พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่154
บทที่154 หย่ากันแน่
สถานบันเทิงสตาร์กาย
หลังจากที่รพีพงษ์ถึง เขาก็เดินเข้าไปด้านในอย่าง รวดเร็ว เขาก็โทรหาธฤตญาณถามว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน
หลังจากนั้นไม่นาน รพีพงษ์ก็ถึงหน้าประตูห้องหรู ธฤต ญาณและไตรทศทั้งสองยืนอยู่ที่หน้าประตู เห็นรพีพงษ์ เดินมา ก็ทักเขาทันที
“มีอะไรเรื่องเหรอ? “รพีพงษ์มองไปที่ทั้งสองแล้วถาม
ไตรทศยิ้มขึ้นทันที แล้วพูด: “พี่พงษ์ พี่เสน่ห์แรงไม่เบา เลยนะ มีผู้หญิงมาหาที่ถึงที่ ทำไมเรื่องดีๆแบบนี้ไม่เกิดกับ ฉันบ้าง”
รพีพงษ์เบิกตากว้างทันที แล้วพูดอย่างเย็นชา: “นายคัน อีกแล้วเหรอ? ”
ไตรทศแลบลิ้นออกมา และรีบถอยไปยืนอยู่ด้านหลังธ ฤตญาณ
รพีพงษ์มองไปทางธฤตญาณ ธฤตญาณอธิบาย: “เรื่อง มันเป็นแบบนี้ มีผู้หญิงคนหนึ่งมาดื่มเหล้าที่พวกเรา แล้วอยู่ ในห้องคนเดียว ตอนแรกมันก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่หลังจาก ที่ดื่มเมา เธอก็บอกกับพนักงานว่าจะหารพีพงษ์ ถ้าเกิดรพี พงษ์ไม่มาเธอก็จะทำลายข้าวของ”
“ฉันเข้าไปแล้วถึงได้รู้ว่าเป็นหญิงสาวที่อยู่กับนายคราว
ก่อน ถึงได้รู้ว่ารพีพงษ์ที่เธอถามหาก็คือนาย อธิบายให้ฟังเธอแล้วว่านายไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่เธอไม่ฟัง บอกว่าถ้าไม่เจอ นายวันนี้ เธอก็จะทำลายข้าวของที่”
“ถ้ายังโวยวายอยู่ข้างใน ถ้าวันนี้ได้เจอนาย เธอก็จะไม่
กลับ แล้วยังบอกว่าคนที่นี่ทำร้ายเธอ ฉันไม่รู้จะทำยังไง ก็
เลยโทรหานายนี่แหละ”
ธฤตญาณก็ทำอะไรไม่ถูก ถ้าเกิดเป็นคนอื่นมาสร้าง ปัญหา เขาคงขับไล่คนก่อเรื่องไป แต่คราวนี่เกี่ยวข้องกับ รพีพงษ์ ธฤตญาณไม่กล้าจะจัดการ ก็เลยต้องให้รพีพงษ์ มาจัดการเอง
รพีพงษ์เดินที่หน้าห้องหรู แล้วเหลอบมองเข้าไปข้างใน ก็ เห็นบุษบากรอยู่คนเดีวยแล้วถือขวดเหล้า แล้วร้องเพลง เศร้า
“พวกนายรออยู่ที่นี่ เดี่ยวฉันเข้าไปเอง”รพีพงษ์กล่าว แล้วผลักเปิดประตูห้องหรู แล้วเดินเข้าไป
ไตรทศขยิบตาให้ธฤตญาณ ยิ้มแล้วพูด: “พี่พงษ์มี ครอบครัวแล้วไม่ใช่เหรอ นายคิดว่าเขากับผู้หญิงที่อยู่ด้าน ในนั้นชอบกันหรือเปล่า?”
ธฤตญาณกลอกตาขาวใส่ไตรทศ แล้วพูด: “คำพูดนี้ของ นายถ้าเกิดเขารู้ ฉันรับรองได้ว่านายได้นอนโรงพยาบาล สองเดือนแน่”
ไตรทศก็หัวเราะแฮะๆ แล้วพูด: “ฉันก็แค่ล้อเล่นเองน่ะ นายอย่าไปบอกเขานะ”
บุษบากรกำลังถือไมโครโฟนร้องไห้เพลง เหล้าที่อยู่ในมือเธอนั่นก็ถูกดื่มหมด
ในเวลานี้ประตูของห้องก็ถูกเปิด บุษบากรตะโกน ทันที :”ฉันจะหารพีพงษ์ พวกเธอไปเรียกรพีพงษ์มาหาฉัน ไม่งั้น….”
เธอหันหน้าไปมองที่ประตู เมื่อเธอเห็นคนที่เข้ามาคือรพี พงษ์ เธอก็ตะลึงทันที
เธอคิดว่าตัวเองเห็นภาพหลอนไปเอง
ในเวลานี้เธอก็ไม่รู้ว่าอะไรคือภาพหลอนหรือไม่หลอน ตอนนี้เธอคิดถึงรพีพงษ์มาก ต่อให้เป็นภาพหลอน แม้ว่ามัน จะเป็นเพียงภาพลวงตา ตราบใดที่มันสามารถทำให้เธอ พอใจเธอ เธอก็จะไม่รังเกียจ
“รพีพงษ์ ฉันคิดถึงนายมากเลยนะ ให้ฉันกอดหน่อยได้
มั้ย”
บุษบากรโยนไมโครโฟนและขวดเหล้าในมือลงบนโต๊ะ และพุ่งตรงไปที่รพีพงษ์
รพีพงษ์รีบยื่นมือออกไปเพื่อหยุดเธอและพูดว่า: “เธอเมา แล้ว บอกมาบ้านเธออยู่ไหน ฉันให้คนไปส่งเธอ”
บุษบากรผงะ ยื่นมือออกไปสะกิดร่างของรพีพงษ์ ถึงได้รู้ ว่านี่คือเขาจริง “รพีพงษ์ นี่นายมาจริงๆเหรอ? นายไม่ใช่ภาพลวงตาของ
ฉันเหรอ? มาให้ฉันกอดที ยืนยันให้ฉันหน่อย” พูดอยู่ ด้วยเหตุนี้บุษบากรจึงพุ่งไปกอดรพีพงษ์อีกครั้ง
สีหน้าของรพีพงษ์ทำอะไรไม่ถูกเขาไม่มีประสบการณ์ใน การรับมือกับผู้หญิงที่เมาเหล้าและเวลานี้ก็ไม่รู้จะทำยังไง ให้บุษบากรกลับบ้านไปดีๆ
“บอกมาบ้านเธออยู่ที่ไหน เดี๋ยวฉันไปส่งเธอเอง ” รพีพงษ์ เอื้อมไปดันไหล่ของบุษบากร ไม่ให้เธอพิงตัวเอง
“มาให้ฉันกอดหน่อย ที่นายมาหาฉันที่นี่ นายก็เป็นห่วง ฉันใช่มั้ย ฉันรู้ว่านายเองก็คิดอะไรกับฉัน เพียงแต่แค่เขิน ไม่เป็นไร ฉันไม่รังเกียจนายพูดมาเลย”บุษบากรเหมือน อย่างคนบ้าผู้ชาย
รพีพงษ์ขมวดคิ้ว และพูดอย่างเย็นชา: “ฉันไม่ได้คิดอะไร กับเธอ ฉันมาที่นี่ เพราะเห็นแก่อารี ถ้าเธอยังทำแบบนี้ ฉัน จะไปเดี๋ยวนี้”
บุษบากรก็เสียใจทันที แล้วนั่งลงบนโซฟาเม้มริมฝีปาก แล้วก็ร้องไห้
“ทำไม ฉันอยากได้คนที่ฉันรัก มันยากขนาดนี้? “บุษบา กรมองไปที่รพีพงษ์
“เธอก็แค่ทำอะไรโดยไม่ทันคิด ฉันไม่มีอะไรคู่ควรให้เธอ มารักเลย”รพีพงษ์
“นายพูดจาเหลวไหล ถ้าเกิดฉันแค่ทำอะไรโดยไม่คิด ทำไมฉันถึงได้เจ็บใจขนาดนี้ ฉันยอมเป็นเมียน้อย ไม่แย่ง นายกับอารี ได้มั้ย? “บุษบากรร้องขอ
“ขอโทษด้วยนะ เรื่องแบบนี้ นอกจากอารียา ฉันก็ไม่ สามารถให้โอกาสใครได้”รพีพงษ์พูดอย่างเด็ดขาด
สีหน้าของบุษบากรผิดหวัง จากนั้นก็ร้องไห้ แล้วเธอก็ลุก ขึ้นจากโซฟา แล้วจ้องมองรพีพงษ์ด้วยความไม่พอใจ แล้ว พูด: “ถ้าฉันไม่ได้ ฉันก็ไม่ปล่อยให้คนอื่นจะได้เช่นกัน รพี พงษ์ นายอย่าเสียใจทีหลังแล้วกัน!”
เมื่อพูดจบ บุษบากรก็เดินออกจากห้องไป แล้วผลักประตู
อย่างแรง
รพีพงษ์เดินออกมา แล้วพูดกับไตรทศว่า: “นายตามเธอ ไป ส่งเธอกลับบ้านแล้วค่อยกลับมา”
ไตรทศพยักหน้าทันที แล้วเดินตามบุษบากรไป
ธฤตญาณยิ้มแล้วชำเลืองตามองไปรพีพงษ์ แล้วพูด “ความจริงคนที่มีความสามารถอย่างนาย มีเมียเพิ่มสักสอง สามคนก็ไม่ใช่ปัญหา ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้ดูแย่ไปกว่าเมีย นายนะ ไม่คิดดูก่อนเหรอ?”
รพีพงศ์เบิกตากว้างแล้วมองไปที่ธฤตญาณ แล้วพูด “ทำไม นายเองก็อยากไปนอนอยู่บนเตียงเหมือนกับ ไตรทศเหรอ?”
“ล้อเล่นนะ ล้อเล่น มือไม้มื้อเท้าฉันก็แก่แล้ว ไม่กล้ามี ปัญหากับนาย”ธฤตญาณพูดแล้วยิ้ม
รพีพงษ์เองก็ทำอะไรไม่ถูกแล้วยิ้ม และกล่าวถาม: “ฟัง จากคำพูดของนาย เมื่อก่อนนายก็มีเมียเยอะเหรอ? ”
ธฤตญาณตอบกลับด้วยอารมณ์: “แน่นอนว่าไม่มี ฉัน เป็นผู้ชายรักเดียว”
“แล้วทำไมนายไม่รับคนที่นายรักมาด้วยละ?”รพีพงศ์กล่าวถาม
ดวงตาธฤตญาณหรี่ลงทันที ดวงตาของเขาเปลี่ยนไปดู ลึกซึ้งมากขึ้น พึมพำขึ้น: “ถ้าสามารถรับเธอมาด้วยได้ก็ดี น่าเสียดายตอนนี้เธอคงคิดแต่อยากตัดฉันออก”
รพีพงษ์นิ่ง คิดไม่ถึงว่าธฤตญาณจะพูดแบบนี้ แต่เขาก็ ไม่ได้ถามอะไรมาก
ทุกคนก็มีความลับของตัวเองทั้งนั้น ไม่มีความจำเป็น อะไรที่เขาจะไปถามเรื่องพวกนี้กับธฤตญาณ
“ใช่แล้ว ฉันเพิ่งได้โรงงานมาหนึ่งที่ ข้างในมีเวลาก็พาคน ไปรับช่วงต่อ”รพีพงษ์ให้สัญญาการโอนกับธฤตญาณ ธฤตญาณจ้องไปที่สัญญา แล้วกล่าวด้วยความแปลกใจ
“โรงงานวัสดุก่อสร้างโฮมาท์ นี่คือโรงงานผลิตวัสดุก่อสร้าง
ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองริเวอร์ เป็นของนายได้ยังไง? ”
รพีพงษ์ยิ้ม แล้วพูด: “เล่นเกมชนะมาได้”
กลับมาถึงคฤหาสน์ ก็เป็นกลางคืนเวลาห้าทุ่ม
รพีพงษ์คิดว่าทุกคนในบ้านหลับหมดแล้ว แต่หลังจากที่ เดินเข้าประตูมา ก็พบว่าศศินัดดานั่งอยู่ที่โซฟา สีหน้า เคร่งเครียด
“คุณแม่ ยังไม่นอนเหรอครับ? “รพีพงษ์ถาม
ศศินัดดาเห็นว่ารพีพงษ์กลับมา ก็ด่าทอ: “รพีพงษ์ แกนี่ มันไอ้เลว แกยังมีหน้ากลับมาอยู่อีกเหรอ ทำไมแกไม่ตายอยู่ข้างนอกซะ?”
สีหน้ารพีพงษ์ดูมึนงง ไม่รู้ว่าทำไมศศินัดดาทำไมถึง โมโหขนาดนั้น ทั้งๆที่เขาก็ไปงานเลี้ยงกับธีริทธิ์ตามที่คำ สั่งของเธอ หรือว่าธีริทธิ์ไอ้หมอนี่จะพูดเรื่องไม่ดีของเขา?
“ทำไมครับคุณแม่? เกิดเรื่องอะไรขึ้นครับ? “รพีพงษ์ถาม
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?นี่แกไม่รู้เลยเหรอ? ยังมีหน้ามาถาม ฉันอีก? ฉันบอกแกนะ พรุ่งนี้แกต้องไปหย่ากับลูกสาวฉัน เรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว!”ศศินัดดาพูดอย่างโกรธๆ
สีหน้ารพีพงษ์เคร่งเครียด แล้วพูด: “ทำไมละครับ? ”
ศศินัดดายืนขึ้น เอามือท้าวใส่เอวแล้วมืออีกข้างก็ชี้ไปที่ หน้ารพีพงษ์แล้วด่า: “เพราะว่าไอ้สารเลวที่สมควรตายแก มันไม่คู่กับลูกสาวฉัน!”
รพีพงศ์ก้าวเดินไป ตรงหน้าศศินัดดา พูดขึ้นอย่างเย็น ชา: “พูดมันให้เคลียร์”
ศศินัดดาตกตะลึง รัศมีบนตัวของรพีพงษ์ทำให้เธอรู้สึก ถึงแรงกดดันบางอย่าง
“แกนี่มันหน้าไม่อายจริงๆ ยังกล้ามาขึ้นเสียงใส่ฉัน เรื่อง ที่แกไปที่สถานบันเทิงสตาร์กาย แกยังมีเหตุผลเหรอ?”
“รพีพงษ์ ฉันจะบอกแกไว้นะ ตั้งแต่แรกฉันก็รู้แล้วว่าแก มันไม่ได้เรื่อง แกอยู่บ้านฉันกินฟรีอยู่ฟรี ทำลายอนาคต ลูกสาวฉัน ตอนนี้แกยังไปสถานบันเทิงสตาร์กายที่แบบนั้น เสาะหาผู้หญิงอื่นอีก แกนี่มันสมควรโดนฟ้าผ่า!”
ศศินัดดาด่าว่าด้วยความรุนแรง
รพีพงษ์ขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่าศศินัดดาจะรู้เรื่องที่เขาไปที่ สถานบันเทิงสตาร์กาย ธีริทธิ์ต้องเป็นคนพูดแน่ๆ ตอนที่ เขาไปลืมสั่งธีริทธิ์ห้ามบอก
“คุณแม่ครับผมไปหาเพื่อนที่สถานบันเทิงสตาร์กาย ไม่ ได้ไปเสาะหาผู้หญิงครับ” รพีพงษ์อธิบาย
“แกอย่ามาหลอกฉันนะ สถานที่แบบสตาร์กายแบบนั้นมี ไว้เพื่ออะไรคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ?ฉันจะบอกแกนะ ลูกสาวฉัน ร้องไห้ทั้งคืน พรุ่งนี้ยังไงแกก็ต้องหย่า หนูที่สำคัญแกยัง ต้องให้จ่ายค่าชดเชยสิบล้าน ไม่งั้นพวกฉันก็จะฟ้องแกขึ้น ศาลแน่!”
เมื่อได้ยินอารียาร้องไห้ตลอดทั้งคืน ใจรพีพงษ์ก็กังวล คิดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะทำร้ายอารียามากขนาดนี้
เขาไม่ได้สนใจศศินัดดา รีบเดินขึ้นบน ถึงหน้าประตูห้อง อารียา เคาะแล้วก็เคาะ
“อารี ที่ฉันไปสตาร์กายแค่เพื่อไปหาเพื่อนจัดการธุระ ฉัน ไม่ได้ไปทำอย่างอื่นจริงๆ เธออย่าเสียใจเลย” รพีพงษ์พูด
แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ
รพีพงษ์กังวลทันที เขามองว่า ก็แค่เรื่องเข้าใจผิด อธิบาย ให้ชัดเจนก็คงไม่มีเรื่องอะไรแล้ว
แต่เขาไม่รู้เลยว่า ที่อารียาทุกข์ใจ ไม่ใช่เพราะรพีพงษ์ ไปที่สถานบันเทิงสตาร์กาย แต่เธอเห็นภาพถ่ายของเขา กับบุษบากรต่างหาก
“อารี ฉันรู้ว่าตอนนี้เธออารมณ์ไม่ดี แต่ยังไงเรื่องนี้ฉันก็ จะอธิบายให้ชัดเจนแน่นอน สงบสติอารมณ์ก่อนนะ พัก ผ่อนเร็วๆ พรุ่งนี้ฉันค่อยคุยกับเธอ”รพีพงษ์พูดผ่านประตู
จากนั้นเขาก็ลงไปข้างล่าง
ศศินัดดาจ้องมองเขา แล้วพูด: “บอกแกไว้เลยนะ รอบนี้ ลูกสาวฉันเข้าข้างฉันแน่ การแต่งงานครั้งนี้หย่าแน่นอน ที่ สำคัญแกต้องเตรียมค่าชดเชยสิบล้าน บ้านและรถไม่มี ส่วนของแก แกจ่ายค่าชดเชยแล้ว ก็หมดเนื้อหมดตัว”
พูดจบ ศศินัดดาก็กลับไปที่ห้องอย่างโมโห
รพีพงษ์ทำอะไรถูก คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องเข้าใจผิดเช่น นี้ รู้แบบนี้น่าจะอธิบายให้อารียาชัดเจนตั้งแรก
ขณะที่รพีพงษ์กำลังอารมณ์ อยู่ที่ร้านกาแฟแห่งในเมือง
ริเวอร์
ธายุกรและชรินทร์ทิพย์กำลังนั่ง ดื่มกาแฟ และทาน อาหารไปด้วย
“ช่วงนี้รพีพงษ์และอารียาดูหยิ่งยโส โดยเฉพาะอารียา ที่กล้าท้าทายปู่อย่างเปิดเผย คงคิดว่าถ้าตระกูลฉัตรมงคล ไม่มีเธอ คงจะไปไม่รอด”ชรินทร์ทิพย์พึมพำ
“พูดก็พูดเถอะ พวกเขาสองคนปรากฏตัวเมื่อไม่นานมานี้ และไม่รู้ว่าทำไมไอ้คนไร้ประโยชน์อย่างรพีพงษ์ถึงโชค ดีฉิ*หาย หัวหน้าตระกูลถึงได้ชื่นชอบ”ธายุกรพูดด้วย สีหน้าที่ไม่พอใจ
“ฉันว่าคุณปู่ไม่น่าให้อารียามาเป็นผู้จัดการเลย ตอนนี้ยังดี เส้นทางของบริษัทอยู่ในมืออารียาท คุณปู่อยากไล่เธอ ออกจะตาย”ชรินทร์ทิพย์เต็มไปด้วยความโกรธ
ธายุกรกลอกตาไปมา ยิ้มแล้วพูด: “อันที่จริงมันไม่สำคัญ
ว่าอารียาจะเป็นผู้จัดการ ตราบใดที่เธอยังดำเนินโครงการ
ไม่สำเร็จ คุณปู่ก็ไม่เอาเธอไว้”
“โครงการของบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปดีขนาดนั้นจะไม่ สามารถดำเนินไปได้อย่างไร”ชรินทร์ทิพย์กล่าว
“เรื่องนี้แกไม่รู้อะไร โครงการนี้ของบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป ต้องใช้วัสดุก่อสร้างจำนวนมาก เมื่อมีการจัดหาวัสดุ ก่อสร้างเท่านั้น โครงการนี้ถึงจะดำเนินต่อไปได้ ซึ่ง ปัจจุบันวัสดุก่อสร้างในโครงการนี้จัดหาโดยโรงงานวัสดุ ก่อสร้างโฮมาท์ ซึ่งเป็นโรงงานวัสดุก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดใน เมืองริเวอร์ และมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่สามารถจัดหาวัสดุ ก่อสร้างที่จำเป็นสำหรับโครงการนี้ได้”
“ถ้าเกิดโรงงานวัสดุก่อสร้างโฮมาท์หยุดให้บริการวัสดุ ก่อสร้างกับอารียาท ตำแหน่งผู้จัดการนี้อารียาก็ไม่ สามารถดำรงต่อไปได้”
ธายุกรอธิบายยิ้มชั่วๆ
ชรินทร์ทิพย์เกิดความสงสัย แล้วถาม: “โรงงานวัสดุ ก่อสร้างโฮมาท์ไม่น่าจะหยุดให้บริการวัสดุก่อสร้างนะ?”
ธายุกรยิ้มอย่างมีชัย แล้วพูด: “ฉันกับเจ้าของโรงงาน วัสดุก่อสร้างโฮมาท์ และผู้จัดการโรงงานโสรธัสคุยกันแล้ว เขาตอบตกลงที่จะร่วมมือกับเรา หยุดให้วัสดุก่อสร้างกับอารียา ถึงตอนนั้นโครงการก็ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ ฉันก็จะเข้าไปหาคุณปู่พร้อมกับวัสดุก่อสร้าง โครงการนี้ เป็นก็ตกเป็นของฉันแน่ แล้วฉันแค่ต้องให้กำไล 10 เปอร์เซ็นต์กับผู้จัดการโรงงานโสรธัส”