พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่1211 สมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่1211 สมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ
“ตัวเอง?”
ทุกคนต่างมองหน้ากัน ด้วยความประหลาดใจมาก
“ใช่ ถึงแม้วันนี้ผมเพิ่งจะมาถึงเมือง แต่ผมรับรู้ได้ ว่ามาตรการการป้องกันของทุกท่านนั้นดีมาก สวมหน้ากากอนามัย ขยันล้างแอลกอฮอล์ เว้นระยะห่างระหว่างกันอย่างชัดเจน ผมว่า นี่เป็นประเด็นหลักที่พวกคุณไม่ติดโรค” รพีพงษ์กล่าว
เมื่อคนที่อยู่ด้านล่างเวทีได้ยินก็พยักหน้าหงึกๆ
“ใช่ นี่เป็นการกำชับของแพทย์เฉพาะทางคุณหมอใหญ่ปุรุเมธของเรา เขาบอกให้พวกเราทำแบบนี้”
“อืม ตามที่กล่าวมานี้ พวกเราก็ควรจะเชื่อฟังคำพูดของแพทย์เฉพาะทาง”
……
“ถ้าเชื่อคำพูดของผู้เชี่ยวชาญ ผมว่า ใช้เวลาไม่นาน โรคระบาดครั้งนี้จะหายไปจากเมือง ทุกคนจะสามารถถอดหน้ากาก หายใจสูดอากาศบริสุทธิ์ได้ตามสบายแล้ว” รพีพงษ์พูดต่อ
“ถูก รพีพงษ์พูดถูก!”
“หมอปุรุเมธสิถึงจะเป็นฮีโร่ของประเทศชาติ พวกเราควรจะเชื่อเขา ไม่ใช่เชื่อนักพรตอะไรนี่!”
……
ผู้คนโกรธจัด มีบางคนพุ่งขึ้นไปโดยตรง ให้ตนัสคืนเงินมา
ตนัสเผชิญหน้ากับผู้คนที่เกรี้ยวกราดด้านล่าง เริ่มหวาดผวาขึ้นมา
สามสิบหกกลยุทธ์ กลยุทธ์หนีนับเป็นสุดยอด ตนัสหันหลังเตรียมหนี
แต่รพีพงษ์ได้เตรียมการไว้นานแล้ว
จิตวิญญาณเทพได้ล้อมรอบยาเม็ดเล็กนี้ไว้นานแล้ว ตนัสเหมือนชนเข้ากับกำแพงแล้วถูกดีดตัวกลับมา
“แกคิดจะหนีงั้นหรือ?”
สายตาทั้งคู่ของรพีพงษ์ราวกับกระบี่ กำลังมองไปที่อีกฝ่าย
ภายใต้การกดดัน ตนัสคาดไม่ถึงว่าจะถูกกดจนเงยหน้าไม่ขึ้น ความสามารถของแดนดั่งเทพขั้นต้นทั้งหมดของตน เมื่ออยู่ต่อหน้ารพีพงษ์ ไม่มีแม้กระทั่งแรงที่จะต้านทานใดๆ
“ฉัน……ฉันคืนเงินให้”
ตนัสพูดพลาง ก็คุกเข่าทั้งสองข้างลงกับพื้น จากนั้นก็หยิบบัตรธนาคารสีทองใบหนึ่งออกมา
การที่มีบัตรสีทองได้นั้น หมายถึงหลายปีมานี้ตนัสได้เงินไปไม่น้อย สันนิษฐานว่าล้วนเป็นทรัพย์สินที่ได้มาอย่างไม่สุจริตทั้งหมด
ยื่นบัตรสีทองให้กับประธานของธนาคารคนเมื่อกี๊ รพีพงษ์ให้เขาจัดการแบ่งเงินให้กับผู้คน
หลังจากนั้น รพีพงษ์สั่งให้ทุกคนแยกย้าย เพราะเป็นสภาวะฉุกเฉิน รวมตัวกันให้น้อยลงจะดีที่สุด
ทุกคนแยกย้าย ที่นี่กลับมาสงบอีกครั้ง
บนพื้น แบนเนอร์ของผู้ที่มีความรู้ในการรักษาคนได้ถูกเหยียบย่ำไปนานแล้ว ตนัสคุกเข่าลงบนพื้น นัยน์ตาของเขามีน้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง
ตอนนี้ รพีพงษ์มีเหตุผลที่จะเชื่อ ว่านี่คือน้ำตาที่ไหลออกมาจากความรู้สึกจริงๆของเขา
“หมดกัน ไม่เหลือ ทรัพย์สินที่สะสมมาเนิ่นนาน หมดไปไม่เหลือเลย”
รพีพงษ์ดูแคลน สำหรับคนที่ขโมยชื่อเสียงแอบอ้างคนอื่น เขาไม่สงสารเลยแม้แต่น้อย
“ต่อให้ยาเม็ดนี้ของฉันทำมาจากน้ำผึ้งและแป้งแล้วไง อย่างน้อยเมื่อคนกินเข้าไป ไม่มีทางเกิดปัญหาได้ ยังไงก็ดีกว่ายาปลอมพวกนั้นมากกว่ามั้ย”
ตนัสพลางพูด พลางยืนขึ้นจากพื้น
“รพีพงษ์ แกคงไม่ใช่มาจากเกียวโตแล้วมาที่นี่ เพื่อเปิดโปงฉันโดยเฉพาะหรอกนะ? ฉันทำผิดอะไรต่อแก?” ตนัสถาม
“เหอะเหอะ มาจากเกียวโตเพื่อเปิดโปงแก? แกสำคัญตัวเองเกินไปแล้ว!”
รพีพงษ์กำลังมองไปยังอีกฝ่าย คิดในใจว่าคนนี้คงไม่เป็นโรคจิตแล้วหรอกนะ
“เห็นฝีมือแกก็ไม่ด้อย แต่กลับทำเรื่องไม่ดีแบบนี้ แกมันเป็นความอัปยศของผู้ฝึกตน” รพีพงษ์พูดออกมาโดยตรง
“ถ้าไม่ใช่เพราะฉันไม่เก่ง แล้วจะเป็นแบบนี้ได้ไง แกคิดว่าฉันอยากทำเหรอ?” ตนัสกล่าว
“เรียนไม่เก่ง?”
รพีพงษ์ได้ยินแล้วประหลาดใจนิดหน่อย “เป็นแดนดั่งเทพแล้วแท้ๆ เพียงพอที่จะมีจุดยืนที่ประเทศจีนได้แล้ว ทำไมแกต้องทำเรื่องแบบนี้?”
“ฝีมือแดนดั่งเทพกับผี!” ตนัสกล่าว
“อะไรนะ?”
รพีพงษ์ตกใจอย่างมาก ตนก็เป็นแดนดั่งเทพชั้นยอด แต่คิดไม่ถึงว่านักพรตคนนี้จะพูดแบบนี้
“ก็มันจริงหนิ เมื่อเทียบกับนักกลั่นยาแล้ว ฝีมือแดนดั่งเทพแล้วไง” ตนัสพูดต่อ
“นักกลั่นยา?”
รพีพงษ์ขมวดคิ้วเบาๆ จากคำพูดของธีรพัฒน์ก่อนหน้านี้ เขาพอจะรู้เกี่ยวกับนักกลั่นยาอยู่บ้าง
“เท่าที่ฉันรู้ ประเทศในตอนนี้ สำนักเทพยาเซียนกลั่นยาได้อย่างไร้เทียมทาน ตามที่กล่าวมานี้ พวกเขาเก่งกว่าผู้แข็งแกร่งแดนดั่งเทพอีกเหรอ?” รพีพงษ์ถาม
“สำนักเทพยาเซียน? เหอะเหอะ คนที่อยู่ที่นั่นก็เป็นแค่นักกลั่นยาระดับต่ำที่สุดเท่านั้นเอง นักกลั่นยาตัวจริง อยู่ที่สมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ”
“สมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ?” เป็นครั้งแรกที่รพีพงษ์ได้ยินชื่อนี้
“ใช่ เพียงแค่นักเล่นแร่แปรธาตุที่ออกมาจากสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ ทุกๆคนจะเก่งกว่าเจ้าสำนักเทพยาเซียนมาก” ตนัสกล่าว
“แกสงสัยว่าฉันกำลังขี้โม้!” รพีพงษ์กล่าวอย่างเหยียดหยาม “ในเมื่อคนของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุเก่งกาจขนาดนั้น ทำไมพวกเขาถึงเป็นเจ้าสำนักเทพยาเซียนไม่ได้ละ?”
“แกพูดว่าอะไรนะ? พวกเขาเป็นเจ้าสำนักไม่ได้?”
ตนัสหัวเราะ “เป็นเพราะพวกเขาดูหมิ่นต่างหาก”
“ดูหมิ่น?”
“ใช่!” ตนัสพยักหน้า “คนที่อยู่ในสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ การทำยาขึ้นมาหนึ่งเม็ดล้วนเป็นยาวิเศษที่ผู้บำเพ็ญต้องแย่งชิงกันอย่างไม่ถูกต้อง แป๊บๆก็มีรายได้เข้ามาหลายล้าน แล้วทำไมต้องขังตัวเองไว้ในสำนัก น่าเบื่อจะแย่!”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ เหมือนตนัสจะสนุกขึ้นมา “เอาฉันเป็นตัวอย่างก็แล้วกัน แม้ฉันจะเรียนไม่ได้เรื่อง ถูกไล่ออกมาจากสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ แต่ ต่อให้ฉันเป็นเจ้าสำนักเทพยาเซียนฉันก็ไม่เอา ฉันยอมทำธุรกิจเล็กๆ หาเงินนิดๆหน่อยๆ ใช้ชีวิต อิสระขนาดไหน”
“แกเอาสิ่งที่แกทำมาทำเป็นธุรกิจ?” รพีพงษ์พูดอย่างเกรี้ยวกราด เดินไปข้างหน้า จับคอเสื้อของเขาไว้
“เอิ่ม……พูดผิด พูดผิด”
ตนัสกล่าวอย่างผวา “แต่ฉันพูดจริงๆ เพียงแค่คนที่สมาคมการเล่นแร่แปรธาตุฝึกฝนออกมา ล้วนเป็นคนที่มีพรสวรรค์ด้านกลั่นยาระดับสูงทั้งนั้น รพีพงษ์ ฉันไม่ได้ขี้โม้นะ แม้แกจะมีพรสวรรค์ในการบำเพ็ญเป็นอันดับหนึ่งของโลก แต่เรื่องการกลั่นยา แกสู้ฉันนักพรตคนนี้ไม่ได้หรอก”
พูดถึงจุดนี้ เขาก็ดูสะใจขึ้นมานิดนึง
สมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ!
รพีพงษ์ครุ่นคิดในใจ ถ้ามีเวลา ตนก็อยากเรียนรู้ดู
แต่ตอนนี้……
รพีพงษ์ลงมือทันใด มือหนึ่งจับคางของตนัสไว้ อีกมือเอายาเม็ดกู้เปิ่นก่อนหน้านี้ใส่เข้าไปในปากของอีกฝ่าย
“แกจะทำอะไร……” ตนัสกล่าว
“ยาที่แกทำ ให้แกกินลงไป ถือว่าเป็นการลงโทษแก!” รพีพงษ์กล่าวอย่างสงบ
‘ลงโทษ?“ ตนัสหัวเราะ “เป็นไปได้ไง แต่นี่ทำจากน้ำผึ้งและแป้ง กินลงไปจะเป็นอะไร……”
ทันใดนั้น ตนัสรู้สึกได้ถึงพลังอุ่นๆที่ไหลเวียนในร่างกาย จากนั้นก็ไปที่ท้องน้อย
จู่ๆในท้องน้อย ก็เจ้บปวดจนยากจะทนไหว
“โอ้ย……รพีพงษ์ แก……แกทำอะไร?” ตนัสจับท้องแล้วกล่าวอย่างเจ็บปวด
รพีพงษ์ยิ้มเล็กยิ้มน้อย “ไม่มีอะไร เพียงแค่ใส่พลังจิตนิดๆหน่อยๆลงไปในยาของแก เดือนนี้ เกรงว่าแกจะต้องใช้ชีวิตอยู่ในห้องน้ำแล้วละ”
“แก……แก……ฉันไม่พูดกับแกแล้ว อั้นไม่ไหวละ!”
พูดพลาง นักพรตก็อดทนกับความเจ็บปวด รีบหนีไปจากที่เกิดเหตุอย่างเร็ว หามุมที่ไม่มีคนแล้วจัดการ
ท้องร่วงทั้งเดือน ถือว่าเป็นการลงโทษตนัสหนักมาก ถ้าเปลี่ยนเป็นคนธรรมดาทั่วไป จะต้องรับไม่ไหวแน่นอน แต่สำหรับยอดฝีมือแดนดั่งเทพ ตนัสยังพอประทังชีวิตไปได้
ท้องฟ้าเริ่มมืดลง บนถนนไร้ซึ่งผู้คน
รพีพงษ์เดินไปยังรถที่จอดอยู่ข้างถนน
ถ้าโรงแรมไม้คู่ปิดกิจการละก็ เกรงว่าคืนนี้ตนต้องนอนในรถแล้วละ
ตอนที่รพีพงษ์กำลังเตรียมที่จะเปิดประตูอยู่นั้น จู่ๆเขาก็รู้สึกได้ว่ามีคนกำลังเดินทางที่ตนจากด้านหลัง
เมื่อหันหลังกลับไปมอง เป็นผู้ชายที่สวมชุดสูทสีดำมาอยู่ด้านหน้ารพีพงษ์
“คุณคือใคร?” รพีพงษ์มองชายแปลกหน้าคนนี้แล้วถาม
“สวัสดีคุณรพี!”
ผู้ชายพยักหน้าอย่างเคารพแล้วกล่าว “คุณหนูของเรารออยู่นานแล้ว เชิญคุณไปรำลึกความหลัง”