พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่1046 ความคิดของนักพนัน
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่1046 ความคิดของนักพนัน
บทที่1046 ความคิดของนักพนัน
“เป็น……เป็นไปได้ยังไง? มันชนะแล้ว งั้นพวกเรา……แพ้สิบล้าน?” ดิษยาพึมพำกับตัวเอง
จุฑาธชยังไม่มีปฏิกิริยา จ้องไปที่ลูกเต๋าทั้งห้าของรพีพงษ์อย่างถี่ถ้วน หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าเป็นห้าหกอัน ก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“แกแพ้มาทั้งคืน ทำไมตาสุดท้ายถึงได้เขย่าเลขมากขนาดนี้ แกต้องทำกลอุบายอะไรแน่ๆ!” จุฑาธชจะคอกใส่รพีพงษ์
เขารับไม่ได้แม้แต่น้อยกับการชนะตาสุดท้ายของรพีพงษ์
นี่เท่ากับคืนนี้เขาไม่ได้อะไรเลย แล้วยังเป็นหนี้อีกสี่ล้าน
“ใช่ มันใช้กลอุบายอะไรแน่ๆ ห้าหกอัน เขย่าออกมาได้ไง!” ดิษยาก็กล่าวต่อ
รพีพงษ์จ้องไปที่พวกเขาทั้งสอง แล้วกล่าว “ถ้าฉันใช้กลอุบายได้จริงๆ ก็ต้องเริ่มใช้ตั้งแต่ต้นแล้ว ทำไมต้องมาใช้ตาสุดท้ายล่ะ?”
“แล้วฉันก็แพ้มาตลอดทั้งคืน ก็แค่มาชนะนัดสุดท้าย อย่าเป็นเพราะลักทรัพย์ในการพนันครั้งนี้สูง พวกแกจึงคิดว่าฉันใช้กลอุบายอะไรสิ ก่อนหน้านี้พวกแกชนะมาตั้งหลายครั้ง ใช้กลอุบายเหมือนกันหรือเปล่าล่ะ?”
ถูกรพีพงษ์ถามคำถามเดียวกัน ทั้งสองก็พูดไม่ออก เพราะสิ่งที่รพีพงษ์พูดคือความจริง เขาแพ้มาตลอดทั้งคืน ชนะบ้างสักครั้งก็ปกติ
แต่ครั้งนี้เงินพนันสูงจริงๆ ใครจะรู้ว่าเงินที่พวกเขาชนะมาจะแพ้ทั้งหมด แล้วยังต้องจ่ายเพิ่มอีกสี่ล้าน
“ตอนนี้พวกเราจะทำยังไง? ครั้งนี้แพ้ราบคาบ แล้วยังเป็นหนี้สี่ล้านอีก สถานการณ์ของฉันเป็นยังไงคุณรู้ดี ฉันไม่มีสี่ล้านหรอกนะ เงินพวกนี้คุณต้องเป็นคนคืนแล้วล่ะ” ดิษยาร้อนรน แวบแรกที่คิดออก คือเอาภาระหนี้สินให้กับจุฑาธช
จุฑาธชหน้าบึ้ง หันไปมองดิษยา แล้วกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “แพ้แค่ครั้งเดียวเอง ใครบอกว่าคืนนี้จะจบแค่นี้ คุณรู้แล้วหรอว่าเราจะชนะเงินนี้กลับมาไม่ได้แล้ว ถึงได้พูดเรื่องคืนเงินกับผมเร็วขนาดนี้”
ดิษยาได้ยินจุฑาธชพูดแบบนี้ ก็รู้สึกได้ว่าเมื่อกี้ตัวเองร้อนรนไป
แต่ตอนนี้พวกเธอไม่มีเงินแล้ว จะเอาอะไรมาชนะกลับมาได้?
จุฑาธชมองรพีพงษ์ แล้วกล่าว “ตานี้ที่แกชนะ พวกเราไม่คาดคิดจริงๆ แพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมดา พวกเราก็ไม่สามารถที่จะชนะได้ตลอด”
“แต่ฉันยังเล่นไม่พอ เรามาพนันกันต่อ ฉันไม่เชื่อว่าฉันจะแพ้!”
รพีพงษ์ดูแคลน จุฑาธชในตอนนี้ เหมือนกับผีพนันเข้าสิง ถ้าเริ่มแพ้ เขาจะเอาความหวังฝากไว้กับครั้งต่อไป จะเป็นวงเวียนอย่างนี้ไปเรื่อยๆ
ที่นักพนันพวกนั้นแพ้จนครอบครัวบ้านแตกสาแหรกขาด ก็เป็นเพราะมีความคิดแบบนี้
“ได้ พวกแกอยากเล่นต่อ งั้นฉันก็จะเล่นไปจนสุดทาง แกอยากพนันเท่าไหร่?” รพีพงษ์ถาม
“ฉันจะพนันกับแกยี่สิบล้าน และตาเดียวรู้ผล ฉันจะชนะกลับมาให้หมดภายในครั้งเดียว!” จุฑาธชตะโกนออกมา
เขาคิดว่าตาเมื่อกี้รพีพงษ์ได้ใช้โชคทั้งหมดที่มีในวันนี้ไปแล้ว จากการมือขึ้นของเขา บอกว่าต่อไปรพีพงษ์ไม่มีทางชนะได้อีกแล้ว
รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของเขา ก็หัวเราะ แล้วกล่าว “ฉันตกลงเงื่อนไขนี้ แต่แกจะพนันกับฉันยี่สิบล้าน ก็ต้องเอาทรัพย์สินที่ราคาเท่ากันออกมาป่ะ? ไม่ใช่แกไม่เอาอะไรมาพนัน แล้วจะพนันกับฉันยี่สิบล้าน แบบนี้ไม่ยุติธรรมนะ?”
จุฑาธชได้ยินรพีพงษ์พูด เพิ่งจะนึกออกว่าตัวเองไม่มีทรัพย์สินยี่สิบล้าน
เขาร้อนรนขึ้นมา จากนั้นก็หันไปหาหมาป่า แล้วถาม “แกมียี่สิบล้านมั้ย ให้ฉันยืมก่อน เดี๋ยวฉันชนะแล้วจะคืนให้”
หมาป่าหัวเราะขึ้นมาทันทีแล้วกล่าว “สี่ล้านเมื่อกี้เป็นทรัพย์สินทั้งหมดที่ผมมีแล้ว ผมจะไปเอายี่สิบล้านนี้มาจากไหน”
จุฑาธชด่า รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะพนันอีกครั้ง ก็สามารถเอาเงินกลับมาได้แล้ว แต่เพราะไม่มีเงินพนัน รพีพีงษ์ก็ไม่พนันกับเขา เขารู้สึกเสียเปรียบ
รพีพงษ์เห็นท่าทีของเขา ก็หัวเราะออกมากล่าว “ฉันได้ยินมาว่าครอบครัวแกมีบริษัทไม่ใช่หรอ ถ้าแกสามารถเอาบริษัทแกมาค้ำได้ บางทีฉันอาจจะพนันกับแกต่อก็ได้นะ”
จุฑาธชได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็ตาโต กล่าว “แกคิดอะไรอยู่? คิดไม่ถึงว่าจะให้ฉันเอาบริษัทมาพนัน?”
รพีพงษ์ยักไหล่ กล่าว “ที่แกจะพนันกับฉัน มันยี่สิบล้านเลยนะฉันให้แกเอาบริษัทมาค้ำประกัน ก็ไม่เกินไปป้ะ? แล้วบริษัทจะเอาเงินออกมาก็ยาก ถ้าไม่ได้เห็นแก่การพนันมาทั้งคืน ต่อให้แกเอาบริษัทให้ฉัน ฉันก็อาจจะไม่เอานะ ”
จุฑาธชคิดๆก็จริง ตอนนี้ทรัพย์ในการพนันของพวกเขาคือยี่สิบล้าน เทียบได้กับบริษัทของพวกเขาแล้วจริงๆ
เขากัดฟัน จากนั้นก็กล่าว “ได้ งั้นฉันเอาบริษัทของฉันพนันกับแก แต่มูลค่าในตลาดหลักทรัพย์ของบริษัทมูลค่าสามสิบล้าน ฉันทำได้เพียงเอาหุ้นสองในสามของบริษัทมาพนันเท่านั้น”
รพีพงษ์หัวเราะออกมา ถาม “บริษัทของแก แกตัดสินใจได้มั้ย?”
จุฑาธชดูแคลน แล้วกล่าว “บริษัทของฉันพ่อฉันเป็นคนลงนามแต่เพียงผู้เดียว แต่ฉันรู้ว่าเขาเอาตราประทับของบริษัทวางไว้ที่ไหน และฉันสามารถปลอมลายเซ็นเขาได้ โอนหุ้นนิดหน่อยไม่เป็นไร”
“แต่แกอย่าหวัง ตาต่อไป ฉันจะต้องชนะแกแน่นอน”
รพีพงษ์ไม่สนคำพูดของเขา กล่าว “งั้นแกทำสัญญาขึ้นหนึ่งฉบับ เขียนเรื่องการโอนหุ้นเอาไว้ให้ชัดเจน แล้วเอาสัญญาวางไว้บนโต๊ะ ถ้าแกชนะ เอาสัญญากลับไป คิดเสียว่าไม่เคยเกิดขึ้น แต่ถ้าแพ้ ฉันจะเซ็นชื่อบนสัญญานี้ ถึงตอนนั้นหุ้นสองในสามของบริษัทแก จะเป็นของฉัน แล้วฉันต้องการคนรับรองที่เชี่ยวชาญ แกรับได้มั้ย?”
จุฑาธชพยักหน้า คิดในใจสุดท้ายก็ต้องเป็นเขาที่ชนะ ที่ทำแบบนี้ก็แค่ฉากทำไปงั้นๆ เขาไม่มีทางสูญเสียแต่อย่างใด
เพื่อเงินยี่สิบล้านที่เคยอยู่ในมือ แต่กลับลอยกายไป จุฑาธชไปบริษัททำสัญญาขึ้นมาหนึ่งฉบับ จากนั้นก็หาคนรับรองที่เชี่ยวชาญ ทำรายงานการรับรองหนึ่งฉบับ
เขาหยิบสัญญาและรายงานรับรองมาที่โรงแรมโอเรนจี โยนสัญญาและหนังสือรับรองไว้บนโต๊ะ กล่าว “ตอนนี้มีทรัพย์ในการวางพนันแล้ว เริ่มกันเถอะ”
หลังจากที่รพีพงษ์ได้หยิบสัญญาและรายงานมาดูแล้ว ยิ้มพลางกล่าว “ได้ งั้นพวกเราพนันกันอีกครั้ง”
จุฑาธชเชื่อมั่น ว่าครั้งนี้เขา จะต้องชนะรพีพงษ์อย่างแน่นอน
แล้วเมื่อถึงตอนนั้น ยี่สิบล้านก็จะกลับมาเป็นของเขาอีกครั้ง
ทั้งสองเขย่าลูกเต๋าพร้อมๆกัน จุฑาธชเปิดถ้วยเขย่าลูกเต๋าออกอย่างอดใจรอไม่ไหว มองเข้าไปด้านใน พบว่าเป็นสามสี่อัน ห้าหนึ่งอันหนึ่งห้าอัน
ทำให้เขาเริ่มผวาขึ้นมา จำนวนนี้ถือว่าไม่มากเลย
รพีพงษ์ก็เปิดถ้วยเขย่าลูกเต๋าของตัวเองออกอย่างช้าๆ ทุกคนเห็นอะไรบางอย่างสามหลายอัน จุฑาธชเริ่มโล่งอก คิดในใจแม้ตัวเลขของรพีพงษ์จะเพิ่มขึ้นแต่ไม่แน่ก็อาจจะน้อยกว่าเขา
หลังจากที่รพีพงษ์เปิดถ้วยเขย่าลูกเต๋าออกทั้งหมดแล้ว ทุกคนก็แข็งทื่อ
ด้านในคือสามสี่อัน หกหนึ่งอัน
มากกว่าจุฑาธชแค่นิดเดียว!