พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่1099 เงาดำ
บนเกาะ??
รพีพงษ์ถึงในห้องใต้ดินของคฤหาสน์หลังนั้นของนนทภู
เขามาตามที่นนทภูบอก มาถึงมุมซ่อนเร้นในห้องใต้ดิน จากนั้นหาปุ่มที่ซ่อนอยู่ที่นี่พบ หลังจากกดปุ่มเพียงครั้งเดียว จู่ๆกำแพงด้านหน้าของเขาก็เคลื่อนตัวอย่างช้าๆ
ต่อจากนั้น รพีพงษ์เห็นประตูบานหนึ่งที่เหมือนราวกับประตูนิรภัยที่มีรหัสของธนาคารปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา บนประตูบานนี้ มีอุปกรณ์เข้ารหัสลับที่ซับซ้อนมาก ต่อให้เป็นหัวขโมยอันดับต้นๆของโลก คงจะไม่มีทางเปิดประตูบานนี้ได้ ประตูบานนี้คือนนทภูสร้างขึ้นเป็นพิเศษเพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นแอบเข้าสู่ใต้พื้นดิน ต้องการจะเปิดประตูบานนี้ จำเป็นต้องมีรหัสผ่านที่ตรงกัน ไม่อย่างนั้นต่อใช้วัตถุระเบิดมาระเบิด ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถระเบิดประตูบานนี้ออกได้
ก่อนหน้าที่จะมาที่นี่ นนทภูได้บอกรหัสผ่านเปิดประตูบานนี้ให้กับรพีพงษ์แล้ว รพีพงษ์เดินไปตรงหน้าประตูบานนั้น ตามที่นนทภูบอก เริ่มถอดรหัสที่อุปกรณ์เข้ารหัสลับบนประตูออกทีละนิด
หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง รพีพงษ์ก็ได้ยินเสียงแกร๊กดังมาจากประตู และจากนั้นก็รู้ว่าประตูบานนั้นก็ถูกเขาเปิดออกมาในที่สุด
“นี่เป็นประตูที่เปิดยากที่สุดที่ฉันเคยเห็นมา ดูเหมือนว่าพ่อเพื่อที่จะไม่ให้คนอื่นเข้าไปข้างในได้อย่างง่ายดาย ต้องใช้ความคิดเป็นอย่างมากจริงๆ”รพีพงษ์พึมพำกับตัวเอง
จากนั้นเขาก็เดินไปที่หลังประตู
ที่นี่มีช่องทางเดินยาวหนึ่งทาง ระยะทางเริ่มแรกสุด นนทภูยังให้คนขุดออกมา ดังนั้นที่นี่ไม่มีอันตรายอะไร ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการเดินเข้าไป รพีพงษ์ถึงค่อยๆรู้สึกว่าสถานการณ์รอบๆเปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนกัน
ที่นี่ไม่ได้ปกติเรียบร้อยมากเหมือนเริ่มแรกที่เพิ่งจะซ่อมแบบนั้น แต่มันกลายเป็นหลุมบ่อและไม่เรียบขึ้นมา และไม่ไกลจากนั้น รพีพงษ์ก็สามารถมองเห็นกระดูกมนุษย์บางส่วนกระจัดกระจายอยู่บนพื้น ดูเหมือนจะเป็นคนเหล่านั้นที่นนทภูส่งมาขุดหลุม
ยิ่งเดินเข้าไปมากเท่าไหร่ กระดูกที่รพีพงษ์สามารถมองเห็นได้ก็มากขึ้น ปีนั้นตอนที่นนทภูขุดช่องทางเดินนี้ หาผู้คนมากมาย ในตอนนั้นพวกเขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าด้านล่างมีไอพิฆาตอยู่ ดังนั้นเมื่อตอนที่ตอบสนองกลับคืนมา ครึ่งหนึ่งของคนเหล่านั้นก็ได้ถูกไอพิฆาตกัดกร่อนไปแล้ว
เมื่อคนเหล่านี้ตระหนักถึงอันตราย ทั้งหมดก็เริ่มวิ่งออกไปด้านนอกอย่างบ้าคลั่ง แต่ในที่สุดก็หนีไม่พ้นจากการกัดกร่อนของไอพิฆาต กลายเป็นคนบ้าคลั่งไปทีละคน เริ่มฆ่ากันเอง และในที่สุดก็กลายเป็นสถานการณ์ที่รพีพงษ์เห็นในตอนนี้
เดินไปทางด้านหน้าไม่นาน รพีพงษ์เริ่มรู้สึกถึงการมีอยู่ของไอพิฆาตทั่วร่างกายของตัวเอง แต่เป็นเพราะประสิทธิผลของจี้หยกชิ้นนั้น ไอพิฆาตทั้งหมดเหล่านั้นก็หลีกเลี่ยงไปจากร่างกายของรพีพงษ์ เหมือนราวกับว่ามีสิ่งกีดขวางที่มองไม่เห็นอยู่รอบๆรพีพงษ์ เพื่อปกป้องกันไม่ให้ไอพิฆาตเหล่านี้กัดกร่อนไปที่บนร่างกายของรพีพงษ์
ในไม่ช้า รพีพงษ์ก็เห็นทางเชื่อมระหว่างหลุมที่นนทภูให้คนขุดกับช่องทางใต้ดิน
เขาเดินตรงเข้าไปในช่องทางนั้น และความรู้สึกที่หนักหน่วงปกคลุมบนร่างกายของรพีพงษ์ เหมือนราวกับว่าช่องทางนี้ มีอยู่บนโลกนี้เป็นเวลาหลายพันปี
ทางเดินนี้ถือได้ไม่กว้างนัก อาจรองรับคนเดินได้สี่ถึงห้าคน รพีพงษ์เดินเข้าไปคนเดียว ยังถือได้ค่อนข้างกว้างขวาง
แต่ไม่ว่าจะมองยังไง ช่องทางนี้ก็เหมือนกับว่าคิดว่าสร้างออกมา กับจากดินแดนลึกลับตามธรรมชาติที่จีรภัทรอธิบายไว้ มีความแตกต่างเป็นอย่างมาก
หรือว่าที่นี่ไม่ใช่ดินแดนลึกลับอะไรเหรอ?
ความสงสัยนี้ปรากฏขึ้นในหัวของรพีพงษ์ ตอนนี้เขาอยู่ในช่องทางนี้แล้ว ต้องการจะรู้ให้ชัดเจนว่าช่องทางนี้ตกลงว่าทะลุไปทางไหนกันแน่ ก็มีเพียงเดินให้ถึงปลายทางแล้ว
เมื่อเดินไปตามช่องทางด้านหน้านี้โดยตลอด รพีพงษ์สามารถรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังอยู่ไกลจากพื้นดินขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญไอพิฆาตในช่องทางนี้ก็ยิ่งเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเป็นไอพิฆาตก่อนหน้านั้นเขายังสามารถอาศัยพลังของตัวเองต้านทานได้ แต่ว่าเมื่อถึงส่วนลึก ความเข้มข้นของไอพิฆาตถึงในระดับหนึ่ง ต่อให้รพีพงษ์จะบรรลุถึงแดนดั่งเทพชั้นยอดก็คงจะไม่สามารถต้านทานการกัดกร่อนของไอพิฆาตเหล่านี้ได้
ที่สำคัญนี่ยังเป็นการคาดเดาหลังจากที่ฝึกฝนพลังวิเศษเสนของรพีพงษ์ ถ้าหากเป็นแดนดั่งเทพชั้นยอดธรรมดามาถึงที่นี่ กลัวว่าใช้เวลาหายไม่กี่อึดใจ ก็จะถูกไอพิฆาตกัดกร่อนจนตาย
ในเวลานี้จู่ๆรพีพงษ์ก็มีความรู้สึกกังวลเล็กน้อยว่าถ้าหากตัวเองไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้หลังจากผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ ธัชธรรมพวกเขาจะเข้ามาตรวจสอบสถานการณ์ของตัวเองได้อย่างไร
จากระดับความเข้มข้นของไอพิฆาตเหล่านี้ ไม่มีจี้หยกที่รพีพงษ์หาเจอชิ้นนั้น ต่อให้จะมีกลยุทธ์มากมาย คงจะไม่มีทางเข้ามาถึงด้านในได้
แต่ในเวลานี้เขาไม่มีทางไปคิดคำนึงถึงปัญหาเหล่านี้ได้ สิ่งที่เขาทำได้ มีเพียงเดินหน้าต่อไป ต้องรู้ให้ชัดเจนว่าที่นี่เป็นสถานที่แบบไหนกันแน่
เกือบจะเข้าสู่ถึงระดับตำแหน่งที่ความสูงหนึ่งพันเมตรในแนวตั้งของพื้นดิน ในที่สุดรพีพงษ์ก็เห็นด้านหน้าเกิดการเปลี่ยนแปลงไม่เหมือนกันเล็กน้อย
เขาเห็นช่องทางด้านหน้าจู่ๆก็กลายเป็นกว้างขวางขึ้นเล็กน้อย ที่สำคัญต่อมาก็เห็นแสงสว่างที่ซ่อนอยู่ปรากฏขึ้น คล้ายกับแสงสิ่งของประเภทไข่มุกราตรีที่ส่องกระจายออกมา
ขณะที่รพีพงษ์กำลังจะเดินไปใกล้ยังสถานที่ที่มีแสงส่องกระจาย เงาดำเงาหนึ่ง จู่ๆก็แวบขึ้นต่อหน้าต่อตาเขา
ประสาททั้งร่างของรพีพงษ์ก็ตึงขึ้นมาในทันที ว่ากันตามเหตุผลสถานที่แบบนี้น่าจะไม่มีคนมีชีวิตอยู่ถึงจะถูก จู่ๆจะมีเงาดำปรากฏออกมาได้อย่างไร?
หรือว่าเหมือนกับสุสานกษัตริย์ฉินที่ตายไปหลายปีแล้ว แต่เป็นเพราะการกัดกร่อนของไอพิฆาต รวมทั้งในใจยังไม่หมดห่วง สุดท้ายมันก็กลายเป็นเหมือนแวมไพร์เหรอ?
รพีพงษ์คนทั้งคนก็กลายเป็นตึงเครียดขึ้นมาทันที เขาปลดปล่อยพลังจิตออกมาทันที ต้องการดูว่าเป็นของอะไรกันแน่ แต่ว่าไอพิฆาตเหล่านี้เข้มข้นเกินไป พลังจิตของเขาก็ยากที่จะเคลื่อนไหวได้
ดังนั้นตอนนี้เขาทำได้พึ่งพาประสาทสัมผัสทั้งห้าของตัวเองมาตัดสินว่าเงาดำเมื่อกี้นี้คือของอะไรกันแน่
เขายังคงเดินไปด้านหน้าต่อไป ในมือก็ปรากฏดาบยาวที่เปล่งกระจายแสงออกมาจางๆ ส่องสว่างไปทั่วทั้งช่องทาง
ในไม่ช้า รพีพงษ์ก็มาถึงพื้นที่โล่ง เขาเห็นตรงหน้าเป็นสถานที่ที่คล้ายกับประเภทห้องโถง มีไข่มุกราตรีจำนวนมากบนรอบๆกำแพง แสงของที่นี่เปล่งกระจายออกมาจากไข่มุกราตรีเหล่านั้น
รพีพงษ์สังเกตเห็นว่าไข่มุกราตรีเหล่านี้เป็นไข่มุกราตรีที่ดีที่สุด หยิบออกมาตามใจชอบหนึ่งเม็ด คงจะสามารถขายออกไปในราคาหลายร้อยล้าน และกำแพงของที่นี่ก็แน่นหนาไปด้วยไข่มุกราตรีแบบนี้
พวกมันเหมือนราวกับดวงตา กะพริบอยู่ตลอด จ้องมองรพีพงษ์ ทำให้ทั้งในห้องโถงเกิดความรู้หวาดกลัว
รพีพงษ์มองไปที่ทางเข้าสักพัก จากนั้นก็ตั้งใจจะเดินเข้าไปในห้องโถง ดูว่าจะค้นพบอะไรมั้ย
ในขณะนี้ เงาดำนั้นก็ปรากฏตัวตรงหน้ารพีพงษ์อีกครั้ง รพีพงษ์ไม่พูดพร่ำทำเพลง ถือดาบในมือ ฟันไปที่ร่างของคนคนนั้น
แกร๊กดังมาหนึ่งเสียง
คนคนนั้นยื่นมือมาจับดาบของรพีพงษ์ไว้ ต่อจากนั้นเขาทำให้พลังที่กลายเป็นดาบนั้นสลายไปทันที
ในเวลานี้เองที่ รพีพงษ์เห็นเงาดำนี้อย่างชัดเจน กลับกลายเป็นคนที่แต่งตัวดี ชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าที่หนักแน่!