พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่207 แค่ฉันซื้อกิจการบริษัทก็พอแล้ว
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่207 แค่ฉันซื้อกิจการบริษัทก็พอแล้ว
บทที่207 แค่ฉันซื้อกิจการบริษัทก็พอแล้ว
สีหน้าของทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลเปลี่ยนไป คิดไม่ ถึงว่าท่าที่ของเธียรวิชญ์จะเด็ดขาดขนาดนี้ ถ้าหากพวก เขาต้องการขึ้นศาลจริงๆบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปก็มี สัญญา และพวกเขาทำผิด เป็นไปไม่ได้ที่จะชนะ
ธายุกรก็ยังก่นด่าในใจ เขามีชัยไปได้ไม่นาน คิดไม่ ถึงว่าบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปก็เข้ามาหาเรื่องให้เขา
“ประธานเธียรวิชญ์ ท่านอย่าเพิ่งกังวลเลย ความจริง แล้วอารียายังไม่ได้ลาออก เธอแค่คิดอะไรไม่ได้ช่วง หนึ่งเอง ผมขอรับรองกับท่าน พรุ่งนี้เธอก็จะมาทำงานที่ บริษัท”ธายุกรพูดขึ้นทันที
เธียรวิชญ์แอบแสยะยิ้มในใจ คิดในใจธายุกรก็โกหก เก่งเหมือนกัน เขารู้ดีเกี่ยวกับการลาออกของอารียา ที่ สำคัญรพีพงษ์ก็บอกกับเขาว่า ก่อนที่บริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปจะซื้อกิจการของบริษัทตระกูลฉัตรมงคล อารียา ไม่มีทางกลับมาทำงาน
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เปิดเผยออก แต่เขากล่าวด้วย รอยยิ้ม: “ถ้าเป็นเช่นนั้น ผมจะกลับมาอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ หวังว่าคุณจะไม่ได้โกหกผมนะ ถ้าพรุ่งนี้ไม่เจออารียา พวกคุณน่าจะรู้ผลที่ตามมา”
ธายุกรพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าฝ่าฝืนแม้แต่
น้อย
หลังจากที่เรียนวิทย์จากไป ทุกคนในตระกูล ฉัตรมงคลก็เริ่มตะโกนใส่ธายุกรทันที
“ธายุ มันไม่ง่ายเลยนะที่เราจะขับไล่อารียาออกไปได้ อย่าปล่อยให้หล่อนกลับมาเด็ดขาด”
“ใช่แล้ว หล่อนและรพีพงษ์คือตัวซวย ถ้าเกิดกลับมา พวกเราทุกคนก็จะอยู่ไม่สุขอีกต่อไป”
“หลังจากที่อารียากลับมา ถ้าเข้ารับช่วงโครงการของ บริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปใหม่อีกครั้ง รายได้ของเราจะลด ลงอย่างมาก อย่าปล่อยให้หล่อนกลับมาได้อีก”
เมื่อตอนนั้นอารียาจัดการโครงการของบริษัทซัน บับเบิล กรุ๊ป ควบคุมบัญชีได้อย่างเข้มงวด และไม่ให้มี ข้อผิดพลาด และคนเหล่านี้ต้องการใช้ประโยชน์จาก ช่องโหว่ และมันก็จะยากยิ่งขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ อยากให้อารียากลับมา
สีหน้าธายุกรเคร่งเครียด จ้องมองไปที่คนของตระกูล ตระกูลฉัตรมงคลแล้วตะโกน: “ไม่ให้หล่อนกลับมา แล้ว พวกคุณจะทำอย่างไรกับบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป?”
ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลก็เงียบลงทันที พูดถึงเรื่อง เงินพวกเขาไม่ปล่อยแน่ แต่เมื่อพูดเรื่องนี้ พวกเขาก็หยุด พูดทันที
“พวกคุณไม่ต้องกังวล การที่ปล่อยให้อารียากลับมาเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น ถ้าจัดการกับคนของบริษัทซัน บับเบิล กรุ๊ปได้ ผมก็ยังสามารถขับไล่อารียาออกไปได้ แม้ว่าตามสัญญา ผมจะไม่ปล่อยเธอไป และปล่อยให้ เธอเป็นพนักงานในโครงการ เธอไม่กล้าพูดอะไรเลย” ธายุกรกล่าว “ครอบครัวหล่อนต้องอาศัยอารียาเลี้ยงชีพ อารียาไม่มีงาน ตอนนี้ก็คงจะกังวล ผมจะไปหาหล่อน ยังไงหล่อนก็ต้องกระตือรือร้นที่จะกลับมา”
ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคล ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจาก ต้องทำตามเช่นนี้
ในช่วงบ่าย คฤหาสน์ตระกูลฉัตรมงคล
ทั้งครอบครัวกลับมาแล้วหนึ่งวัน ออกไปครั้งหนึ่ง เหนื่อยแทบตาย สู้อยู่บ้านยังจะสบายกว่า
“รพีพงษ์ รีบไปทำความสะอาดบ้านเดี่ยวนี้ ไม่ได้กลับ มาหลายวันแล้ว ต้องมีฝุ่นเกาะอยู่หลายแห่งแน่ งาน ของแกวันนี้คือทำความสะอาดคฤหาสน์ทั้งหลัง ถ้าการ ทำความสะอาดไม่สะอาด คืนนี้ห้ามกินข้าว!” ศศินัดดา ตะโกน
หลังจากที่อารียาได้ยิน ก็มองไปที่ศศินัดดาทันที แล้ว พูด: “แม่ค่ะ ทำไมให้รพีพงษ์ทำความสะอาดคนเดี่ยว ถ้า จะทำความสะอาดเดี่ยวพวกเราช่วยกันทำค่ะ รพีพงษ์ นายมานั่งข้างฉัน ถ้าแม่ฉันไม่ขยับ นายก็ไม่ต้องขยับ”
เมื่อรพีพงษ์ได้ยินอารียาพูดเช่นนี้ ก็รีบเดินไปนั่งข้าง
เธอ
เห็นศศินัดดาเห็นสิ่งนี้ สีหน้าก็เต็มไปด้วยความโกรธ และพูดว่า: “แกกล้าขัดคำสั่งเหรอ แม้แต่งานบ้านก็ไม่ทำ แกคิดว่าแกเป็นเจ้าของบ้านเหรอ? จะบอกแกให้ ตอนนี้ อารีไม่มีงานทำ พวกเรากินข้าวยังเป็นปัญหา ถ้าแกงาน บ้านยังทำได้ไม่ดี ก็ไสหัวออกจากบ้านพวกเราไปซะ!”
“แม่ครับ แม่สบายใจได้เลย ผมไม่มีทางให้พวกคุณแม่ หิวแน่นอน ที่สำคัญช่วงนี้ผมก็ว่าจะจ้างแม่บ้านให้ที่บ้าน หนึ่งคน คฤหาสน์นี้ใหญ่เกินไป พวกเราทำความสะอาด เอง คงทำความสะอาดไม่ทั่วถึง “รพีพงษ์กล่าว
รพีพงษ์คิดว่าเขาจะไปที่เกียวโตสักพัก ไปครั้งนี้ ไม่รู้ ว่านานเท่าไหร่ ดังนั้นหลังจากที่เขาไปแล้วนี่ที่บ้านก็จะ ไม่มีคนทำความสะอาด แบบนี้จ้างแม่บ้านสักคนดีกว่า
“แกมาเพ้อฝันอะไรที่นี่ จ้างแม่บ้าน แกออกเงินเหรอ? “ศศินัดดาด่าทันที
รพีพงษ์พยักหน้า พูด: “เรื่องนี้พวกคุณก็ไม่ต้องยุ่ง เดี๋ยวผมจัดการเอง”
ศศินัดดากลอกตาไปที่รพีพงษ์ แล้วเริ่มพูด: “เชื่อถือไม่ ได้ ตอนพูดก็พูดได้ดี ถ้าแกมีปัญญาจริงๆ ทำไมไม่หา งานให้อารี”
อารียาหันไปมองรพีพงษ์ แล้วพูด: “แต่หนูคิดว่ารพี พงษ์เชื่อถือได้ ต่อให้หนูไม่ทำงาน รพีพงษ์ก็เลี้ยงหนูได้
ใช่หรือเปล่า?”
รพีพงษ์พยักหน้า พูดด้วยรอยยิ้ม: “ใช่แล้ว ไม่ว่าเธอ อยากทำอะไร ฉันก็สนับสนุนเธอ”
“แม่ค่ะ อย่างนั้นหนูและรพีพงษ์มีลูกสักคนดีมั้ย อีก หน่อยหนูก็เลี้ยงลูกอยู่บ้าน แม่คิดว่ายังไงคะ?”อารียา พูดอย่างกะทันหัน
รพีพงษ์ตะลึงทันที มองไปที่อารียาสีหน้าเต็มด้วย ความเหลือเชื่อ
“ไม่ได้!”ศศินัดดาปฏิเสธทันที “ตอนนี้ลูกยังสาวอยู่ จะ รีบมีลูกทำไม เพราะรพีพงษ์มีเงินหรอกนะ แม่ถึงเก็บมัน ไว้ ถ้าไม่อย่างนั้นแม่ก็หาสามีใหม่ให้ลูกแล้ว ลูกห้ามมี ลูกกับมันเด็ดขาด ถึงเวลาแม่ยังรอที่จะดูลูกแต่งงานกับ คนที่ดีกว่ามันอีก”
อารียาพูดไม่ออก แม้แต่เธอยังรู้สึกว่าศศินัดดาไร้ ยางอาย คำพูดแบบนี้ก็กล้าพูดออกมาได้
ในตอนนั้นโทรศัพท์อารียาก็ดังขึ้น เธอก็หยิบออกมาดู และขมวดคิ้วทันที
“มีอะไรเหรอ?”รพีพงษ์ถาม
“ธายุกรบอกว่าตอนค่ำๆอยากจะนัดฉันออกไปทาน ข้าวด้วยกัน ไม่รู้ว่าคิดจะทำอะไรอีก”อารียาพูด
“ไม่แน่อาจอยากให้ลูกกลับไปทำงาน ตอนนี้ธายุเป็น ประธานของบริษัท ลูก ลูกต้องไปทานข้าวกับเขานะ ไม่ แน่งานก่อนหน้านี้ที่ลูกเคยทำก็อาจกลับมา”ศศินัดดาพูดอย่างรวดเร็ว
อารียามองไปที่รพีพงษ์ ส่งสายตาถามเขา
“ลองไปดูสิ เดี่ยวฉันไปกับเธอเอง เขาไม่กล้าทำอะไร หรอก”รพีพงษ์กล่าว
อารียาพยักหน้า ถ้าหากว่ารพีพงษ์ไปพร้อมกับเธอ งั้น เธอก็ไม่มีอะไรต้องกลัว
ในตอนค่ำ รพีพงษ์และอารียามาถึงพร้อมกัน ร้านอา หารที่ธายุกรบอก
ครั้งนี้รพีพงษ์สังเกตดูสภาพโดยรอบอย่างละเอียด ก่อนเข้าไป เพื่อดูว่าธายุกรต้องการทำอะไรเหมือนครั้งที่ แล้วหรือเปล่า
ที่สำคัญเขายังบอกกับอารียา แค่คุยธุระกับธายุกรก็ พอ ห้ามทานของอะไรเด็ดขาด
ทั้งคู่เข้ามาในร้านอาหารพร้อมกัน หลังที่เห็นตำแหน่ง ที่นั่งของธายุกร ก็เดินไปหา
“ไอ้เศษสวะนี่มากับเธออีกแล้วเหรอ อารียา ความจริง ฉันว่านะ ตอนนี้เธอน่าจะหย่ากับมัน รูปร่างอย่างเธอ อยากจะหาที่ดีกว่านี้ก็ง่ายดาย”หลังจากธายุกรมองไปที่ รพีพงษ์ ก็พูดจาเหน็บแนม
“ธายุกร นายเรียกฉันมาเพื่อจะว่าให้รพีพงษ์แบบนี้ ถ้า อย่างนั้นเราก็ไม่มีอะไรต้องคุย”อารียาพูดอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวเดียวเดี๋ยว ฉันเรียกเธอมาคุยเรื่องสำคัญจริงๆ เธอนั่งลงก่อน ฉันไม่ว่าให้แล้วก็ได้”ธายุกรพูดขึ้นทันที อารียาถึงยอมนั่งลง รพีพงษ์ก็เอาเก้าอี้จากข้างๆ มา นั่งลง
“ว่ามา นายหาฉันมีเรื่องอะไร?”อารียาพูด
ธายุกรยิ้ม แล้วพูด: “อันที่จริงครั้งนี้ฉันเรียกเธอมา อยากให้เธอกลับมาทำงานที่บริษัทต่อ เธอยังกลับมารับ ช่วงโครงการของบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปด้วย แต่คราวนี้ ต้องมีคนไปจัดการพร้อมกับเธอ”
หลังจากพูดจบ เขาก็หยิบกระเป๋าออกมาจากใต้โต๊ะ และยื่นให้ตรงหน้าอารียา
“นี่คือเงินสดสามแสน แต่เธอตอบตกลงว่าจะกลับมา ทำงานอีก สามแสนนี้ก็จะเป็นของเธอ”
หลังจากอารียาเห็นเงินสดสามแสนแล้วดวงตาของเธอ ก็เบิกกว้างทันที เธอคิดไม่ถึงว่า อายุกรจะเอาเงิน มากมายขนาดนี้เพื่อให้เธอกลับไป
“ทำไมจู่ๆนายถึงให้เงินฉันมากมายขนาดนี้? “อารียา กล่าวถาม
“นี่คือค่าชดเชยสำหรับก่อนหน้านี้ที่ฉันทำไม่ดีกับเธอ สามแสน สำหรับฉันตอนนี้ ถือว่าไม่ใช่เงินมากมาย อะไร”ธายุกรพูดอย่างภูมิใจ
“ฉันว่าเป็นเพราะโครงการของบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปขาดแคลร์ไม่ได้ต่างหาก ถ้าฉันเดาไม่ผิด บริษัทซัน บับเบิล กรุ๊ปน่าจะติดต่อนายแล้ว ตอนแรกสัญญานี้ฉัน เป็นคนขอคืนมาเอง โดยเขียนว่า อารียาต้องรับผิดชอบ โครงการนี้ ตอนนี้นายดูสุภาพมาก น่าจะเป็นเพราะสิ่งนี้ มากว่า” รพีพงษ์ที่อยู่ข้างๆพูดขึ้นเบา ๆ
สีหน้าของธายุกรเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เขาจ้องไป ที่รพีพงษ์อย่างเคียดแค้น และพูดว่า: “พูดเรื่องเหลวไหล อะไร รพีพงษ์ นายมีสิทธิ์จะพูดแบบนี้ด้วยเหรอ? นายมัน ก็แค่คนยากจน แล้วมีสิทธิ์อะไรที่จะสร้างปัญหาที่นี่? ครอบครัวของนายตอนนี้คงจะยาลำบากแม้กระทั่งเรื่อง อาหารใช่ไหม ถ้าอารียาไม่มีงาน นายจะกินอะไร ที่ฉัน ทำไปก็เพราะหวังดีต่อครอบครัวนาย”
รพีพงษ์ยิ้ม แล้วพูด: “อย่ามาพูดจาให้มันดูดีไปหน่อย เลย ต่อให้แคลร์กลับไป นายจะยอมให้เธอควบคุมงาน ทั้งหมดมั้ย? ถ้าฉันเดาไม่ผิด นายให้เธอกลับไป เพื่อเอา เธอไปบังหน้า เพื่อที่นายจะได้ไม่ถูกบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปสอบสวนต่างหาก”
ธายุกรโมโหจนหน้าอกขึ้นลงตามลมหายใจ และไม่ สามารถลุกขึ้นมาต่อยรพีพงษ์
อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่กล้า เพราะเขารู้ว่าเขาไม่ สามารถเอาชนะรพีพงษ์ได้
“ใช่แล้ว นายพูดถูก แม้ว่าฉันจะถูกบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปสอบสวนแล้วยังไง รพีพงษ์ นายดูให้มันดีๆหน่อยนี่เงินสามแสนเลยนะ ถ้าหากอารียากลับไปทำงาน ฉันก็ จะจ่ายเงินเดือนทุกเดือนเหมือนเงินเดือนเก่า ฉันดีกับ เธอขนาดนี้แล้ว เธอยังจะปฏิเสธอีกเหรอ? แล้วนาย สามารถให้อะไรเธอได้ ก็ไม่มีสิทธิ์มาพูดจาไร้สาระแบบ นี้ตรงหน้าฉัน?”ธายุกรท่าทางเหมือนขวดที่แตกแล้ว
รพีพงษ์เบะปาก แล้วพูด: “แค่สามแสนเอง นายคิดว่า มันมากเหรอ?” อารียาก็พยักหน้าด้วย วันนั้นรพีพงษ์แค่ให้เธอซื้อของ
ฝาก ก็ให้เงินเธอมาสามแสน ตอนนี้ธายุกรเอาเงินสาม
แสนมาล่อเธอ ดูแล้วมันไม่น่าเพียงพอ
“พระเจ้า พูดอย่างกับว่านายมีเงินมากมายอย่างนั้นละ อารียา เธออย่าไปฟังที่มันพูด เธอบอกมาเลยดีกว่าว่าจะ มาทำงานหรือไม่มาทำ ถ้าหากเธอตอบตกลงจะเพิ่มเงิน เดือนให้เธอเป็นสองเท่า”ธายุกรกล่าว
“ถ้าฉันเดาไม่ผิด เงินทั้งหมดนี้ของนายน่าจะโกงมา จากโครงการนี้ ด้วยเงินเดือนของนาย ถึงแม้มันจะเยอะ แต่ก็อาจไม่เพียงพอที่จะสามารถเอาเงินออกมากมาย ขนาดนี้ ดังนั้นนายเลยอยากให้แคลร์กลับไปทำงานด้วย เป็นเพราะที่ไม่อยากเสียการร่วมลงทุนกับบริษัทซัน บับเบิล กรุ๊ป เนื่องจากโครงการนี้มีน้ำมันมากมาย นาย จะยอมปล่อยไปได้อย่างไร”รพีพงษ์กล่าวต่อ
ธายุกรลุกขึ้นยืนทันที แล้วชี้ไปที่จมูกรพีพงษ์ แล้วว่า: “รพีพงษ์ แกแมร่งอย่ามาพูดจาใส่ร้ายกันนะ! ฉันอุตส่าห์ใจดีเหลือหนทางทำมาหากินให้พวกแก แกไม่ซาบซึ้งไม่ พอยังจะมาใส่ร้ายฉัน แกคิดว่าถ้าฉันไม่มีอารียา ฉันก็ จัดการเรื่องนี้ไม่ได้เหรอ?”
“ขอโทษด้วยนะ พวกเราไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้อง
ซาบซึ้งต่อแก ฉันสามารถเลี้ยงดูแคลร์ได้ ไม่จำเป็นต้อง
เอาเงินที่นายไปโกงในโครงการมา”รพีพงษ์พูดแล้วยัก
ไหล่
สีหน้าอารียาก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจมองไปที่ธายุ กร แล้วพูด: “ธายุกร นายอย่าคิดเพ้อเจ้อ ฉันจะไม่กลับ ไปทำงาน”
ธายุกรกัดฟัน ยื่นมือไปหยิบถุงเงินมา และตะโกนว่า: “ถือว่าพวกแกมีความกล้า ฉันคิดว่าไม่มีงานนี้ เธอจะอยู่ รอดได้อย่างไร ไม่ช้าก็เร็วพวกแกก็ต้องมาขอร้องฉัน อยู่ดี!”
เมื่อพูดจบ ธายุกรออกจากร้านด้วยความโมโห
อารียาหันหน้าไปมองรพีพงษ์ แล้วพูด: “เขาโกงเงิน จากโครงการของบริษัทจริงเหรอ หากยังคงทำแบบนี้ต่อ ไป ไม่ช้าก็เร็วบริษัท ถูกเขาทำเจ๊งแน่”
รพีพงษ์ยิ้ม แล้วพูด: “สบายใจได้ ฉันยังคิดที่จะให้เธอ กลับไปทำงานอยู่ ไม่ให้เขาทำบริษัทเจังง่ายดายแน่”
“หา? ให้ฉันกลับไปทำงาน เมื่อกี้นายไม่ใช่” อารียาม องอย่างสงสัย
รพีพงษ์ยิ้ม พูด: “ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ฉันไม่ ได้อยากให้เธอกลับไปทำงานตำแหน่งเดิม แต่ให้เธอ กลับไปเป็นประธาน มีเธออยู่ บริษัทของตระกูล ฉัตรมงคลไม่มีทางเจ๊ง”
“อย่ามาล้อเล่นนะ ฉันจะไปเป็นประธานของบริษัทได้ ยังไง”สีหน้าอารียาเต็มไปความไม่เชื่อแล้วพูด
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ แค่ฉันซื้อกิจการของบริษัทของ ตระกูลฉัตรมงคลก็ได้แล้ว”รพีพงษ์พูดด้วยรอยยิ้ม