน จากสายตาของพวกเขา มองเห็นถึงความอยากได้ออกมาแล้ว
สิบล้าน ต่อให้เป็นจุฑาธช ก็ถือว่าเป็นเงินจำนวนน้อย บริษัทตระกูลเขามีมูลค่าสามสิบกว่าล้านเข้าไปแล้ว ถ้าเขาสามารถเอาสิบล้านของรพีพงษ์นี้มาได้ งั้นคืนนี้เขาก็เหมือนได้เงินครึ่งหนึ่งของมูลค่าบริษัทแล้ว
เมื่อคิดถึงจุดๆนี้ เขาก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที เมื่อก่อนพ่อเขาบอกว่าเขาไร้ความสามารถ ตอนนี้เขามีโอกาสยืดอกต่อหน้าพ่อเขาได้แล้ว เขาไม่มีทางพลาดแน่นอน
“แกยังอยากพนันกับพวกเราต่อ?” จุฑาธชถาม
รพีพงษ์พยักหน้า ไม่ลังเลใดๆ
จุฑาธชหัวเราะ กล่าว “ได้ พวกเราจะให้โอกาสแกอีกครั้ง แต่จะบอกให้นะ โชคลาภเรื่องแบบนี้ มีก็คือมี เดี๋ยวถ้าสิบล้านของแกหายไป อย่าไม่ยอมรับนะ”
“สบายใจได้ ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น แล้วคนที่แพ้อาจจะไม่ใช่ฉันก็ได้” รพีพงษ์กล่าว
ดิษยาและจุฑาธชได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็ยิ้มอย่างเยาะเย้ย รู้สึกว่ารพีพงษ์มันโง่ แพ้จนบ้าไปแล้ว แพ้มาทั้งคืน แล้วยังคิดว่าตัวเองจะชนะอีก
“มา เขย่าต่อ ฉันคิดว่าโชคยังมีอยู่ แกอยากชนะอะยาก” จุฑาธชยิ้มพลางกล่าว
รพีพงษ์จ้องไปที่เขา แล้วกล่าว “‘งั้นพวกเราพนันเงินสูงๆมั้ย พวกแกดูนะตอนนี้เงินในบัตรของฉันก็เอาออกมาไม่ได้ ถ้าพนันกันทีล่ะน้อยๆ ก็แยกไม่ออก คงไม่ต้องมานั่งจำกันอยู่หรอกนะ”
“ดังนั้นเราตาเดียวตัดสินกันเลยดีกว่า ฉันพนันสิบล้าน พวกแกว่าไง?”
ดิษยาและจุฑาธชตกใจ ไม่คิดว่ารพีพงษ์จะกล้ามากขนาดนี้ ตาเดียวตัดสิน
จุฑาธชสูดหายใจเข้าลึกๆ คิดในใจว่าถ้าตานี้ชนะล่ะก็ ได้สิบล้านมาเลยนะ ไม่ต้องเปลืองเวลาแล้วด้วย
สิ่งยั่วยวนนี้สำหรับเขาแล้ว มันยิ่งใหญ่มาก
ดิษยาก็ตื่นเต้น มองไปที่จุฑาธช ถาม “แล้วพวกเราล่ะ?”
จุฑาธชลังเลสักพัก จากนั้นก็ด่า “แม่ง พนันทั้งคืนก็คือพนัน พนันตาเดียวก็พนัน เอาหน่อยล่ะกันว่ะ แบบนี้จะได้ไม่เสียเวลา ”
ดิษยาเห็นจุฑาธชพูดแบบนี้ ก็พยักหน้า แต่เธอคิดออกอย่างหนึ่ง จึงถามว่า “แต่เรามีแค่หกล้าน แล้วจะพนันกับสิบล้านของมันได้ไงกัน?”
จุฑาธชขมวดคิ้ว เริ่มนึกถึงปัญหานี้
รพีพงษ์เห็นท่าทีของพวกเขา ก็ส่งสายตาให้หมาป่า
หมาป่าเห็นดังนั้น ก็รีบยิ้มพลางพูดกับจุฑาธชว่า “ท่านทั้งสอง ความจริงแล้วผมทำกู้ยืม ถ้าเงินของพวกคุณไม่พอล่ะก็ ยืมผมได้นะ ถึงตอนนั้นถ้าชนะ ค่อยคืนกลับมาก็ได้แล้ว”
รพีพงษ์ทำเพื่อไม่ให้ดิษยาและจุฑาธชสงสัยตน จึงถามอย่างตกใจว่า “แกทำกู้ยืมอีกด้วยหรอ? ทำไมฉันไม่รู้?”
“นี่เป็นกิจการที่เพิ่งเริ่มทำ คุณไม่มายืมเงินผม ผมจึงไม่ได้บอกกับคุณ” หมาป่ากล่าวอย่างเสแสร้ง
จุฑาธชและดิษยาเริ่มลังเลขึ้นมาทันใด ไม่รู้ว่าควรทำไงดี
“ความจริงผมก็แค่อยากได้กำไรนิดๆหน่อยๆ ผมรับรองได้ ผมจะเอาแค่ดอกเบี้ยพื้นฐาน ถ้าพวกคุณชนะ ก็เอาเงินคืนให้ผม แล้วจ่ายแค่ค่ายืมหนึ่งหมื่นก็พอแล้ว ผมเห็นพวกคุณเล่นกันมีความสุข ดังนั้นไม่อยากให้พวกคุณพลาดโอกาสนี้ไป” หมาป่าเห็นทั้งสองลังเล จึงรีบอธิบาย
ทั้งสองได้ยินคำพูดของหมาป่า ก็ถูกใจ ถ้าชนะก็แค่ให้ค่ายืมหนึ่งหมื่นเท่านั้น การค้านี้ค่อนข้างคุ้มค่า
และพวกเขาไม่คิดเสียด้วยซ้ำว่าจะแพ้
“ได้ ฉันยืมแกก่อนสี่ล้าน รอให้ฉันชนะ แล้วพวกฉันจะเอาเงินคืนแก” จุฑาธชกล่าว
หมาป่าตกลงทันที จากนั้นก็หยิบสัญญาออกมา วางไว้ตรงหน้าของจุฑาธช กล่าว “ผมทำธุรกิจเล็กๆ สี่ล้าน แทบจะเป็นเงินทั้งหมดของผม เพื่อความปลอดภัย เราเซ็นสัญญากัน จะได้ไม่เกิดปัญหาใดๆ”
จุฑาธชอ่านเนื้อหาในสัญญา พบว่าเป็นสัญญากู้ยืมที่สมเหตุสมผล และรู้สึกว่าสี่ล้านเป็นเงินจำนวนไม่น้อย เค้าป้องกันไว้ก็เป็นเรื่องธรรมดา
จากนั้นมองไปที่ดิษยา กล่าว “พวกเราเซ็นด้วยกันเถอะ”
ดิษยาไม่เข้าใจ ถาม “คุณเซ็นคนเดียวก็พอแล้ว ทำไมเราทั้งคู่ต้องเซ็นด้วยกันล่ะ?”
“เงินนี้ถ้าชนะมาเราทั้งคู่ใช้ด้วยกัน ถ้าชนะแล้วเป็นของผมคนเดียว งั้นคุณก็ไม่ต้องเซ็น”จุฑาธชกล่าว
ดิษยาได้ยินจุฑาธชพูดแบบนี้ ก็ปฏิเสธทันใด เมื่อกี้เธอแสร้งทำเป็นโง่ แต่หลังจากที่คิดว่าชนะแล้ว พวกเขาก็มีเงินสิบล้านกว่า ดังนั้นจึงได้ยิ้มพลางกล่าว “แบบนี้นี่เอง งั้นเราเซ็นด้วยกัน”
พูดจบ เธอก็ได้เซ็นชื่อในสัญญานั้น จุฑาธชก็เซ็นเช่นเดียวกัน
เห็นทั้งสองเซ็นสัญญาแล้ว หมาป่าก็ยิ้มพลางหยิบบัตรธนาคารออกมาหนึ่งใบ ยื่นให้ทั้งสอง กล่าว “ในบัตรนี้มีสี่ล้านพอดี บวกกับหกล้านของพวกคุณ สิบล้านพอดี ตอนนี้พวกคุณเล่นต่อได้แล้ว”
จุฑาธชสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นมองไปที่รพีพงษ์ กล่าว “มา ตาเดียวตัดสิน!”
รพีพงษ์พยักหน้า จากนั้นก็หยิบถ้วยเขย่าลูกเต๋า
จุฑาธชหยิบถ้วยเขย่าลูกเต๋า แล้วเริ่มเขย่าลูกเต๋า
ทั้งสองหยุดลงพร้อมกัน รพีพงษ์มองจุฑาธช แล้วกล่าว “แกเปิดก่อน”
จุฑาธชไม่ลังเล เชื่อมั่นในโชคลาภของตัวเอง จากนั้นก็เปิดถ้วยเขย่าออก
ทุกคนมองไปที่นั่น พบว่าเป็นหกสามอัน ห้าสองอัน รวมๆแล้วถือว่าเยอะมาก
จุฑาธชหัวเราะออกมา แล้วกล่าว “ไม่ต้องดูแล้ว แกแพ้แล้ว เอาบัตรธนาคารนั้นมาให้ฉัน”
รพีพงษ์หัวเราะ แล้วกล่าว “ใจเย็นๆ ถ้าฉันโชคดี แล้วได้เลขมากกว่าแกล่ะ”
พูดจบ เขาก็เปิดถ้วยลูกเต๋าออก ทุกคนมองไป พบว่าเป็นหกห้าตัว!
ทุกคนตะลึงกับตัวเลขนี้ ไม่คิดว่ารพีพงษ์จะเขย่าตัวเลขได้มากขนาดนี้ มากกว่าจุฑาธชอยู่สองจุด
รพีพงษ์หัวเราะออกมากล่าว “ดูๆแล้วที่ฉันแพ้มาทั้งคืน พระเจ้าทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว ตานี้ฉันโชคดีจัง”
จุฑาธชและดิษยาที่เดิมทีตื่นเต้นอยู่นั้นก็งงเป็นไก่ตาแตก แข็งทื่ออยู่ตรงนั้น