พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่1409 เดินทางไปยังคุกน้ำใต้ดิน
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่1409 เดินทางไปยังคุกน้ำใต้ดิน
“ไอ้เชี่ย ที่นี่ก็คือทวีปโอชวิน!”
เสียงของธมกรดังขึ้นมาจากข้างหูของเขา
รพีพงษ์ลืมตาขึ้นมา และพบว่าสหายของตัวเองแต่ละคนมาถึงที่นี่ทั้งหมดอย่างปลอดภัย
“ทวีปโอชวินนี้น่าอัศจรรย์จริงๆ เชี่ย คาดคิดไม่ถึงเลยว่าก้อนเมฆจะลอยอยู่บนพื้น” ธมกรกล่าวด้วยความประหลาดใจ
“นี่มันไม่ใช่ก้อนเมฆบนฟ้า แต่มันคือพลังทิพย์” ธีรพัฒน์พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“พลังทิพย์งั้นเหรอ?” ธมกรประหลาดใจอย่างมาก
พวกหงส์ขยับใกล้เข้ามา: “ท่านผู้อาวุโสธีรพัฒน์ เหล่านี้เป็นพลังทิพย์ที่ถูกปล้นมาจากโลกของพวกข้าเหรอ?”
ธีรพัฒน์พยักหน้า
หลังจากผู้คนในกลุ่มสิงโตได้ยินเช่นนี้แล้ว ทุกคนในกลุ่มสิงโตต่างก็ดูเคร่งขรึม เพราะพวกเขาเพียงแค่ก้าวเข้าไปในทวีปโอชวินที่ล้อมรอบด้วยพลังทิพย์อยู่แค่ครู่หนึ่ง จากนั้นพวกเขาก็รู้สึกผ่อนคลายเป็นสุขไปทั้งตัว หูและตามีความชาญฉลาด
คิดๆดูแล้ว นี่มันคือพลังทิพย์นำประโยชน์มาสู่ตัวเอง และอย่างที่ทุกคนรู้กัน เดิมทีพลังทิพย์เหล่านี้ควรเป็นของโลก!
ดังนั้น พวกเขาจึงรู้สึกรังเกียจเล็กน้อยกับสิ่งที่ทวีปโอชวินทำ
รพีพงษ์ใช้จิตเรียกญาณิดาในหัว แต่กลับพบว่า ไม่รับรู้สึกถึงลมหายใจของฝ่ายตรงข้ามอีกต่อไป
นัยน์ตาของเขาเคร่งขรึมขึ้น และตอนนี้ ตัวเองก็ได้มาถึงทวีปโอชวินแล้ว ถ้าอย่างนั้นเรื่องต่อไปก็ควรที่จะปล่อยให้ตัวเองทำมันให้เสร็จ
“ทุกคน มารวมตัวกันให้เร็วที่สุด!”
รพีพงษ์ตะโกนอย่างเคร่งขรึม
หลังจากที่คนเหล่านี้มาถึงทวีปโอชวินแล้ว และพวกเขาต่างก็สงสัยกันอย่างมากเกี่ยวกับความอัศจรรย์แห่งทวีปโอชวิน แต่ในใจของรพีพงษ์รู้ดี ว่าวันนี้ไม่ได้มาที่นี่เพื่อสำรวจการผจญภัย แต่คือมีเรื่องสำคัญอย่างมากที่ต้องทำ
ยิ่งกว่านั้น ที่นี่คือทวีปโอชวิน และฝ่ายตัวเองในฐานะศัตรูของทวีปโอชวิน ก็ยิ่งรู้สึกสะท้านขวัญทุกย่างก้าว และลำบากใจอย่างมาก
เมื่อเห็นทุกคนมารวมตัวครบแล้ว รพีพงษ์ก็พูดกับนีย์ว่า: “นีย์ รบกวนเจ้าด้วยนะ เจ้าคุ้นเคยกับทวีปโอชวินมากที่สุด ดังนั้นจึงต้องรบกวนเจ้าช่วยนำทางให้ที”
นีย์พยักหน้า เมื่อทุกคนเห็นว่ารพีพงษ์พูดเช่นนี้แล้ว บวกกับความจริงที่ว่าไม่มีใครรู้จักทวีปโอชวินได้ดีกว่านีย์ ดังนั้นจึงไม่มีคนทักท้วง
“ที่นี่คือตำแหน่งทางเข้าของทวีปโอชวิน เมื่อก่อนพ่อของ……นั้นก็คือตอนที่จิรกิตติ์เป็นปรมาจารย์แห่ง ซึ่งจะสั่งให้คนมาคอยเฝ้าอยู่ที่นี่ทุกวัน แต่วันนี้ที่นี่กลับไม่มีใครอยู่เลย มันแปลกจริงๆ”
นีย์ครุ่นคิดและพูด
“มันแปลกตรงไหน”
ธมกรเดินออกมาและพูด: “มันเป็นเพราะการต่อสู้ครั้งก่อน จิรกิตติ์ไอ้แก่ตายยากนี้กับคนของทวีปโอชวินทั้งหมดได้เสียชีวิตในมือของพวกข้า และตอนนี้ทวีปโอชวินมีกำลังคนไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงไม่สามารถส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ได้”
เมื่อได้ยินธมกรกล่าวว่าจิรกิตติ์เป็นไอ่แก่ตายยาก แม้ว่านีย์จะไม่พูดอะไร แต่เมื่อฟังแล้วก็ยังคงรู้สึกไม่สบายใจอยู่เล็กน้อย
รพีพงษ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย: “ธมกร เจ้าหุบปากและหยุดพูดได้แล้ว”
ทันใดนั้น เขาก็เดินเข้าไปด้านข้างของนีย์และพูดว่า: “ไอ้หมอนี่ก็พูดได้มีเหตุมีผลอยู่บ้าง การต่อสู้ในวันนั้น ปรมาจารย์ของทวีปโอชวินทั้งหมดได้ถูกทำลาย ฉะนั้นไม่น่าจะมีคนให้ส่งออกมาค่อยเฝ้าอยู่ที่นี่แล้วแหละ”
นีย์หยักหน้าเล็กน้อย: “นักฝึกตนของทวีปโอชวินเยอะไม่เท่าครั้งที่แล้วที่พวกเขาสู้รบไปยังเทือกเขาคุนหลุนใหญ่ และอีกอย่าง พวกเขาคาดคิดไม่ถึงอย่างแน่นอนว่า พวกข้าจะผ่านการทะลุมิติมาถึงที่นี่ ดังนั้น ถ้าหากต้องการจะส่งกำลังคนมาคอยเฝ้าอยู่ที่นี่ ซึ่งมันก็ยังคงทำได้”
รพีพงษ์แสดงความเข้าใจ เขาปล่อยให้พลังจิตวิญญาณแผ่ซ่านอยู่ครู่หนึ่ง และพบว่า นอกจากสภาพแวดล้อมโดยรอบๆที่เต็มไปด้วยพลังทิพย์แล้ว และอีกทั้งยังยังคงเงียบสงบอย่างผิดปกติ ซึ่งไม่พบลมหายใจอื่นเลย
“วันนี้ที่นี่ เงียบกริบจนน่ากลัวเล็กน้อย” นีย์กล่าว
“อย่างไรก็ตาม นีย์ พวกข้าสำรวจดูกันก่อนว่าสมาชิกในครอบครัวของเมฆและชาคริตยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ช่วยชีวิตพวกเขาไว้ก่อน แล้วจากนั้นค่อยไปหาฉันท์ชนกล้างแค้น!” รพีพงษ์กล่าว
เมฆและชาคริตรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก อันที่จริง ตั้งแต่วินาทีแรกที่พวกเขากลับไปยังทวีปโอชวินอีกครั้ง ก็คิดในใจอยู่แล้วว่าต้องการที่จะไปช่วยชีวิตครอบครัวของตัวเอง
แต่เนื่องจากติดอยู่ที่ตัวตนของพวกเขาเอง พวกเขาจึงยังไม่ได้ พูดสิ่งที่ตัวเองคิดอยู่ในใจ แต่คาดคิดไม่ถึงเลยว่า รพีพงษ์ยังจะจำเรื่องนี้ได้ และยังเอาเรื่องนี้ไว้ที่หนึ่ง
นีย์หยักหน้าเล็กน้อย ดวงตาที่งดงามมองไปข้างหน้า: “บางที พวกข้าเพียงแค่ไปที่ที่หนึ่งเพื่อสำรวจดูก็คงจะเพียงพอแล้ว”
ชาคริตมองไปที่นีย์และพูดว่า: “องค์หญิงน้อย ที่ท่านกำลังพูดถึงนั้นคือ……คุกน้ำใต้ดิน?”
นีย์พยักหน้าเล็กน้อย: “ถูกต้อง ที่เดียวที่ทวีปโอชวินกักขังคนนั้นก็คือคุกน้ำใต้ดิน ถ้าหากว่าในคุกน้ำใต้ดินไม่มีสมาชิกในครอบครัวของพวกเจ้า ถ้าอย่างนั้นเกรงว่าคงจะ……”
คำพูดต่อจากนั้นนีย์ไม่ได้พูด แต่ทุกคนก็เข้าใจความหมายของประโยคนั้น
ถ้าหากว่าในคุกน้ำใต้ดินไม่มี ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่ต้องพูดแล้วแหละว่า สมาชิกในครอบครัวของเมฆและชาคริตคงถูกฉันท์ชนกฆ่าทิ้งแล้วอย่างแน่นอน
“ได้ พวกข้าไปที่คุกน้ำใต้ดินกัน” รพีพงษ์กล่าว
“เดินตามข้าน้อยมา”
นีย์กล่าว จากนั้นนาง ชาคริตและเมฆทั้งสามคนนำทางเดินไปข้างหน้า
พวกรพีพงษ์เดินตามอย่างใกล้ชิด
เมื่อกลับมายังทวีปโอชวินอีกครั้ง ฉากที่คุ้นเคยที่นี่ทำให้ในใจของนีย์และพวกเขามีความรู้สึกประเดประดังเข้ามาพร้อมกันหมด
แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พวกเขาไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น ในขณะนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเพื่อดูว่าสมาชิกในครอบครัวของชาคริตและเมฆยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
“ทุกคนระวังด้วยนะ ในขณะนี้พวกข้าได้เข้ามาถึงใจกลางของทวีปโอชวินแล้ว”
นีย์กล่าว
รพีพงษ์ดละคนอื่นๆขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้ดี ถ้าหากตราบใดที่เข้าไปถึงใจกลางของทวีปโอชวินแล้ว งั้นก็แสดงว่า อาจจะได้รับการรอบโจมตีของคนในทวีปโอชวินได้ทุกเมื่อ
“ทุกคนระวังตัวด้วย ท่านธัชธรรม พวกข้าสองคนเดินนำหน้าสุด และท่านผู้อาวุโสธีรพัฒน์คอยตามอยู่ด้านหลัง” รพีพงษ์จัดเตรียมการอย่างเร่งรีบ
ปรมาจารย์แห่งแดนเทพทั้งสองรบนำหน้า และแดนเทพขั้นสูงสุดอีกหนึ่งท่านคอยตามอยู่ด้านหลัง หากคนเหล่านี้ในทวีปโอชวินต้องการลอบโจมตี ก็คงต้องพิจารณาไตร่ตรองให้ดี
นีย์ ชาคริตและคนอื่นๆก็รู้สึกตื่นเต้น เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าสิ่งที่รอคอยพวกเขานั้นคืออะไร
ทันใดนั้น ที่ไม่ไกลมากนัก มีเงาร่างคนโผล่ออกมาสองคน
หลังจากที่พวกเขาเห็นนีย์และชาคริต ตกตะลึงจนกรามจะตกลงไปที่พื้นแล้ว
“องค์……องค์หญิงน้อย พวกท่าน……พวกท่านมาที่นี้ได้อย่างไร?”
คนหนึ่งในนั้นพูดด้วยความประหลาดใจ
นีย์จำได้ทันที ว่าสองคนนี้เป็นพิทักษ์รักษาในพระราชวัง
“บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ สมาชิกในครอบครัวของข้าอยู่ที่ไหน?” ชาคริตถามด้วยความเสียงดัง
ทั้งสองคนนี้ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันหลังหนีกลับไปโดยตรง
“แย่แล้ว!”
ในใจของรพีพงษ์ตะลึง ไม่จำเป็นต้องพูดก็รู้ ว่าสองคนนี้ต้องกลับไปแจ้งรายข่าวอย่างแน่นอน
“ปล่อยพวเขาไปไม่ได้!”
หลังจากรพีพงษ์ตัดสินใจ จิตวิญญาณเทพที่แข็งแกร่งแผ่ซ่านออกมาอย่างรวดเร็ว และไปจู่โจมสองคนนั้นโดยตรง
ทั้งสองคนนั้นหลบหนีไม่ทัน และในขณะเดียวกันพวกเขาก็หันกลับมาแล้วแผ่ซ่านพลังจิตวิญญาณของตัวเองออกมา
เสียงบูมดังขึ้น พลังจิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์ทุบทำลายพลังจิตวิญญาณของสองคนนั้นโดยตรง และในขณะเดียวกัน ก็พุ่งโจมตีไปที่ร่างกายของทั้งสองคนนี้โดยตรง
ทันใดนั้นทั้งสองคนก็เลือดพุ่งออกมาเต็มปาก และล้มลงไปบนพื้นโดยตรง
นีย์ ชาคริตและคนอื่นๆรีบเดินมาที่ข้างตัวทั้งสองคน พวกเขานั่งยองๆและใช้มือลองไปแตกที่จมูกทั้งสองคนเพื่อดูว่ายังมีลมหายใจอยู่หรือเปล่า จากนั้นก็มองไปที่รพีพงษ์แล้วส่ายหัว
ทีเดียวฆ่าสองคน รพีพงษ์ไม่รู้สึกว่ามันไม่มีอะไรให้น่าเย่อหยิ่ง แต่สิ่งนี้ทำให้ทุกคนมีความมั่นใจมากขึ้นอย่างมาก
พิจารณาจากนักฝึกตนสิงคนนี้แล้ว มากที่สุดก็เป็นเพียงแค่แดนปรมาจารย์ ดูๆแล้ว สิ่งที่ฝ่ายตัวเองคิดนี่น่าจะถูกต้องโดยสมบูรณ์ หลังจากผ่านการต่อสู้ครั้งก่อน ความแข็งแกร่งของทวีปโอชวินได้หมดลง ดังนั้นตอนนี้พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฝ่ายตัวเอง!
“ครั้งนี้ พวกข้าต้องชนะครั้งใหญ่กลับไปอย่างแน่นอน พอถึงเวลานั้นพวกเจ้าอย่ามาแย่งกับข้าละกัน ชีวิตของฉันท์ชนก เดี๋ยวข้าจะจัดการเอง”
ธมกรพูดอย่างโอ้อวดอย่างไม่รู้สึกกระดากอาย และเขาไม่ได้เอาคนของทวีปโอชวินในทุกวันนี้ไว้ในสายตาเลย
“แดนเทพของฉันท์ชนกถึงระดับขั้นกลางแล้ว เจ้าคิดว่า เจ้าสามารถกำจัดชีวิตนางได้หรือ?” นีย์พูดอย่างเย็นชา
“หา? แดนเทพขั้นกลาง? ถ้า ถ้าอย่างนั้นก็ช่างเถอะ”
ธมกรพูดอย่างโกรธเคือง
“รพีพงษ์ พวกข้ารีบไปที่คุกน้ำใต้ดินเถอะ ข้าน้อยกลัวว่าระหว่างทางจะพบเจอกับคนในทวีปโอชวินมากกว่านี้ ถ้าหากว่าฉันท์ชนกรู้ว่าพวกข้ามาถึงที่นี่ และถ้าหากนางได้มีการเตรียมพร้อมไว้แล้ว จุดประสงค์ในการจู่โจมกะทันหันของพวกข้าในครั้งนี้ก็ไร้ความหมาย” นีย์กล่าว
รพีพงษ์พยักหน้าเห็นด้วย
ครั้งนี้ กำลังคนที่เขาพามานั้นเหมือนกับทวีปโอชวินในก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นนักฝึกตนที่แข็งแกร่งที่สุดในตอนนั้น และความแข็งแกร่งของทุกคนนั้นถึงระดับแดนดั่งเทพแล้ว!
และสิ่งที่รพีพงษ์ต้องการจะทำ ไม่ใช่เพียงแค่ทำลายทวีปโอชวินให้สูญสิ้นไป และฆ่าฉีนท์ชนกทิ้ง แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ ทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อรักษาความปลอดภัยของทุกคน
ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือพิชิตด้วยกลเม็ดอันแยบยล และก่อนที่ฉันท์ชนกรู้ตัว ก็ฆ่านางทิ้งโดยให้นางรับมือไม่ทัน
“ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกข้ารีบไปที่คุกน้ำใต้ดินกันเถอะ”
รพีพงษ์กล่าว
จากนั้นทุกคนก็เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
โชคดีที่ ระหว่างทางนั้นไม่พบเจอคนในทวีปโอชวินอีกเลย
แม้ว่าในใจของนีย์จะรู้สึกงงงวยมาก แต่นางก็ไม่ได้ครุ่นคิดอะไรมากเกินไป
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง รพีพงษ์และคนอื่นๆยืนอยู่หน้าอาคารสีเทา และมีตัวอักษรขนาดใหญ่เขียนอยู่บนนั้นว่า คุกน้ำใต้ดิน!
“องค์หญิงน้อย พวกข้าเข้าไปกันเถอะ”
ชาคริตและเมฆพูด พวกเขาต้องการรู้ความเป็นควายตายของสมาชิกในครอบครัวของตัวเองอย่างมาก