พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่189
บทที่189 ไม่ใช่ของดีอะไร
รพีพงษ์จ้องมองไปที่หมาป่าดำแล้วพูด: “พวกมันสี่ คน คือนายเป็นคนส่งมาเหรอ?”
หมาป่าดำพูดขึ้นทันที : ” ไม่ใช่นะครับ คุณรพี ผม ยังไม่ทราบเลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
ชายหัวโจกคนนั้นเห็นว่าหมาป่าดำสุภาพกับรพี พงษ์ ก็พูดขึ้นมาทันที: “พี่ใหญ่ พี่จะสุภาพกับมันทำไม ไอ้หมอนี่ก็เป็นแค่คนต่างถิ่น ที่สำคัญได้ยินมาว่าเป็น แมงดาที่เกาะชายกระโปรงผู้หญิงกินด้วย พี่ใหญ่แค่สั่ง สอนมันแทนพวกเราก็พอ”
เมื่อหมาป่าดำได้ยินชายคนนั้นพูดเช่นนี้สีหน้าก็ เปลี่ยนไปทันที เขาหันกลับไปมองชายคนนั้น แล้วตบ หน้าเขาไปแรงๆหนึ่งที
“โง่ ไอ้เวรไอ้ระยำ นี่มันคือตัวอะไร ก็กล้ามาพูด
แบบนี้กับคุณรพี?”หมาป่าดำด่าว่า
ชายนั้นคนก็ตกตะลึงเลย เอามือปิดหน้าแล้วมอง ไปที่รพีพงษ์อย่างเหลือเชื่อ
“พี่ใหญ่ พี.พี่เป็นอะไร? อยู่ที่อำเภอหยก พี่
ไม่ใช่ว่ากลัวแค่ท่านยุดคนเดียว ทำไมตอนนี้ก็กลัวเขา ไปด้วยแล้วละ?”ชายคนนั้นถามอย่างไม่เข้าใจ
“ต่อให้เป็นท่านยุด ก็ไม่กล้ามีปัญหากับเขา ตัวตนของเขานั้นไม่ใช่เหมือนอย่างที่แกคิด รอบนี้พวกแก สร้างเรื่องมาให้ฉันอย่างใหญ่หลวง” หมาป่าดำกล่าว ขึ้นอย่างเข้มงวด
ชายหัวโจกคนนั้นขนลุกทั้งร่าง สีหน้าไม่เชื่อมอง ไปที่รพีพงษ์ พึมพำ: “ท่าน….ท่านยุดยังไม่กล้ามีเรื่อง ด้วย นี่ผมมีเรื่องกับคนที่ไม่สมควรมีปัญหาด้วยจริงเห รอเนี่ย?”
หมาป่าดำจ้องมองเขาด้วยแววตาที่โกรธ แล้วอด ไม่ได้ตบเขาไปอีกที แล้วหันไปมองที่รพีพงษ์ กล่าว ขอโทษ: “คุณรพีครับ โปรดอธิบายให้ผมฟังด้วยว่าเกิด เรื่องอะไรขึ้นครับ? ผมจะได้รู้ว่าสาเหตุครับ”
รพีพงษ์เล่าเรื่องทั้งหมดที่ทั้งสี่คนมาหาเรื่องให้ฟัง
หลังจากที่หมาป่าดำฟังจบก็เบิกตากว้างทันที คิด ไม่ถึงว่าคนของเขาจะทำอะไรเรื่องที่ไม่ยั้งคิดแบบนี้ วิ่ง มาสร้างความเดือดร้อนให้กับรพีพงษ์
“คุณรพี คุณรอสักครู่ครับ ผมของระบายความ
โกรธในใจก่อน”หมาป่าดำพูดกับรพีพงษ์อย่างเคารพ
จากนั้นก็หันกลับไป สีหน้าเปลี่ยนทันที กลายเป็น ปีศาจที่เพิ่งออกมาจากนรก
เขาจ้องมองทั้งสี่คนที่มาหาเรื่องรพีพงษ์ จากนั้นก็ พุ่งไปข้างหน้า และทุบตีพวกเขา
“ไอ้เวรไอ้ระยำ ฉันแมร่งให้ข้าวให้น้ำเลี้ยงดูพวก แกเป็นอย่างดี พวกแกกลับแมร่งมาสร้างปัญหาที่ข้างนอกแบบนี้ ที่สำคัญยังกล้ามาลวนลามภรรยาของคุณ รพีอีก ดูเหมือนว่าพวกจะไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป แล้ว!”
หมาป่าดำลงมืออย่างหนัก ชกๆสองสามที ชาย หัวโจกคนนั้นก็เริ่มมีเลือดไหลออกมา
ลูกน้องที่หมาป่าดำพามาด้วยใบหน้าก็กระตุกไป ด้วย พวกเขาเพิ่งเห็นหมาป่าดำลงไม้ลงมือกับคน กันเองครั้งแรก
“พวกแกยืนเฉยอยู่ได้ มาจัดการพวกมันให้ฉัน ทุบตีให้ตายเลย ใครกล้าออมมือ ฉันก็จะจัดการไป
ด้วย!”หมาป่าดำขู่คำราม คนพวกนั้นไม่เชื่องช้า รีบเข้ามาช่วยหมาป่าดำ
และทุบตีคนทั้งสี่
เมื่ออารียาเห็นเหตุการณ์นี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึก หวาดกลัวเล็กน้อย ในขณะเดียวกันเธอก็ชื่นชม และ ยังเทิดทูน แม้ว่าจะอยู่ต่างถิ่น รพีพงษ์ก็สามารถจัดการ กับปัญหาได้ ผู้ชายคนนี้ คือคนที่เธอไว้วางใจได้
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสี่คนก็ถูกทุบตีจนเลือดไหล และเหมือนกำลังจะตาย
รพีพงษ์ก็รู้สึกว่าพอสมควรแล้ว จึงพูดว่า: “พอได้ แล้ว ยั้งมือได้แล้ว”
หมาป่าดำถึงสั่งให้คนพวกนั้นหยุด เขาเดินไปหา ตรงหน้ารพีพงษ์อย่างเคารพอีกครั้ง และกล่าวขอโทษ: “คุณรพี ขอโทษด้วยจริงไปครับ ผมไม่ทราบ
ว่าพวกเขาจะมาสร้างความเดือดร้อนให้กับคุณ หาก หลังจากนี้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก คุณรพีก็จัดการ ผมไปด้วยเลยครับ”
“พูดแบบนี้ แสดงว่าพวกเขาไม่ใช่นายเป็นคนส่ง มา?”รพีพงษ์ถาม
“ผมไม่กล้าหรอกครับ คนของผมปกติทำอะไรผม ไม่ค่อยได้ถามไถ่”หมาป่าดำกล่าว
“อย่างนั้นนายไปถามพวกเขาตกลงว่าใครเป็นคน สั่ง ตอนนั้นพวกเขาพุ่งตรงมาที่เราอย่างเห็นได้ชัด ไม่ เหมือนปกติทั่วไป “รพีพงษ์กล่าว
หมาป่าดำพยักหน้าทันที เดินไปตรงหน้าชาย
หัวโจกคนนั้น แล้วถาม: “บอกมา ใครสั่งให้พวกนายมา
หาเรื่องคุณรพี?”
ชายหัวโจกคนนั้นถูกทุบตีจนกลัว ในตอนนี้เขาก็ ไม่กล้าโกหก ดังนั้นจึงสารภาพออกไปหมดว่าเป็น โมไนย
เมื่อรพีพงษ์ได้ยินเช่น นี้ แววตาก็เผยออกมาให้เห็น ทันที ว่าตอนนั้นเองเขาก็สงสัยโมไนยและปรางทิพย์ ทั้งสองคนนี้ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นพวกเขาสองคนทำ จริงๆ
อารียาสีหน้าเต็มไปด้วยความแปลกใจ ตอนนั้นที่ ปรางทิพย์ชวนเธอไปด้วย เธอนึกว่าปรางทิพย์เห็นแก่ว่าพวกเธอเป็นญาติกัน ถึงเป็นห่วงเธอ แต่คิดไม่ถึงว่า เพียงการแสดงออกถึงความรู้สึกผิดของปรางทิพย์
หลังจากที่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด รพีพงษ์จึง ให้หมาป่าดำพาคนของเขากลับ
หมาป่าดำอยากแสดงความรับผิดชอบต่อรพี พงษ์ โดยบอกว่าจะไปจับตัวโมไนยมาด้วยตัวเอง แล้ว หักแขนหักขาเขาต่อหน้ารพีพงษ์
รพีพงษ์ปฏิเสธหมาป่าดำ บอกว่าเรื่องนี้เขาจะ
จัดการเอง
หมาป่าดำไม่มีทางเลือก จึงพาคนของเขาออกจาก ที่ลานจอดรถ ก่อนจะไปก็ยังขอโทษนะรพีพงษ์ไม่ หยุด
รพีพงษ์และอารียาก็ไม่ได้อยู่ที่ลานจอดรถต่อ ก็ เดินออกมาพร้อมกัน แล้วเรียกรถ แล้วกลับไปที่ชุมชน
บ้านของบจี
“คิดไม่ถึงเลยว่าโมไนยจะโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้ แถมยังตั้งใจหาคนเพื่อมาจัดการเราน่ารังเกียจ จริงๆ”อารียาพูด
“เรื่องนี้ก็คงจะขาดปรางทิพย์ไปไม่ได้ พวกเขาทั้ง สองก็ไม่ใช่คนดีอะไร ” รพีพงษ์กล่าว
อารียาหันไปมองรพีพงษ์ แล้วถาม: “นายจะ จัดการเรื่องนี้ยังไง?”
รพีพงษ์ยิ้มให้อารียา แล้วพูด: “เรื่องนี้เธอไม่ต้องกังวล ถึงเวลาฉันจะเป็นคนให้บทเรียนกับพวกเขาเอง
โมไนยหาคนมาลงมือกับอารียา รพีพงษ์ทนไม่ได้ แต่เขาไม่รีบร้อน ตอนที่เดินเที่ยวห้าง รพีพงษ์ได้ยิน โมไนยและปรางทิพย์คุยกันเรื่องหมั้น ทั้งสองคนน่าจะ หมั้นกันในไม่กี่วันข้างหน้านี้
เนื่องจากโมไนยและปรางทิพย์ทำกับอารียาแบบนี้ อย่างนั้นเขาก็ไม่รังเกียจที่จะทำให้เลี้ยงฉลองงานหมั้น ของโมไนยและปรางทิพย์ตื่นเต้นขึ้นไปอีก
อารียาพยักหน้า ครั้งนี้โมไนยและปรางทิพย์ทั้ง สองทำเกินไปจริงๆ ตอนนี้อารียาก็ไม่เห็นว่าปรางทิพย์ เป็นญาติแล้ว
ญาติพวกนี้ บางครั้งยังเทียบกับคนแปลกหน้าไม่ ได้เลย อารียาไม่ได้มีความรู้สึกใดๆกับพวกเขา ดังนั้น ถ้ารพีพงษ์จะลงโทษพวกเขา เธอก็ไม่ห้าม
ขณะที่ทั้งสองกำลังกลับ บ้านบจี ศศินัดดาและบจี ก็ต่างคนต่างไม่ยอมใคร
“บจี เธอนี่มันไร้ยางอายจริงๆ สร้อยข้อมือของฉัน อันนี้ซื้อมาในราคาสองแสนกว่า เธอกลับทำมันหลุด เธอรีบชดใช้คืนฉันมาเลยนะ!”ศศินัดดาจ้องมองไปที่บ จีอยู่ข้างหน้าตัวเอง
เป็นเพราะวันนี้อารียาและศศินัดดาตกลงกันว่าจะ ไปเที่ยวห้างด้วยกัน ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างศศินัด ดาและบจีจึงคลี่คลายดีขึ้น
แต่เมื่อกี้ สีหน้าของบจีเต็มไปด้วยความชอบใจที่ พาศศินัดดามาดูเครื่องประดับที่โมไนยซื้อให้เธอ บจีบ อกว่าโมไนยและปรางทิพย์อีกกี่วันข้างหน้าก็จะหมั้น กัน เครื่องประดับพวกนี้คือโมไนยตั้งใจซื้อให้เธอเป็น พิเศษ
เครื่องประดับพวกนี้ไม่ถูกเลย แต่ละชิ้นมีราคา หลายพัน หลายหมื่น และยังมีอีกไม่กี่ชิ้นไม่กี่หมื่น ใน สถานที่อย่างอำเภอหยก สวมใส่เครื่องประดับเช่นนี้ ถือว่ามีเกียรติมากอยู่แล้ว
บจีคิดว่าเครื่องประดับพวกนี้มาทำให้ศศินัดดา อิจฉาตาร้อน ก็เพื่อทำให้หล่อนรู้ว่าหล่อนเทียบกับตัว เธอไม่ได้ ตัวเองมีโมไนยที่เป็นลูกเขยดีขนาดนี้ แต่รพี พงษ์ของบ้านศศินัดดาก็เป็นแค่เศษสวะ ยังไงก็ซื้อ เครื่องประดับให้เธอไม่ได้
แต่ก็มีเรื่องที่ทำให้เธอคิดไม่ถึง หลังจากตอนที่ศศิ นัดดาฟังเธอแนะนำเครื่องประดับจบ ศศินัดดาก็แสดง สีหน้าดูถูกเหยียดหยาม
บจีก็กังวลทันที โดยบอกว่าเครื่องประดับหลาย พันพวกนี้ดูโทรมเกินไป นี่คือศศินัดดาอิจฉาเธอ
ครั้งนี้ศศินัดดาเตรียมตัวมาดี รพีพงษ์อยู่ที่อำเภอ หยก แต่เธอได้รับเครื่องประดับที่มีราคาแพงมากมาย จากประดับดาวจิวเวลรี่ ส่วนใหญ่ราคาแสนสองแสน ของพวกนั้นของบจีสู้ของที่รพีพงษ์ให้เธอให้มาไม่ได้
เธอหยิบเครื่องประดับสองสามชิ้นที่รพีพงษ์มอบให้เธอ มาให้บจีดู และบอกราคาของเครื่องประดับพวก นี้ บจีก็ตะลึงอึ้งไปเลย
เธอไม่เคยเห็นเครื่องประดับที่แพงขนาดนี้มาก่อน ท่าทางอย่างแรกเลยรู้สึกว่าศศินัดดากกำลังโกหกเธอ
แต่หลังจากที่เธอดูคุณภาพของเครื่องประดับของ ศศินัดดาเธอ ก็พบว่ามันดีกว่าที่โมไนยซื้อให้เธอมาก และเธอก็เริ่มอารมณ์เสียทันที เดิมที่เธอต้องการอวดให้ศศินัดดา และทำให้ศศิ
นัดดาอิจฉาเธอ แต่สุดท้ายแล้วเธอก็กลับกลายมาเป็น
อิจฉาศศินัดดา
ศศินัดดาสีหน้าเต็มไปด้วยชัยชนะ เธอยังคงยิ้ม เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่บูดเบี้ยวของบจี
บจีโกรธมาก ตอนที่ดูเครื่องประดับอยู่เลยแสร้ง ทำเป็นมือลื่น ทำให้สร้อยข้อมือของศศินัดดาหัก
ศศินัดดาก็ระเบิดทันที สร้อยข้อมือเส้นนั้นคือ สร้อยที่เธอชอบมากที่สุด ราคาอยู่ที่สองแสนกว่า เธอ คิดไม่ถึงว่าบจีจะทำหล่น ดังนั้นจึงทะเลาะกับบจี
สีหน้าของบีจีเต็มไปด้วยความถูกแล้วมองไปที่ศศิ นัดดา และพูด: “ฉันไม่ได้ตั้งใจ ที่สำคัญเธอจะมาเรียก ร้องแบบนี้ก็ไม่ได้ ก็แค่สร้อยข้อมือธรรมดา เธอกล้า พูดว่าตั้งสองแสนกว่า ฉันดูเธอแล้วน่าจะอยากเรียก ร้องเงินจากบ้านฉันมากกว่า”
“พูดจาเหลวไหล! สร้อยข้อมือนี้เป็นเครื่องประดับชั้นนำ บ้านเธอมีเงินอยู่แค่นั้น ฉันจะไปสนใจทำไมกับ เงินแค่นั้นของบ้านเธอ เธอรีบชดใช้คืนเงินฉันมานะ ไม่ อย่างนั้นฉันจะโทรแจ้งตำรวจ!”ศศินัดดาตะโกน
บจีเบะปาก พูด: ” เชอะ คำพูดของเธอใครจะไป เชื่อกันละ เธอก็รู้สึกอิจฉาที่ครอบครัวของฉันร่ำรวย กว่า จงใจเรียกร้องเงินจากฉัน จะบอกเธอให้นะ สร้อย ข้อมือนี้ฉันไม่ชดใช้คืนให้หรอก เธอแจ้งตำรวจไปก็ ไม่มีประโยชน์ ก็ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
ศศินัดดาโกรธ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเจอคนที่หน้า ด้านกว่าเธอ
“เธอไม่ได้ตั้งใจก็ต้องชดใช้คืน ไม่อย่างนั้นเธอก็ รอให้ตำรวจมาจับเธอไปเลย”ศศินัดดาตะโกน
“เชอะ อย่างนั้นฉันก็จะแจ้งความว่าเธอหลอกลวง แค่สร้อยข้อมือหักเธอขอกับฉันสองแสน
เธอคิดว่าฉันโง่เหรอ? จะมีสร้อยข้อมือราคาแพง แบบนี้ได้ยังไงในโลกนี้มัน เป็นของปลอมทั้งนั้น!” บจี
พูด
ศศินัดดาเริ่มใช้กำลังกับบจี เธอไม่สามารถกลืน ความโกรธนี้ไม่ไหวแล้ว
ตุลยวัตและศักดาทั้งสองคนเฝ้าดูอยู่ข้างบน เมื่อ เห็นว่าทั้งสองเริ่มใช้กำลัง ก็รีบลงมาห้าม
“คุณจะมาห้ามฉันทำไม ให้ฉันสั่งสอนผู้หญิงคนนี้ ให้รู้จักผิดชอบชั่วดี เธอทำสร้อยข้อมือของฉันหักยังไม่ชดใช้ ฉันเกิดมาไม่เคยเห็นใครที่หน้าด้านเท่านี้มา ก่อน!”ศศินัดดาพูด
“เธอนี่มันคือการขู่กรรโชกเรียกร้องทรัพย์! ทำไม ฉันต้องให้เงินเธอ”บจีไม่อ่อนแอไปกว่าแรงผลักดัน ของศศินัดดา
“พอได้แล้ว พวกคุณสองคนหยุดได้แล้ว ก็แค่ สร้อยข้อมือเส้นเดียวเอง ก็ไม่ได้แพงขนาดนั้น เดี๋ยว ฉันให้อารีเอาเงินพวกเธอไม่กี่พัน คุณเองก็อย่ามาส ร้างปัญหาที่นี่”ตุลยวัตกล่าวขึ้นมา
ศักดานึกว่าตุลยวัตจะเคลียร์เรื่องทั้งหมดให้ ชัดเจนกว่านี้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเขาจะคิดว่าไม่เงินกี่ พันก็ฟาดหัวพวกเขาได้แล้ว ในใจก็รู้สึกไม่พอใจขึ้น มา:”ตุลยวัต นัดดาไม่ขู่กรรโชกเงินพวกนาย แต่สร้อย ข้อมือนั้นราคาอยู่ที่สองแสนกว่า”
“อย่ามาพูดจาไร้สาระที่นี่ พวกนายทั้งบ้านก็ไม่ใช่
ของดีอะไร”บจีด่าว่า
ตอนนั้นประตูก็ถูกเปิดออก อารียาและรพีพงษ์
เดินเข้ามา
เมื่อศศินัดดาเห็นว่าอารียากลับมา แววตาก็เปล่ง ประกายขึ้น รีบเข้าไปหา แล้วพูดว่า ” ลูก ลูกช่วยมา ยืนยันให้แม่หน่อยว่าสร้อยข้อมือนี้ใช่ซื้อมาในราคา สองแสนกว่าหรือเปล่า?”
อารียามองไปสร้อยข้อมือที่หักนั้น สีหน้าก็เต็มไปด้วยความแปลกใจ แล้วพูด: “ใช่แล้ว เกิดเรื่องอะไรขึ้น ค่ะ?”
ศศินัดดาเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ให้กับอารี ยาฟัง จากนั้นก็มองไปที่บจี พูดจาอย่างโกรธๆ: “เธอ ได้ยินไหม ลูกสาวฉันก็บอกอยู่สร้อยข้อมือนี้ซื้อมาใน ราคาสองแสนกว่า เธอยังไม่ชดใช้เงินคืนอีก!”
บจีเบะปาก แล้วพูด: “พวกแกมันครอบครัว เดียวกัน เธอก็ต้องช่วยพวกแกอยู่แล้ว อย่าคิดว่าฉัน เป็นเด็กสามขวบที่จะรังแกได้ง่ายๆนะ”
“สร้อยข้อมือนั้นราคาสองแสนจริงๆ ฉันไม่ได้ โกหกพวกคุณ”อารียาขมวดคิ้วแล้วพูด “แคลร์ คิดไม่ถึงว่าเธอจะยิ่งโตยิ่งเรียนรู้แต่สิ่งไม่
ดีเหมือนกับแม่เธอไม่มีผิด รู้จักโกหก”ตุลยวัตกล่าวขึ้น
มา
ในตอนนั้นรพีพงษ์ก็เดินเข้ามา มองไปที่ศศินัดดา แล้วพูด: “แม่ครับ ผมจำได้ว่าตอนที่แม่มาเก็บใบเสร็จ เครื่องประดับพวกนั้นไว้ในกระเป๋าเดินทาง แม่ไปเอา ใบเสร็จมา แล้วเอาให้พวกเขาดูก็จบแล้ว”
ศศินัดดาก็เพิ่งนึกออกว่าเธอยังพกใบเสร็จมาด้วย ดังนั้นจึงรีบไปที่กระเป๋าเดินทางเอาใบเสร็จเครื่อง ประดับพวกนั้นออกมา หาใบเสร็จสร้อยข้อมือนั้นเจอ แล้วและใบรับรอง แล้วเอาตรงไปให้บจี
“ใบเสร็จและใบรับรองอยู่ที่นี่ แล้วตอนนี้ฉันจะดูว่าเธอปฏิเสธมันอย่างไร! ถ้ามีความสามารถพอก็โทร แจ้งตำรวจเลย ฉันจะดูว่าตำรวจจะช่วยใคร!”