พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่1444 ฟ้าลิขิต
“หนังสือ? นี่เจ้ากำลังพูดถึงวิชาลับเหรอ?” นีย์พูดอย่างเย็นชา: “เจ้าไม่รู้หรือว่าวิชาลับอาจจะแว้งกัดนักฝึกวิชาได้? คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้ายังอยากเอาวิชาลับเหล่านี้ให้รพีพงษ์?”
“แว้งกัด? เฮอ สาวน้อย นั้นเป็นเพราะว่าผลการฝึกตนของพวกเจ้าไม่เพียงพอมันถึงเป็นเช่นนั้น แต่ทว่า คุณชายรพีนั้นเป็นคนรู้ใจของข้าน้อยนะ ข้าน้อยจะทำร้ายเขาได้อย่างไร?”
ญาณิดาพูดพลางมองไปที่รพีพงษ์: “ข้าน้อยอยู่ที่นี่มานับพันปีแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างในที่นี่ต่อให้ข้าน้อยหลับตาก็สามารถที่จะจำทุกอย่างได้ คุณชายรพี รบกวนเจ้าไปยืนอยู่ด้านหลังพระพุทธรูป”
รพีพงษ์พยักหน้า และค่อยๆเดินไปด้านหลังพระพุทธรูปองค์นี้
“เจ้าเห็นอะไรหรือเปล่า?” นีย์ถาม
รพีพงษ์แหงนมองขึ้นไป และพูดด้วยความนิ่งเฉย: “พระพุทธรูปสูงเกินไป แต่ข้าสามารถเห็นเพียงแค่กลับดอกบัวที่พระพุทธเจ้านั่งเท่านั้น”
“อืม” ญาณิดาพยักหน้า: “มีของที่มีประโยชน์ต่อเจ้าซึ่งซ่อนอยู่ตรงกลางของกลีบดอกด้านหลัง เจ้าลองหามันให้เจอสิ”
รพีพงษ์พยักหน้า และไม่นาน เขาก็เห็นตำแหน่งใจกลางของกลีบดอกบัว
เมื่อชำเลืองมอง กลีบดอกสีทองนี้กับกลีบดอกอื่นๆไม่มีความผิดปกติใดๆเลย
“ขออนุญาตครับ”
รพีพงษ์พูดพร้อมกับคารวะด้วยความเคารพ จากนั้นก็ยื่นมือออกมาเพื่อที่จะเปิดกลีบดอกนี้
แต่กลีบดอกนี้ถูกปิดแนบสนิท ซึ่งไม่สามารถเปิดได้เลย
“เจ้าแน่ใจเหรอ ว่าหนังสือสองเล่มนั้นอยู่ในนี้?” รพีพงษ์ถาม
“แน่ใจและแม้กระทั่งมั่นใจ เจ้าสามารถลองใช้พลังจิตวิญญาณดู” ญาณิดากล่าว
“ในเมื่อเจ้าแข็งแกร่งมากนั้นแล้ว ทำไมเจ้าจึงถึงไม่ช่วยเขาล่ะ!” นีย์ถามด้วยความกังวล
“พระพุทธรูปองค์นี้เป็นเทพเจ้าแห่งเทวโลกของพวกข้า ข้าน้อยในฐานะคนของเทวโลก ไม่สามารถทำพฤติกรรมในการดูหมิ่นใดๆต่อเทพเจ้าได้ และอีกอย่าง หนังสือวิชาลับสองเล่มที่ข้าน้อยมอบให้คุณชายรพี ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาอย่างพิถีพิถันเพื่อเขา แต่สามารถนำมาได้ไหม นั้นก็ขึ้นอยู่ที่เขาแล้วแหละ!” ญาณิดากล่าว
รพีพงษ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย และพลังจิตวิญญาณในมือค่อยๆควบแน่นเข้าด้วยกัน
นิ้วทั้งสิบนิ้วของเขาราวกับคีมเหล็ก กำลังงัดแงะอยู่บนกลีบดอก
เปิด!
รพีพงษ์ตะโกน พลังเทพและพลังจิตวิญญาณเร่ร่อนอยู่รอบตัวเขาอย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งเส้นเลือดของทั้งตัวเขาจะแตกออก!
ทันทีหลังจากนั้น มีแสงสีทองฉายแวววาว ซึ่งพลังจิตวิญญาณของรพีพงษ์จะแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกตนทั่วไปอย่างมาก และในขณะนี้ก็ได้ถึงขั้นที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว!
ทันทีหลังจากนั้น แสงสีทองส่องสว่างไปทั่ววิหาร!
สำหรับกลีบดอกบัวที่ปิดแนบสนิทนี้ ซึ่งถูกรพีพงษ์งัดแงะออกเป็นช่องเล็กๆโดยตรง ทันทีหลังจากนั้น ช่องเล็กๆนี้ใหญ่ขยายขึ้นเรื่อยๆ
รพีพงษ์ใช้พละกำลังอย่างเต็มที่ และสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นยกกลีบดอกบัวนี้ออกโดยตรง!
“คาดคิดไม่ถึงเลยว่า พลังจิตวิญญาณของคุณชายรพีจะบริสุทธิ์ขนาดนี้ พรสวรรค์เช่นนี้ ถ้าหากถูกนำพาที่เทวโลกละก็ ถ้าอย่างนั้นก็คง……”
ญาณิดาถอนหายใจ แต่นีย์กลับยิ่งกังวลเกี่ยวกับใต้กลีบดอกบัวนั้น มีหนังสือวิชาลับสองเล่มที่ญาณิดาพูดหรือเปล่า!”
“รพีพงษ์ เจ้าหาเจอหรือยัง?” นีย์ถาม
“ในนี้มีหนังสือจริงๆด้วย”
รพีพงษ์เอื้อมมือพร้อมกับหยิบหนังสือออกมาเล่มหนึ่ง
“แต่แปลก มันมีเพียงแค่เล่มเดียวเท่านั้น” รพีพงษ์กล่าว
“เป็นไปได้อย่างไร!”
เมื่อได้ยินรพีพงษ์พูดเช่นนี้ ช่วงระหว่างหายใจญาณิดาก็ได้ปรากฏตัวอยู่ด้านข้างรพีพงษ์
นางจ้องมองไป แน่นอนว่า ในมือของรพีพงษ์มีหนังสือวิชาลับเพียงแค่เล่มเดียว
“เป็นไปไม่ได้ ทั้งๆที่มีหนังสือสองเล่มอยู่ในนี้ แต่ทำไมเหลือเพียงแค่เล่มเดียวแล้วล่ะ?” ญาณิดาพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
“เจ้าจำผิดหรือเปล่า? หรือว่า เป็นเพราะเห็นแก่เล่น จึงได้ทำหนังสือหนึ่งในนี้หายไปเล่มหนึ่ง?” รพีพงษ์ถาม
“เป็นไปไม่ได้นะ ข้าน้อยได้สิงอยู่ในหินลั่วหงนะ ถ้าหากเป็นเช่นนี้ จะเห็นแก่เล่นได้ยังไงกันละ?” ญาณิดากล่าว
จากนั้น นางมองดูวิชาลับที่อยู่ในมือของรพีพงษ์: “โธ่เอ๊ย ช่างเถอะ มันก็ไม่ได้เป็นวิชาลับยอดเยี่ยมอะไร เพียงแต่เมื่อเทียบกับวิชาลับอื่นๆในวิหารแล้ว จะเลิศล้ำกว่าเยอะ
ขณะที่พูด ญาณิดาก็ยิ้มเล็กน้อย: “อย่างน้อย วิชาลับที่อยู่ในมือของเจ้าตอนนี้ ข้าน้อยเชื่อว่านี่เป็นเล่มที่เจ้าอยากได้มากที่สุด”
“หา? ใช่เหรอ?” รพีพงษ์มองไปที่ญาณิดาด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็มองไปที่ปกในของหนังสือวิชาลับนี้
“คัมภีร์หยินหยาง? นี้หนังสือวิชาลับประมาณไหน แล้วเจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่าเป็นหนังสือเล่มที่ข้าอยากได้มากที่สุด?”
ญาณิดาหัวเราะและพูดว่า: “มันง่ายมาก เพราะว่าคัมภีร์หยินหยางเล่มนี้พอเห็นชื่อก็จะทราบถึงความหมายแฝง ซึ่งมันเหมาะสมกับชายหนึ่งหญิงหนึ่งเข้าสู่ในการฝึกคู่ นี่เป็นสิ่งที่คุณชายรพีใฝ่ฝันมานานไม่ใช่เหรอ?”
“ฝึกคู่?”
ทันใดนั้นแสงสว่างวาบในในดวงตาของรพีพงษ์: “ถ้าอย่างนั้นก็สามารถพานางอารียาเข้าฝึกตนด้วยกันได้ละสิ?”
“ถูกต้อง ได้แน่นอน” ญาณิดาพูดด้วยรอยยิ้ม: “แม้ว่าคัมภีร์หยินหยางเล่มนี้จะไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ข้าน้อยกล้าพูดเลยว่า ไม่มีหนังสือวิชาลับเล่มไหนในบนโลกที่เหมาะสมกว่ามันในการฝึกคู่แล้ว คุณชายรพี เจ้าก็ใช้ๆไปก่อนเถอะ”
“ขอบคุณอย่างมาก”
รพีพงษ์คารวะ ความรู้สึกดีใจมากจนไม่สามารถบรรยายได้ และแววตาของนีย์ที่อยู่ด้านข้างแลดูเปล่าเปลี่ยวเล็กน้อย ซึ่งเห็นได้ชัดว่า หลังจากรพีพงษ์ได้หนังสือวิชาลับฝึกคู่นี้มาแล้ว คนแรกที่นึกถึงในหัวนั้นก็คือภรรยาของเขา อารียา
“โธ่เอ๊ย เพียงแต่ไม่รู้ว่าวิชาลับเล่มที่สองถูกใครขโมย วิชาลับเล่มนั้นเป็นการพัฒนาที่ยอดเยี่ยมสำหรับผลการฝึกตนส่วนบุคคล เพียงแค่สามารถฝึกฝนอย่างขยันขันแข็ง ซึ่งสามารถบรรลุถึงระดับแดนบุณได้”
รพีพงษ์มองไปที่ญาณิดา และทันใดนั้นในหัวก็เกิดความคล้อยตาม: “คุณญาณิดา หนังสือวิชาลับที่เจ้าพูดถึง คือกังฟูเสนหรือเปล่า?”
“เจ้ารู้ได้อย่างไร!” ญาณิดาพูดอย่างประหลาดใจ
รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า: “ดูเหมือนว่าหนังสือเล่มนี่จะถูกชัชพิสิฐขโมยไปแล้ว และถูกซ่อนไว้ในสุสานกษัตริย์ฉิน โชคดีที่ข้าได้ศึกษามาหมดแล้ว”
ญาณิดาพูดอย่างประหลาดใจ: “จริงเหรอ นี่มันคือฟ้าลิขิตชัดๆ แต่ใครจะรู้ว่าในตอนนั้นชัชพิสิฐเปิดกลีบดอกบัวนั้นได้อย่างไร และทำไมจึงถึงหยิบไปเพียงแค่เล่มเดียว”
รพีพงษ์มองไปรอบๆวิหาร: “ข้าคิดว่า มันน่าจะเป็นผลของวิชาลับที่เก็บวางที่นี่ มิฉะนั้น ตามผลการฝึกตนของชัชพิสิฐในเวลานั้น หากต้องการที่จะเปิดกลีบดอกบัว มันทำไม่ได้อย่างแน่นอน”
“ถ้าหากตามที่กล่าวมานี้ ชัชพิสิฐควรโดนแว้งกัดมันถึงจะถูก แต่เขากลับมีชีวิตอยู่มาหลายปีแล้ว” นีย์ถามด้วยความสงสัย
รพีพงษ์แตะปลายจมูก: “ในวันนั้นตอนที่ชัชพิสิฐแปรพักตร์จากทวีปโอชวิน และมีพิทักษ์รักษาสี่คนคอยติดตามอยู่รอบตัว เขาไม่ฝึกวิชาลับ ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้พิทักษ์รักษาฝึกวิชาลับได้”
“ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง” นีย์ก็เข้าใจได้ทันที ตามที่กล่าวมานี้ ชัชพิสิฐนี้เลวร้ายจริงๆเลยนะ
“แต่ว่าทำไมเขาถึงหยิบไปเพียงแค่เล่มเดียว เรื่องนี้ข้ายังไม่เข้าใจเลยจริงๆ” รพีพงษ์กล่าว
“ข้าน้อยจำได้แล้ว ในวันนั้นตอนที่พวกเขามาถึงเขตต้องห้ามมาขโมยหินลั่วหงและยาเม็ด ข้าน้อยกำลังพักผ่อนอยู่ในหินลั่วหง พอข้าน้อยรู้ตัวก็ได้ห้ามไว้ทันที แต่ไม่คาดคิดมันยังคงสายไปก้าวหนึ่ง ซึ่งกังฟูเสนก็ถูกพวกเขาขโมยไปแล้ว” ญาณิดารำลึกและกล่าว เนื่องจากมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน และความจำของญาณิดายังคงเลือนราง
รพีพงณ์พูดด้วยรอยยิ้ม: “ดูเหมือนว่าเจ้าไม่เพียงแต่ห่วงเล่น แต่ยังห่วงนอนอีกด้วย ถูกคนอื่นพรากไปจากทวีปโอชวินแล้ว แต่เจ้ายังมีอารมณ์นอนหลับ เจ้านี่มันสุดยอดจริงๆ”
ญาณิดาก็ได้ระบายความในใจออกมา: “เจ้าหยุดว่าให้ข้าน้อยได้แล้ว อย่างน้อยผลสุดท้ายก็ไม่ได้เลวมากนะ คุณชายรพี ครึ่งแรกของกังฟูเสนคือวิธีการฝึกลม และครึ่งหลังนั้นก็คือส่วนที่สำคัญที่สุด!”
“เส้นลมปราณได้โคจรทั่วตันเถียนเก้าจุด และตันเถียนเก้าจุดได้โคจรทั่วรูปเทพเจ้า! ในตอนนี้เส้นลมปราณของข้าได้โคจรทะลุทะลวงทั่วร่างกาย เพียงแต่ สำหรับประโยคต่อไป ข้ายังหาวิธีการในนั้นไม่เจอ” รพีพงษ์กล่าว
“เรื่องการฝึกตน คนภายนอกพูดสิบประโยคไม่ดีเท่าความเข้าใจตระหนักของตัวเอง เรื่องบางเรื่องสามารถรู้สึกและเข้าใจมันด้วยหัวใจ แต่ไม่สามารถแสดงออดด้วยคำพูดได้ และในขณะเดียวกัน ยังต้องการความโชคอีกเล็กน้อย คุณชายรพี เจ้านั้นโชคดีมาโดยตลอด ข้าน้อยเชื่อว่า ต้องมีสักวันที่เจ้าสามารถเข้าใจและตระหนักถึงความลึกลับของประโยคครึ่งหลังนี้ได้!” ญาณิดาพูดอย่างใจเย็น
รพีพงษ์มองไปที่ญาณิดานี้ แม้ว่าในสายตาของคนอื่นๆ นางปีศาจเฒ่าคนนี้มีชีวิตอยู่มานับพันปีซึ่งยังคงเหมือนกับเด็กวัยสาว แต่สิ่งที่นางพูดเมื่อกี้นี้ พูดได้ปรัชญามาก
“คุณนีย์” ญาณิดามองไปที่นีย์และเรียก
“อะไร?” นีย์ถาม
“ไม่ต้องประหม่า เดี๋ยวข้าน้อยก็จะกลับไปแล้ว คาดคิดไม่ถึงเลย สุดท้ายคนที่มาส่งข้าน้อยจะเป็นพวกเจ้าสองคน เนื่องจากการได้พบเจอกันคือพรมลิขิต ข้าน้อยก็มีของขวัญชิ้นหนึ่งที่จะมอบให้เจ้า” ญาณิดากล่าว
“ข้า……ข้าน้อยก็มีของขวัญหรือ?” นีย์พูดด้วยความประหลาดใจ
ซึ่งนางก็รู้ว่า ญาณิดาหญิงคนนี้ไม่ใช่ธรรมอย่างแน่นอน และของขวัญจะมอบให้นางก็ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
“ใช่”
ขณะที่พูด ญาณิดาก็ค่อยๆปลดเข็มขัดที่อยู่บนรอบเอวนั้นลงมา