พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่208 ขายให้เขาหนึ่งหยวน
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่208 ขายให้เขาหนึ่งหยวน
บทที่208 ขายให้เขาหนึ่งหยวน
ระหว่างทางกลับบ้าน อารียาเดินไปไม่กี่ก้าว ก็หันหน้าไป มองรพีพงษ์ บนใบหน้าของเธอนั้นยังแปลกใจไม่หายเลย
รพีพงษ์เห็นว่าอารียาเดินไปไม่กี่ก้าวก็มองตัวเอง ดูแล้ว ค่อนข้างตลก เลยหยุดเดินแล้วมองอารียา และ ถาม: “ทำไมถึงมองฉันอยู่ได้ตลอด”
“นายซื้อกิจการบริษัทของตระกูลฉัตรมงคลจริงเห รอ?”อารียาในที่สุดเธอก็ถามสิ่งที่คิดอยู่ในใจออกไป
รพีพงษ์พยักหน้า พูด: “บริษัทนี้ก็ถือว่าไม่เลว ถ้าเปลี่ยน เธอเป็นคนรับช่วงต่อ น่าจะสามารถพัฒนาได้ดีขึ้น”
“แต่ว่าตอนนี้บริษัทของตระกูลฉัตรมงคลมีมูลค่าใน ตลาดห้าสิบล้านนะ เงินเยอะขนาด นายจะซื้อมายัง ไง?”อารียาก็ยังไม่ค่อยจะเชื่อ
“แค่ห้าสิบล้านเอง อย่าลืมสิว่าฉันซื้อหัวใจของดาวศุกร์ ให้เธอมูลค่าสี่สิบห้าล้านเลยนะ “รพีพงษ์กล่าวด้วยรอย ยิ้ม
อารียาถึงค่อยนึกออก ว่าที่บ้านเธอนั้นยังมีของอย่าง หนึ่งที่มีมูลค่าขนาดนี้
ถ้าตอนนี้รพีพงษ์ไม่พูดถึง เธอคงจะลืมมันไปแล้ว เมื่อ
ตอนที่รพีพงษ์ให้สร้อยเส้นนี้กับเธอ เธอก็รู้สึกตื่นเต้น หลัง
จากนั้นเพราะเธอกลัวว่าจะตกเป็นเป้าหมายของสิ่งที่มีค่า
เอากลับไปแล้ว หลังจากนั้นก็ซ่อนมันไว้เป็นอย่างดี
ตอนนี้เมื่อได้ยินสิ่งที่รพีพงษ์พูด อารียาก็รู้สึกว่าบริษัท ของตระกูลฉัตรมงคลก็ไม่อะไรแล้ว เนื่องจากสร้อยคอ เส้นหนึ่งของเธอกำลังจะเทียบเท่ามูลค่าตลาดของบริษัท ของตระกูลฉัตรมงคลเลย
ที่สำคัญรพีพงษ์เป็นคนของตระกูลลัดดาวัลย์ ถ้าจะซื้อ บริษัทของตระกูลฉัตรมงคล ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
หลังจากที่คิดได้ อารียาก็ไม่แปลกใจเลย เพราะนี่ สำหรับรพีพงษ์แล้ว ก็เป็นเพียงเรื่องปกติเอง
“ใช่แล้ว ช่วงนี้ฉันจะไปที่เมืองริเวอร์สักพัก หลังจากที่ฉัน ไปแล้ว เธออย่าลืมดูแลตัวเองให้ดีนะ” รพีพงษ์คิดว่าตัวเอง ก็จะไปเกียวโตแล้ว ดังนั้นจึงเป็นบอกอารียาก่อนดีกว่า
“นายจะไปแล้วเหรอ? ไปนานแค่ไหน?”หลังจากที่อารียา ได้ยินรพีพงษ์พูดเช่นนี้ สีหน้าก็เต็มไปด้วยความนิ่งอึ้ง จู่ๆ เธอก็พบว่า ตัวเองยอมรับความจริงไม่ได้กับการที่รพีพงษ์ จะไปจากที่นี่
รพีพงษ์เห็นท่าทางของอารียาแล้ว ก็พูดอย่าง รวดเร็ว: “เธอสบายใจได้ ไปไม่นานหรอก ฉันจัดการ ปัญหาเสร็จก็กลับมาแล้ว”
“งั้น….ฉันไปกับนายด้วยได้มั้ย?”ถามอย่างระมัดระวัง เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถห่างจากรพีพงษ์ได้
“คราวนี้เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ถ้าพาเธอไปด้วยจะ ลำบาก หลังจากที่รอฉันจัดการเสร็จ กลับมาฉันจะพาเธอไปเที่ยว”รพีพงษ์กล่าว
“ใช่เรื่องของตระกูลลัดดาวัลย์หรือเปล่า?”อารียาเริ่ม
ถาม
รพีพงษ์พยักหน้า
อารียาก็ทำได้เพียงพยักหน้าเช่นกัน และกล่าวว่า :”ก็ได้ นายเองเวลาออกไปข้างนอกก็ต้องระวังตัวด้วยนะถ้าหาก มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นรีบโทรหาฉันเลยนะ”
รพีพงษ์ก็ลูบหัวอารียา ยิ้มแล้วพูดว่า: “ไม่ต้องกังวล ไม่มี
อะไรเกิดขึ้นหรอก”
ทั้งคู่ก็เดินกลับถึงบ้าน ศศินัดดาก็รีบเข้าไปถามธายุกร ให้อารียากลับไปทำงานหรือเปล่า อารียามองไปที่รพีพงษ์ แล้วพูดว่า: “เขาให้หนูกลับไป
แต่หนูปฏิเสธไปแล้วค่ะ”
“ลูกโง่ของฉัน ทำไมลูกต้องปฏิเสธด้วยล่ะ งานดีขนาดนี้ ทำไมลูกบอกไม่ก็ไม่ทำเลย”ศศินัดดาพูด
“แม่ค่ะ หนูไม่ต้องการให้ธายุกรเชิญหนูกลับไป รพีพงษ์
จะเป็นคนช่วยให้หนูกลับเข้าที่บริษัทเองค่ะ”อารียากล่าว
“มัน? มันจะช่วยลูกกลับบริษัทได้ยังไง? มันช่วยให้ลูก กลับบริษัทไปทำอะไร?”ศศินัดดาไม่เชื่อ
“ประธาน”อารียากล่าวด้วยรอยยิ้ม
ศศินัดดาหัวเราะเยาะทันที และกล่าวว่า “อย่าล้อเล่นกับฉันนะ ธายุต่างหากที่เป็นประธาน ผู้ชายที่เอาแต่พูดอย่าง แกเหรอ อย่ายืนตะลึงที่นี่นะ รีบไปทำความสะอาดบ้านให้ ฉันเดี๋ยวนี้ แกว่าจะจ้างแม่บ้านไง ไหนล่ะไม่เห็นมีแม่บ้านที่ แกจ้างมาเลย ฉันรู้ว่าแกทำอะไรไม่ได้นอกจากคุย โอ้อวด ”
รพีพงษ์ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเดินตามศศินัดไป ทำความสะอาด และทำความสะอาดสิ่งของอื่นๆ
วันรุ่งขึ้น บริษัทของตระกูลฉัตรมงคล
ในห้องประชุม กลุ่มคนกำลังคุยกันตกอยู่ในสภาพอึดอัด ธายุกรเชิญอารียากลับมาไม่ได้ ดังนั้นเมื่อบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปต้องการขึ้นศาลฟ้องพวกเขา ไม่แน่อาจตรวจสอบ บัญชี เมื่อถึงเวลานั้นถ้าตรวจ ทุกคนในห้องพวกเขา ทั้งหมดก็จบเห่แน่
“ธายุ คุณก็คิดหาทางดู เราควรจะทำยังไงดี ถ้าโครงการ บริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปเกิดแดงขึ้นมา รายรับของเราจะน้อย ลงไปกว่าครึ่งหนึ่งเลยนะ”
ธายุกรขมวดคิ้วเช่นกัน เหลือบมองชายคนนั้น และพูด ว่า: “คุณคิดว่าผมไม่รู้เหรอ อารียาไม่ยอมรับ ผมจะทำ อะไรได้ ที่สำคัญมันเป็นเพียงแค่โครงการของบริษัทซัน บับเบิล กรุ๊ปเอง เราก็ไม่ได้มีแค่โครงการนี้ของพวกเขา โครงการเดียว ถึงเวลาผมจะหาโครงการที่ดีกว่าเพื่อร่วม ลงทุนกัน”
ทุกคนถอนหายใจ และรู้สึกว่าพวกเขาโกงเงินไม่เพียง พอจากโครงการของบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป
ในเวลานี้มีคนวิ่งเข้าไปในห้องประชุม และพูด ว่า: “ประธาน คนจากบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปมาถึงแล้ว”
“บอกกับพวกเขาว่าผมอยู่กำลังประชุม และให้พวกเขา รอก่อน ธายุกรกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“อะแฮ่มๆ ประธานธายุกรเป็นคนงานยุ่งมากจริงๆ แต่ผม คิดว่าการประชุมนี้น่าจะสำคัญน้อยกว่าธุรกิจของผม ดัง นั้นจึงรีบเข้ามา หวังว่าประธานธายุกรจะไม่ถือสา” เธียร วิชญ์เดินเข้าไปในที่ประชุม
ธายุกรก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว สีหน้าเต็มไปด้วยความ อึดอัดแล้วมองไปที่เธียรวิชญ์ และพูด: “ประธานเธียรวิชญ์ ท่านจะเข้ามายังไง ผมก็เตรียมพร้อมที่จะพบคุณ”
“ไม่จำเป็นละ ผมคิดว่าผู้บริหารทั้งหมดของบริษัทพวก คุณก็น่าจะอยู่ที่นี่กันหมด ถ้าเป็นเช่นนั้น งั้นผมก็พูดตาม ตรง” เธียรวิชญ์ถาม
“ประธานเธียรวิชญ์ ผมไปหาอารียามาแล้ว หล่อนไม่ สามารถจะกลับมาที่บริษัทได้อีก เรื่องนี้ผมก็ทำอะไรไม่ได้ แล้วนะ ต่อให้พวกเราผิดสัญญา แต่ก็เป็นอารียาที่ทำผิด สัญญานะครับ ไม่เกี่ยวกับพวกเราเลย”ธายุกรกล่าวทันที
เธียรวิชญ์ยิ้ม แล้วพูด: “วันนี้ที่ผมมาที่นี่ ไม่ใช่เรื่องของ ผู้ อารียา เพราะเราไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องนี้อีกต่อไป วันนี้ผม มาที่นี่ เพื่อถามประธานธายุกร และผู้บริหารของบริษัท ของตระกูลฉัตรมงคล ว่าโครงการของเราก็ดำเนินการมา นานขนาดนี้แล้ว บัญชีต่างๆก็ชัดเจนมาตลอด แต่ในช่วง เวลาที่ผ่านมานี้ มีโครงการของพวกเราเกือบโครงการเกือบห้าสิบล้าน เหมือนจะไม่ค่อยไม่ทราบจุดหมายปลาย ทาง ที่สำคัญคือไถเงินจากรุ๊ปของพวกเราไป ผมอยากถาม ทุกคนว่า เงินของกรุ๊ปเรา หาง่ายกันขนาดนี้เลยเหรอ พวก คุณไร้ยางอายกล้ามากที่เอาเงินจากกรุ๊ปของพวกเราไปใช้ ในชื่อต่างๆ ทำแบบนี้ มันไม่ควรมั้ง?”
สีหน้าท่าทางของทุกคนในห้องประชุมเปลี่ยนไป ไม่มี ใครคาดคิดว่าเธียรวิชญ์จะพูดถึงเรื่องนี้
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าธายุกรก็ตื่นตระหนก และพูด ว่า :”ประธานเธียรวิชญ์ คุณกำลังพูดถึงอะไร โครงการของ บริษัทเราชัดเจนมาโดยตลอด เงินทุกบาทที่เราใช้ ก็เป็น เงินสำหรับใช้ในโครงการ มันจะเป็นอย่างที่ประธานพูดได้ อย่างไร?”
“ต้องให้ผมเอาหลักฐานมาแสดงใช่มั้ย? ธายุกร คุณก็ อายุจะสามสิบแล้ว ทำไมก่อนทำเรื่องแบบนี้ไม่คิดให้ดี ก่อน?”เธียรวิชญ์จู่ๆพูดออก
จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้น และโบกมือ หญิงสาวสวมแว่นที่ อยู่ด้านนอกห้องประชุมก็เดินเข้าไปในห้องประชุมทันที เธอถือเอกสารเป็นกองอยู่ในมือ แล้วพูดว่า: “ของที่อยู่ใน มือดิฉัน เป็นของกรุ๊ปเราและธุรกรรมกองทุนที่มาของ โครงการ มีบัญชีทั้งหมดสามร้อยแปดสิบเอ็ดบัญชีที่ไม่ ทราบจุดหมายปลายทาง ในการทำธุรกรรมกองทุนกับผู้ อาวุโสเกือบทุกคนในบริษัท มีบัญชีดังกล่าวหลายบัญชี”
“และกรุ๊ปของเราได้ส่งคนไปตรวจสอบการเงิน ของคุณ มีจุดหมายปลายทางที่ไม่รู้จัก ไม่ได้ถูกใช้เพื่อพัฒนาโครงการ ประธานของเราใช้เส้นสาย เพื่อตรวจสอบว่าช่วง นี้ทุกคนอยู่ที่ร้านอาหาร โรงแรม และคลับบันเทิงต่างๆเงิน ที่ใช้จ่ายทั้งหมด เพิ่มขึ้นมาก ได้รับการยืนยันว่า เงินที่ พวกคุณใช้ ถูกนำมาจากบริษัทของเรา”
“คุณพูดจาเหลวไหลนะ บริษัทเราไม่เคยทำเรื่องแบบนี้ มาก่อน เงินพวกนั้นถูกใช้ในโครงการทั้งหมด คุณน่าจะ คำนวณผิด!”บนหน้าผากของธายุกรเริ่มมีเหงื่อเย็นๆออก มา
“โครงการเหล่านี้ของเราได้รับการยืนยันจากธนาคาร แล้ว หากคุณคิดว่าไม่ถูกต้อง สามารถไปที่ตรวจสอบที่ ธนาคารได้ตลอดเวลา และในช่วงเวลานี้คุณมีเงินที่ไม่ ทราบที่มาทั้งหมดห้าสิบล้าน ในนั้นมีของประธานธายุกร คนเดียว มีในบัญชีมากกว่าสามสิบล้าน เมื่อเร็วๆนี้ซื้อ เครื่องสำอางและกระเป๋าให้ผู้หญิงสิบกว่าคน เงินที่ใช้จ่าย น่าจะมีเกือบยี่สิบล้านได้ ขอถามหน่อยค่ะประธานธายุกร ดูจากเงินเดือนของคุณ จะเอาเงินยี่สิบล้านนี้มาจากไหน ละ?” หญิงสาวสวมแว่นถาม
ธายุกรยังไม่ได้พูด ญาติของบริษัทของตระกูล ฉัตรมงคลที่อยู่ข้างๆเขาก็อารมณ์เสียขึ้นมา
“ธายุกร คุณแอบเอาเงินลับหลังพวกเรามากมายขนาดนี้ เลยเหรอ ไหนคุณบอกว่าคุณเอามาทั้งหมดสิบกว่าล้านเอง ไม่ใช่เหรอ แล้วเงินห้าสิบล้านนี้คืออะไร คุณแบ่งให้พวก เราเพียงแค่ไม่กี่แสน แต่ตัวเองกลับกลืนกินไปมากขนาดนี้คุณนี่มันใจดำจริงๆ!”คนคนหนึ่งตะโกนขึ้น
“ใช้แล้ว พวกเราเชื่อใจคุณขนาดนี้ คุณเสียให้เงินกับ คนนอกมากมายขนาดนี้ แต่กลับไม่ให้พวกเราเลย มันน่า โมโหจริงๆ!”
ธายุกรมองไปที่ญาติเหล่านี้โดยไม่พูดอะไร ให้ตายยังไง เขาก็ไม่ยอมรับ แต่ยังไม่ได้พูดอะไร ญาติเหล่านี้ก็แฉเขา ออกไป
เขาเสียใจจริงๆที่เชื่อใจญาติสมองหมูเหล่านี้
“พวกแกแมร่งพูดจาเหลวไหลอะไร ฉันไม่เคยเอาเงินเลย พวกแกอย่ามาใส่ร้ายฉันตรงนี้นะ!”ธายุกรก็เริ่มตะโกน ญาติพวกนั้นแต่ละคนจ้องมองไปที่ธายุกร พวกเขาสนใจ
แค่ว่าได้ส่วนแบ่งเงินน้อย และไม่ได้คิดถึงว่าบริษัทซัน
บับเบิล กรุ๊ปยังอยู่ที่นี่
“เมื่อกี้ที่พวกเขาพูดออกมาอัดเสียงไว้แล้วใช่มั้ย”เธียร วิชญ์ถาม
“อัดเสียงไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ ท่านประธาน” หญิงสาวสวม แว่นกล่าว
เธียรวิชญ์พยักหน้า กล่าวด้วยรอยยิ้ม: “นี่เป็นครั้งแรกที่ ผมได้เห็นครอบครัวที่โง่ขนาดนี้ แต่เดิมผมต้องการใช้วิธี การบีบบังคับให้พวกคุณพูดออกมาด้วยความโกรธ แต่ผม คิดไม่ถึงให้พวกคุณเองยอมรับมันออกมาเอง”
จากนั้นญาติของตระกูลฉัตรมงคลถึงได้รู้ว่าตัวเองพลาด หลุดคำพูดออกไปแล้ว และพวกเขาสีหน้าต่างก็เต็มไปด้วย ความเสียใจ แต่พวกเขาก็ยังไม่พอใจมากที่ธายุกรแอบใช้ เงินไปมากมายอยู่ลับหลังพวกเขา
“ประธานเธียรวิชญ์….”ธายุกรอยากจะขอร้อง
“คุณไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว ผมมีหลักฐานเพียงพอที่จะ พิสูจน์ได้ว่าบริษัทของตระกูลฉัตรมงคลของพวกคุณ ยักยอกทรัพย์สินของกรุ๊ปเรา เป็นจำนวนเงินถึงห้าสิบล้าน ถ้าผมฟ้องพวกคุณขึ้นศาล พวกคุณทุกคนในห้องนี้ จะต้อง ติดคุก เธียรวิชญ์พูด
“ทำไมคุณถึงให้พวกเราติดคุก พวกเราเพียงแค่ใช้เงิน ของพวกคุณไปเล็กน้อยเท่านั้นเอง บริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป ของพวกคุณก็รวยมากมายขนาดนั้น ให้เราใช้จ่ายบ้างจะ เป็นไร” เมื่อได้ยินว่ากำลังจะติดคุก ญาติของตระกูล ฉัตรมงคลก็ตะโกนทันที
ธายุกรก็จ้องมองเขา และพูดว่า: “คุณบ้าไปแล้วเหรอ? หรือไม่อย่ามาสร้างเพิ่มปัญหาที่นี่ได้มั้ย?”
ชายคนนี้เต็มไปด้วยความโกรธ และเห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้ ตัวว่าเขากำลังก่ออาชญากรรมโดยการโกงเงินจาก โครงการบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป “ธายุ ทำไมคุณต้องไปกลัวพวกเขาด้วย เขาก็แค่ขู่เรา เท่านั้นเอง แล้วจะให้เราติด ถ้าตำรวจรู้ว่าเพราะเขามีเงิน
มากมายขนาดนี้แต่ไม่ให้เราใช้ พวกเขาก็ต้องถูกจับอย่าง
แน่นอน ช่างน่าขำสิ้นดี”ญาติคนนั้นพูดอีกครั้ง
ธายุกรตบไปที่หน้าเขาหนึ่งที แล้วด่า: “เย็*แมร่ง ผมดู แล้วว่าคุณโง่ขนาดนี้น่าจะติดคุกไปเลยสักสองปีสามปี!”
เธียรวิชญ์เรียกคนในชุดสูทห้าคนเข้ามา และพูดกับทุก คนว่า: “ทั้งห้าคนนี้ เป็นทีมทนายความที่ได้กรุ๊ปเราเชิญมา หากทุกคนยังไม่ยอมรับ หลังจากนี้พวกเขาทั้งห้าคนจะ ต้องจัดการต่อเรื่องที่บริษัทของพวกคุณยักยอกทรัพย์สิน ของเรา คงจะต้องจับทุกคนเข้าคุกทีละคน”
“คุณพูดถูก บริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปของเรามีเงิน ดังนั้นเรา จึงมีเราจึงมีเวลาให้พวกคุณ แต่คุณมีเวลาไม่มากนัก เมื่อ เริ่มฟ้องร้องบริษัท บริษัทพวกคุณจะถูกระงับการทำงาน ถึงเวลานั้นภรรยาลูกๆคนแก่เด็กเล็ก ก็คงจะไม่มีข้าวกินได้ ที่สำคัญพวกคุณยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่จะต้องเข้า คุกแน่นอนว่า นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องกังวล ”
หลังจากได้ยินคำพูดของเธียรวิชญ์ ทุกคนก็เริ่มกลัวขึ้น มาเล็กน้อย
ถ้าหากเป็นเช่นนี้จริงๆ พวกเขาทั้งตระกูลฉัตรมงคลก็ จบเห่แน่
ธายุกรจ้องไปที่เธียรวิชญ์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และ ถามว่า: “ประธานเธียรวิชญ์ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เราทำไม่ถูก ต้อง คุณจะช่วยใจกว้างหน่อย พวกเราจะรวบรวมเงินและ คืนให้คุณอย่างแน่นอน”
เขายังคิดที่จะใช้วิธีเดี่ยวกันกับครั้งก่อน อุดช่องโหว่ใน เวลานี้มันสายไปแล้ว
เธียรวิชญ์ส่ายหัว แล้วพูด: “ขอโทษด้วย ผมไม่คิดว่า พวกคุณจะมีความสามารถคืนเงินนี้ได้ แต่ฉันมีวิธี ประนีประนอม ที่ช่วยให้คุณไม่ต้องติดคุก แล้วก็ไม่ต้องคืน เงิน”
“วิธีอะไรเหรอครับ?”คนทั้งกลุ่มจ้องมองเธียรวิชญ์ด้วย สายตาที่เปล่งประกาย
“ผมมีเพื่อนคนหนึ่ง ที่สนใจบริษัทของพวกคุณพอดี ถ้า พวกคุณยอมขายให้เขาในราคาหนึ่งหยวน ห้าสิบล้านี้ผมก็ จะไม่เอาความ”