พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่499 ตอกย้ำกับดักของจิรเวช
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่499 ตอกย้ำกับดักของจิรเวช
บทที่499 ตอกย้ำกับดักของจิรเวช
“ว่าไงนะ!สามแสนล้าน!ฟังไม่ผิดใช่ไหม!”ทุกคนในงานต่างตกใจกับคำพูดของรพีพงษ์ ทุกคนต่างทยอยกันมองไปทางรพีพงษ์
ญาดากับนิรมัทที่ยืนข้างรพีพงษ์เบิ่งตาโพลงโต คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะออกราคาสูงขนาดนี้
“แกบ้าไปแล้วเหรอ แกจะไปมีเงินมากมายขนาดนั้นได้ยังไง ฉันว่าแกจงใจมาทำให้เรื่องวุ่น คนอย่างแก ต้องไล่ออกไป!”นิรมัทตะโกนใส่รพีพงษ์
ญาดาเองก็มองไปทางรพีพงษ์เองอย่างหมดคำพูด แล้วพูดขึ้น“ทำแบบนี้หมายความว่าไง แกคิดว่าสามแสนล้านมันควักกันออกมาได้ง่ายๆหรือไง แกทำแบบนี้ ยิ่งทำให้ตระกูลลัดดาวัลย์โดนดูถูก ทำให้บ้านลัดดาวัลย์ฉิบหายเร็วขึ้น!”
จิรเวชเองก็มองไปทางรพีพงษ์ แววตาระอุไปด้วยความโกธรแค้นชิงชัง คิดไม่ถึงว่าตระกูลลัดดาวัลย์ที่เขาคิดว่าไม่น่าจะมีน้ำยาต่อกรกับเขาได้แล้ว ตอนนี้ดันตะโกนออกมาว่าสามแสนล้าน
เนื่องจากการทดสอบบ้านลัดดาวัลย์ก่อนหน้า กับการขู่หอการค้าสมน. จิรเวลเองก็ควักเงินไปแล้วไม่น้อย ตอนนี้สองแสนล้านนั้นคือลิมิตของเขาแล้ว ถ้ารพีพงษ์ควักสามแสนล้านจริง ต่อให้กรุ๊ปKINมีส่วนร่วม เขาก็จัดการบ้านลัดดาวัลย์ไม่ได้อยู่ดี ทุกอย่างที่เขาทำ ก็จะเสียของ
และถ้าบ้านลัดดาวัลย์กลายเป็นหุ้นส่วนใหญ่ที่สุด ถึงตอนนั้นกรุ๊ปKINจะจัดการบ้านลัดดาวัลย์อยู่หรือไม่ก็ต้องว่ากัน
“ก่อนหน้าผมเคยได้ทำการสำรวจแล้วว่า บ้านลัดดาวัลย์ไม่สามารถควักกระแสเงินสดสามแสนล้านนี้ได้ นอกจากจะขายทรัพย์สินทั้งหมดของบ้านลัดดาวัลย์ แต่ว่าถ้าขายทรัพย์สมบัติทิ้ง ก็จะไม่มีศักยภาพในการร่วมโครงการแล้ว ต่อให้เป็นหุ้นใหญ่ที่สุด ก็ขายหน้าเปล่าๆ”
“คราวที่แล้วที่ทดสอบบ้านลัดดาวัลย์ เขาสามารถแก้ไขไปได้อย่างสบายๆ ก็อยู่เหนือความคาดหมายแล้ว งั้นก็คงเป็นไพ่ใบสุดท้ายของเขาแล้วมั้ง เพราะฉะนั้นตอนนี้ไม่สามารถควักสามแสนล้านออกมาได้แน่นอนที่ทำแบบนี้คงเพราะต้องการจะปั่นป่วนนั่นเอง
จิรเวชวิเคราะห์สถานการณ์รพีพงษ์อย่างจริงจัง ยืนยันว่ารพีพงษ์ควักสามแสนล้านออกมาไม่ได้หรอก ตอนนี้ยืนออกมา เกรงว่าน่าจะถึงจุดแตกหัก อย่างไรเสียการทำแบบนี้ต่อให้ไม่ได้ร่วมมือกันจริงๆ ก็พอยั่วจิรเวชได้บ้าง
คิดมาถึงตรงนี้ จิรเวชก็ยิ้มเย็นชาใส่รพีพงษ์ รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ตนเองควบคุมได้ เดี๋ยวพอตกลงเรื่องผู้ร่วมมือสามคนได้ ก็คงต้องมีการประชุมตกลงการลงเงินทุน ถึงเวลานั้นรพีพงษ์คงจะหมดท่าไปเอง ดังนั้นจิรเวชไม่ต้องเป็นกังวลอะไรมาก
แน่นอนว่าอีกสาเหตุหนึ่งที่เขาคิด เพราะว่าสองแสนล้านนั้นคือลิมิตของเขาแล้ว ต่อให้รพีพงษ์ควักสามแสนล้านออกมาได้จริงๆ เขาก็คงจะได้แต่มองตาค้าง ทำอะไรไม่ได้
ทุกคนในงานก็ไม่มีใครคิดว่ารพีพงษ์จะควักสามแสนล้านออกมาได้ ตั้งแต่ที่เขานั่งรถแท็กซี่มาที่นี่ละ แล้วยังสารรูปตอนกินข้าวที่นี่เพราะไม่ได้กินข้าวมาจากบ้านอีก ดูท่าเขาน่าจะป่วนงานมากกว่า
“ตระกูลลัดดาวัลย์นี่ไม่รักษาหน้าตากันแล้วหรือไงนะ เริ่มตะโกนตัวเลขมั่วซั่วละ เขาคิดว่าทำแบบนี้ จะกู้สถานการณ์บ้านลัดดาวัลย์ได้เหรอ น่าตลกสิ้นดี”
“กระแสเงินสดสามแสนล้านนะ มันเป็นตัวเลขดาราศาสตร์ไปแล้ว นอกจากขายสมบัติบ้านลัดดาวัลย์ให้หมด ต่อให้จะขาย ก็คงไม่จบในวันสองวันหรอก เขาจะต้องโกหกคำโตแน่ๆ”
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา ชื่อเสียงของตระกูลลัดดาวัลย์ในเกียวโต ก็ฉาวโฉ่ไปหมดแล้ว เดี๋ยวพอผู้รับผิดชอบยืนยันสมบัติบ้านลัดดาวัลย์แล้ว กลัวว่าจะโมโหเข้า รวมกับการตอกย้ำของกรุ๊ปKINอีก ตระกูลลัดดาวัลย์จบเห่แน่”
……
นิรมัทกับญาดาเดินกลับมายืนข้างจิรเวช โยษิตาเองก็ขมวดคิ้วขึ้น เธอหันไปมองจิรเวช ถามขึ้นว่า“ตอนนี้พวกเราทำไงดี ผู้ร่วมหุ้นใหญ่ จะให้บ้านลัดดาวัลย์คว้าไปไม่ได้”
จิรเวชยิ้มขึ้นมุมปากอย่างเย้ยหยัน พูดขึ้น“สบายใจเถอะ มันก็แค่สร้างภาพไปงั้นเอง คิดว่าเงินสามแสนล้านควักกันได้ง่ายๆหรือไง ที่ฉันไปตรวจสอบบ้านลัดดาวัลย์ก่อนหน้าไม่ผิดแน่ มันควักเงินจำนวนนี้ไม่ออกหรอก”
โยษิตาพยักหน้า พูดขึ้นว่า“ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ งั้นวันนี้คงจะเป็นจุดจบของตระกูลลัดดาวัลย์”
นิรมัทกับญาดาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ในหัวกำลังนึกภาพรพีพงษ์ที่กำลังทุลักทุเล
ถ้าจะดูจากผลตรวจสอบของจิรเวช ตอนนี้ตระกูลลัดดาวัลย์ควักเงินจำนวนนี้ออกมาไม่ได้จริงๆ แต่พวกเขาไม่รู้ว่า รพีพงษ์เพิ่งกลับมาจากเทือกเขากิสนา ตอนนี้เขาได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังเทือกเขากิสนาเต็มที่ สามแสนล้านสำหรับเทือกเขากิสนาแล้ว มันจิ๊บจ๊อยมาก
หลังจากที่รพีพงษ์พูดจำนวนเงินทุนออกไป ก็ไม่มีใครในงานกล้าเสนอราคาอีก ทุกคนรู้ดีว่า จำนวนเงินที่ต่ำกว่าห้าพันล้านนั้น ไม่มีความหมายอะไรอีกต่อไป
“ถ้าไม่มีใครเสนอจำนวนเงินทุนต่อ งั้นผมจะเลือกจำนวนผู้ร่วมทุนจากจำนวนเงินทุนสูงสุดสามอันดับนะครับ เดี๋ยวรอยืนยันตัวเลขแล้ว ก็จะยืนยันว่าผู้ร่วมทุนทั้งสามท่านเป็นใครนะครับ”ไกรเดชเห็นไม่มีใครเสนอจำนวนเงินต่อ จึงป่าวประกาศออกไป
จากนั้นคนที่รับผิดชอบจดบันทึกจึงหยิบรายชื่อออกมาตรงหน้าไกรเดช ให้ไกรเดชพิจารณา
ทุกคนรู้แก่ใจแล้วว่าผู้ร่วมทุนทั้งสามในวันนี้เป็นใคร
ตระกูลลัดดาวัลย์สามแสนล้าน กรุ๊ปKINสองแสนล้าน หอการค้าสมน.หนึ่งแสนล้าน ใน งานนอกจากสามคนนี้แล้ว ก็มีนักธุรกิจเกียวโตคนหนึ่งที่ค่อนข้างมีชื่อในเกียวโตเสนอไปห้าหมื่นล้าน ส่วนที่เหลือคงไม่มีหวังแล้วล่ะ
แน่นอนว่า รพีพงษ์จะมีสามแสนล้านจริงมั้ย ทุกคนยังคงสงสัย เดี๋ยวรอไกรเดชยืนยันมาแล้ว ผลสรุปก็คงจะออกมาวันนี้แหละ
หลังจากที่ไกรเดชดูรายชื่อ จึงกำชับคนๆนั้นไปสองสามคำ ในเวลาไม่นาน คนๆนั้นก็พาชายสวมสูทที่เป็นสมุห์บัญชีเดินมุ่งหน้าไปหาธีรศานติ์ จิรเวชและรพีพงษ์
จิรเวชหันไปแลบลิ้นปลิ้นตาใส่รพีพงษ์ เขาอยากจะรอดูสีหน้ารพีพงษ์ในตอนที่ไกรเดช ประกาศผลออกมา
ทั้งสามต่างเข้าไปในห้องคนละห้อง เพื่อทำการยืนยันทรัพย์สิน
ทุกคนต่างก็รอประกาศผลอย่างใจจดใจจ่อ ที่สำคัญที่สุด ทุกคนอย่างรู้ว่ารพีพงษ์สามารถควักสามแสนล้านออกมาได้จริงๆหรือเปล่า ในบรรดาคนเหล่านั้น หลายคนกำลังรอหัวเราะเยาะรพีพงษ์อยู่
“รพีพงษ์สร้างภาพแน่นอน เดี๋ยวรอพวกเขาออกมา คงมีเรื่องสนุกให้ดูชม ตอนที่โดนไอ้บ้ารพีพงษ์ไล่ออกจากบ้านลัดดาวัลย์ ฉันรอวันนี้มานาน ดูท่ารพีพงษ์มันคือสวะจริงๆ พอรับช่วงบ้านลัดดาวัลย์มาได้ไม่นานเท่าไหร่ บ้านลัดดาวัลย์ก็ตกอยู่ในสภาพแบบนี้แล้ว”นิรมัทพูดพลางยิ้มให้กับญาดาที่ยืนข้างๆ
“ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าตอนแรกฉันมองเขาผิดไป คนที่สักแต่โม้โอ้อวดคำโต ไม่มีอะไรน่าสนใจจริงๆด้วย เทียบกับคุณชายจิรเวชแล้ว ต่างกันลิบลับ”ญาดาเหน็บแนม
ผ่านไปสักสิบนาที สมุห์บัญชีทั้งสามก็ออกมา เดินสาวเท้าไปหาไกรเดช ทุกคนเห็นสภาพการณ์ จึงรีบกุลีกุจอขึ้น
รพีพงษ์ จิรเวช และธีรศานติ์เองต่างเดินออกมาจากห้อง จิรเวชหันไปมองรพีพงษ์ ยิ้มแล้วพูด“บางที การโม้ก็ต้องมีขีดจำกัดนะ น่าจะยืนยันออกมาแล้วสินะว่าแกไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น แกทำแบบนี้ มีแต่จะทำให้บ้านลัดดาวัลย์เสียชื่อ”
รพีพงษ์ยักไหล่ให้จิรเวช แล้วพูด“ไม่เข้าใจว่ากำลังพูดอะไร”
จิรเวชแค่นเสียงพูด“อีกไม่นานก็ประกาศผลแล้ว จะคอยดูว่าจะเสแสร้งต่อไปได้มั้ย!”
พูดจบ เขาจึงเดินไปทางโยษิตา
รพีพงษ์กับธีรศานติ์สบตากัน ทั้งคู่ยิ้มกันอย่างหยอกล้อ จากนั้นจึงเดินไปใจกลางห้องโถง
เมื่อกี้ตอนอยู่ในห้อง สมุห์บัญชีแทบไม่ได้ตรวจสอบทรัพย์สินของรพีพงษ์กับธีรศานติ์ เป็นเรื่องที่ถูกจัดฉากไว้เรียบร้อยแล้ว
ธีรศานติ์กับรพีพงษ์ไม่ต้องควักเงินออกมาจริงๆ คนที่ต้องได้รับการยืนยันทรัพย์สิน มี เพียงแค่จิรเวชคนเดียวเท่านั้น
นี่เป็นแผนที่ไกรเดชวางขึ้นเพื่อให้บ้านลัดดาวัลย์ได้รับประโยชน์ แล้วก็เป็นวิธีที่ทำให้กรุ๊ปKINคายเงินทั้งหมดออกมาได้
ผู้ร่วมหุ้นทั้งสาม กำหนดผลประโยชน์โดยเงินทุนที่ลงไป ถ้าหากมีการขัดแย้งกันทางผลประโยชน์ ก็จะใช้วิธีการลงมติ สามเสียงได้คนละเสียง เพียงแค่มีสองเสียงที่เห็นด้วย ก็ จะลงมติเอกฉันท์
คะแนนเสียงของธีรศานติ์ ก็เท่ากับคะแนนเสียงของรพีพงษ์นั่นแหละ ดังรพีพงษ์จึงมั่นใจว่า จะสามารถคุมเกมในครั้งนี้ได้
แบบนี้ ต่อให้จิรเวชเอาเงินออกมา ก็ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจอะไรได้อยู่ดี ก็ไม่ต่างอะไรจากควักเงินลงทุนเปล่าๆนั่นแหละ
และผลประโยชน์ในวันหน้า รพีพงษ์เองก็ไม่ได้สนใจ เขาเชื่อว่า จิรเวชคงจะไม่รอจนได้ ผลกำไรกลับคืนมาหรอก ก็คงหายหน้าไปจากเมืองนี้แล้ว
รพีพงษ์ไม่ให้เวลาอะไรเขามากมาย
จิรเวชเองก็คงคิดไม่ถึงเช่นกันว่า งานเลี้ยงในค่ำคืนวันนี้ เป็นกับดักที่ซ้ำเติมเขาดีๆนี่เองแม้แต่ผู้รับผิดชอบโครงการบูรณะเมืองเก่า ก็ยังเป็นคนของรพีพงษ์ จิรเวชต่อให้เก่งกาจแค่ไหน ก็ต่อต้านรพีพงษ์ไม่ไหวหรอก
ไกรเดชฟังสมุห์บัญชีทั้งสามรายงานอย่างเอาการเอางาน จากนั้นจึงพยักหน้า แสดงสีหน้าง่วนออกมา เป็นภาพที่เขาสร้างให้จิรเวชดู เขาจงใจแสดงออกมา แม้ว่าจะเป็นการ แสดงละคร แต่ก็แสดงได้สมบทบาท
“ทุกท่านครับ ผลของทั้งสามท่านออกมาแล้วนะครับ”
ทุกคนต่างเห็นสีหน้านิ่วคิ้วขมวดของไกรเดช จนแทบจะยืนยันกันได้ว่า รพีพงษ์โกหก เขาไม่มีเงินสามแสนล้านนี่สักหน่อย
“ดูจากสีหน้าของผู้รับผิดชอบโครงการ คงรู้แหละว่ารพีพงษ์หลอก การโกหกต่อหน้าผู้รับผิดชอบเช่นนี้ รพีพงษ์รนหาที่ตายชัดๆ เรื่องของวันนี้ ได้บทสรุปแล้วล่ะ”จิรเวชพูดอย่างลำพองใจ
ในตอนนี้สีหน้านิ่วคิ้วขมวดของไกรเดชได้คลายลง หากแต่เป็นรอยยิ้มเข้ามาแทนที่
“ผู้ร่วมหุ้นทั้งสามท่านไม่มีข้อสงสัยใดๆนะครับ ตระกูลลัดดาวัลย์ลงเงินมากที่สุด ดังนั้นหุ้นใหญ่ของโครงการในครั้งนี้ก็คือตระกูลลัดดาวัลย์ ส่วนกรุ๊ปKIN กับหอการค้าสมน.จะเป็นผู้ลงทุนเสริมจากตระกูลลัดดาวัลย์นะครับ เพื่อสร้างความสำเร็จให้กับโครงการร่วมกันครับ!”
ผู้คนตกตะลึงกันไปทั่วห้อง ต่างมองไปทางรพีพงษ์ด้วยสายตาที่เหลือเชื่อ