พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่1047 จุดจบ
บทที่1047 จุดจบ
หลังจากที่เห็นจำนวนทั้งหมดของรพีพงษ์แล่ว จุฑาธชก็ยืนขึ้นจากโต๊ะ
“แม่งมึง! มึงหลอกกู! มึงจะมากกว่ากูแค่หนึ่งได้ไงกัน?”
ดิษยาก็ไม่คิดว่าตาสุดท้าย รพีพงษ์ก็ยังคงชนะอีก แล้วยังห่างกันแค่หนึ่งก็ชนะจุฑาธชแล้ว
ตอนนี้หน้าตาของเธอคร่ำเครียด ตอนนี้พวกเขาไม่เพียงเอาเงินกลับมาไม่ได้ แม้แต่บริษัทของจุฑาธชก็เข้าไปด้วยแล้ว
เธอได้ยินที่จุฑาธชตะโกน ก็รีบตะโกนตามไปว่า “ใช่ แกใช้เล่ห์กลแน่ๆ ครั้งนี้ไม่นับ เอาใหม่”
รพีพงษ์ได้กลับไปยังลักษณะเดิมของตน มองไปที่ทั้งคู่อย่างดูแคลน เป้าหมายของคืนนี้ได้สำเร็จลุล่วงแล้ว ก็ไม่ต้องแสดงอีกต่อไป
“การพนันที่ไหนมีพนันใหม่ ฉันชนะพวกแกก็ว่าฉันใช้เล่ห์กล ตอนที่พวกแกชนะ ฉันไม่ได้พูดอะไรเลยป้ะ?”
จุฑาธชมองรพีพงษ์อย่างหน้าแดงก่ำ ตอนนี้เขาทำบริษัทของพ่อเขาแพ้พนันแล้ว ถ้าพ่อเขารู้ จะต้องตัดขาเขาทิ้งแน่ๆ ดังนั้นต่อให้จะรู้ว่าตัวเองแพ้ จุฑาธชก็จะไม่ยอมรับ
“มึงตั้งใจ ตอนนี้กูเพิ่งจะรู้ตัว ก่อนหน้านี้ที่มึงให้กูชนะ ก็เพื่อให้พวกกูลงเงินให้มากขึ้นๆเข้าไปอีก จากนั้นก็รอให้ถึงตอนสุดท้ายค่อยพลิกเกม มึงวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ ไม่งั้นที่นี่จะมีคนให้กูยืมเงินได้ไงกัน!” จุฑาธชจ้องไปที่รพีพงษ์อย่างไม่ละสายตา
รพีพงษ์หัวเราะ กล่าว “ต่อให้กูวางแผนไว้แล้วยังไง? พวกมึงสมยอมวางหลักทรัพย์ในการพนันเองนะ ไม่น่าจะมาโกรธกูป้ะ?”
จุฑาธชเห็นรพีพงษ์ยอมรับ ก็เกรี้ยวกราดขึ้นมา แล้วด่า “เย็ดแม กูให้เกียรติมึงเกินไปใช่มั้ย? ตอนนี้มึงรีบคืนเงินของพวกกูมาเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นอย่าหาว่ากูไม่เตือน! ”
รพีพงษ์บึนปาก จากนั้นก็หยิบสัญญาโอนกรรมสิทธิ์และหนังสือรับรอง อีกทั้งบัตรธนาคารทั้งสองใบบนโต๊ะมา จากนั้นก็พูดกับพวกหมาป่าว่า “ช่วยเก็บเงินฉันหน่อย แกเอาไปสามล้าน ที่เหลือช่วยฉันเอาไปบริจาคให้การกุศล ภารกิจวันนี้ของพวกแกสิ้นสุดแล้ว”
“เงินที่พวกมันทั้งสองเป็นหนี้แกสี่ล้าน อย่าลืมล่ะ ทวงให้ตรงเวลาหน่อย”
หมาป่ารีบพยักหน้า ด้วยรอยยิ้ม รีบให้ลูกน้องเก็บเงินที่อยู่บนโต๊ะทั้งหมดโดยเร็ว
แม้เงินสี่ล้านที่เขาให้กู้ไปเป็นเงินจริงๆ แต่รพีพงษ์คืนให้เขาสามล้าน เท่ากับเขาให้กู้แค่หนึ่งล้านเท่านั้น
แล้วเขายังมีเงินสี่ล้านที่จุฑาธชและดิษยาเป็นหนี้เขาอยู่อีกด้วย อนาคตถ้าได้เงินพวกนี้กลับมาแล้ว รพีพงษ์จะไม่เข้ามาเกี่ยวข้อง
แม้ตอนนี้จุฑาธชได้เอาบริษัทเข้าไปใช้พนันด้วย แต่พวกเขาต้องมีบ้านแน่นอน และเขามีสัญญาอยู่ ไม่กลัวว่าจะไม่ได้กลับมา
สรุปคือ เขายังได้กำไรอยู่
จุฑาธชเห็นพวกหมาป่าเริ่มเก็บเงิน ก็ร้อนรนขึ้นมา แล้วตะโกน “มึงฟังไม่เข้าใจใช่มั้ย? กูให้พวกมึงเอาเงินของกูกลับคืนมา! วันนี้ถ้าพวกมึงกล้าเอาไปแม้แต่หยวนเดียว รับรองได้ว่ากูจะไม่ปล่อยพวกมึงไว้แน่!”
รพีพงษ์หัวเราะ กล่าว “หรอ? เชิญ”
จุฑาธชเริ่มคลั่ง คิดไม่ถึงว่าหลังจากที่รพีพงษ์ชนะแล้ว จะหยิ่งยโสได้ขนาดนี้
เขาหันไปมองนักเลงที่เขาจ้างมา แล้วกล่าว “รีบเก็บพวกมันให้กูเดี๋ยวนี้ มึงจัดการพวกมัน เงินพวกนี้ กูให้มึงครึ่งหนึ่ง!”
นักเลงคนนั้นได้ยินคำพูดนี้ ก็ตาลุกวาว จากนั้นมองไปยังพวกรพีพงษ์ กำลังจะลงมือ
ขณะนี้รพีพงษ์เดินไปด้านหน้าของนักเลงคนนั้น กล่าว “เรื่องของพวกกู มึงอย่ายุ่งจะดีกว่า”
พูดจบ เขายกมือขึ้น ไปที่คอของนักเลง เว็บเดียวนักเลงก็สลบไป
ทุกคนไม่เห็นว่ารพีพงษ์ทำอย่างไร ความเร็วของรพีพงษ์มันเร็วมาก
จุฑาธชมองรพีพงษ์อย่างคาดไม่ถึง นักเลงที่เขาจ้างมาต่อกรได้ถึงสิบคนในเวลาเดียวกัน!
ตอนนี้กลับถูกรพีพงษ์จัดการอย่างง่ายดาย
ดิษยาเห็นดังนี้ ก็สิ้นหวัง รู้ว่าวันนี้ต่อให้อยากย้อนกลับไปก็ทำไม่ได้แล้ว
“พวกเราจะทำไง พวกเราเป็นหนี้สี่ล้าน ตอนนี้บริษัทของครอบครัวคุณก็เข้าไปด้วยแล้ว จะเอาอะไรมาใช้หนี้สี่ล้าน?” ดิษยาแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว
จุฑาธชหันไปหาดิษยา แล้วกล่าว “มึงแม่งถามกู แล้วกูจะไปถามใคร?”
“เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะมึง มันจะไม่มีทางเกิดขึ้นแน่! สี่ล้านนั้นมึงคืนเองก็แล้วกัน กูไม่มีเงิน!”
ดิายาเห็นตอนนี้จุฑาธชให้เธอใช้หนี้คนเดียว ก็ตาโต ในสถานการณ์แบบนี้ พวกเขาไม่คิดว่าเป็นแฟนกันแล้ว เพียงแค่คิดว่าจะรักษาตัวให้รอดได้อย่างไร
“สัญญานั่นเราทั้งคู่เป็นผู้เซ็น แกบอกให้ฉันใช้หนี้แล้วฉันต้องใช้หรอ? จะบอกให้นะ มีสัญญาอยู่ แกก็หนีไม่รอด!” ดิษยาก็ไม่เสแสร้งอีกต่อไป หักหน้าของจุฑาธชโดยตรง
จุฑาธชมองดิษยาอย่างเคียดแค้น จากนั้นก็ตบไปที่หน้าของเธอ แล้วด่า “แม่งมึง เพราะมึงอีกะหรี่ บริษัทของพ่อกูก็โดนไปแล้ว ตอนนี้ยังเป็นหนี้อีกสี่ล้าน มึงไอ้ตัวซวย กูนี่มันตาบอดจริงๆ ที่มีแฟนโง่เง่าอย่างมึง!”
“ตอนนี้มึงโกรธกู ตอนอยู่บนเตียงทำไมมึงไม่พูดแบบนี้? ตอนนี้มีปัญหาแล้วมึงไม่สนกูแล้ว มึงก็ไม่ใช่คนดีอะไรนักหรอก!” ดิษยาก็ตะคอกใส่จุฑาธชอย่างไม่เกรงใจแล้วเช่นกัน
หมาป่ามองดูทั้งคู่ทะเลาะกันอยู่ข้างๆ ก็ยิ้มพลางยืนต่อหน้าทั้งสอง แล้วกล่าว “มีอะไรพวกเราคุยกันดีๆ อย่าทะเลาะกัน”
“แม้บริษัทของครอบครัวคุณจะโดนไปด้วย แต่ครอบครัวคุณยังมีบ้านไม่ใช่หรอ? ราคาบ้านของเมืองเมฆาสูงขนาดนี้ เพียงแค่ขายบ้าน ก็หาเงินได้ครบแล้วนะ”
“อีกอย่าง ต่อให้ขายบ้านแล้วยังได้ไม่ครบ พวกคุณยังมีหุ้นหนึ่งในสามของบริษัทอีก ขายหุ้นพวกนี้ ก็น่าจะพอแล้ว”
“ถ้ายังไม่ได้อีก ให้เธอไปขายตัวก็น่าจะได้อยู่นะ เพียงแค่ขยันหน่อย หนึ่งวันรับสักสิบคน น่าจะใช้เวลาไม่นาน ก็คืนเงินได้ครบแล้ว”
พูดพลาง หมาป่าก็จ้องไปที่ดิษยา
ดิษยาหน้าถอดสี ตะคอกใส่หมาป่า “มึงพูดบ้าอะไร!! มึงต่างหากที่ต้องไปขายตัว!”
จุฑาธชที่อยู่ข้างๆได้ยินเข้าก็ตาลุกวาว กล่าว “กูเห็นด้วย กูขายมันให้มึง มึงจะให้มันทำอะไรก็ได้ เพียงแค่อย่าให้กูคืนเงินก็พอ”
ดิษยาไม่คาดคิดเลยจริงๆว่าจุฑาธชจะพูดประโยคนี้ออกมาได้ มองเขาด้วยความแค้น แล้วด่า “มึงไอ้หน้าด้าน เพื่อเงิน มึงกล้าขายกู!”
จุฑาธชดูแคลน กล่าว “งั้นสี่ล้านกูคืนแค่สองล้าน ที่เหลืออีกสองล้านมึงคืน จากระดับเงินเดือนของมึง ยังไงก็ยังต้องไปขายตัวอยู่ดี ดังนั้นทำไมไม่ให้มึงไปขายตัวตั้งแต่แรกล่ะ?”
รพีพงษ์กำลังมองทั้งสองทะเลาะกัน ก็ยิ้มอย่างเยาะเย้ย คิดในใจบางครั้งก็น่าแปลกใจ ไม่ถึงนาทีสุดท้าย ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนไปขนาดไหน
เขามองโศภิตา แล้วกล่าว “เราไปกันเถอะ เราไม่มีธุระอะไรที่นี่แล้ว”