พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่550 เข้าใจผิด
บทที่550 เข้าใจผิด
คอนโดเช่ารวม
รพีพงษ์เดินมาถึงประตูหยิบมือถือ เปิดประตู เดินเข้าไปด้านใน
ท่าทีของอารียาวันนี้ที่มีต่อเขาทำให้เขารู้สึกไม่ดี เมื่อนึกถึงภรรยาของตนที่มองว่าตนเป็นคนแปลกหน้า แล้วยังรู้สึกว่าตนคือสิบแปดมงกุฏอีก จะแจ้งตำรวจมาจับอีก ไม่ว่าจะเป็นใครก็รับไม่ได้
ในสถานการณ์แบบนี้ รพีพงษ์ไม่สามารถพาอารียาไปตอนนี้ได้ อย่างน้อย เขาต้องจัดการกับตระกูลพงศ์ธนธดาให้เรียบร้อยเสียก่อน มีเพียงวิธีนี้ เขาจึงจะสามารถมีโอกาสในการพูดคุยกับอารียามากขึ้น แล้วถ้าจัดการกับตระกูลพงศ์ธนธดาได้แล้ว ก็สามารถให้ชลาธิปพูดเรื่องเหล่านั้นที่ปกปิดอารียาออกมาได้
เรื่องนี้เป็นเรื่องรีบร้อน เมืองเซี่ยงไฮ้ไม่ใช่ถิ่นของรพีพงษ์ เขาต้องขอความช่วยเหลือจากวิไลพรเพื่อต่อกลอนกับตระกูลพงศ์ธนธดา ดังนั้นจึงต้องไปปรึกษาวิไลพรเรื่องนี้
ด้วยเหตุนี้ รพีพงษ์จึงตัดสินใจออกจากคอนโดเช่าร่วม ไปอยู่ที่บริษัทของวิไลพร แบบนี้ก็จะง่ายต่อการสื่อสารกับวิไลพร
ถึงแม้วิไลพรจะคิดกับคุณชายเทือกเขากิสนาเลยเถิดไปสักนิด แต่ถ้ายั่วยวนสักหน่อย แน่นอนว่าผู้ชายจำนวนไม่น้อยทนไม่ได้แน่ๆ แต่รพีพงษ์ก็ไม่มีทางออกอื่นนอกจากทำแบบนี้
ที่เขามามหาวิทยาลัยฟูตันก็เพื่อหาอารียา ปัจจุบันแน่ชัดแล้วว่าอารียาอยู่ในตระกูลพงศ์ธนธดา เขาไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอยู่ที่มหาวิทยาลัยฟูตันอยู่อีกต่อไป
เกี่ยวกับคลาสอบรมนั้น จะเรียนหรือไม่เรียนก็ได้ ถึงเวลานั้นถ้ามีเวลา บางทีเขาอาจมาเรียน ถ้าไม่มีเวลา ก็ช่างมัน
ภาระกิจที่สำคัญ คือคิดหาวิธีจัดการกับตระกูลพงศ์ธนธดาก่อน ให้ชลาธิปพูดความจริงกับอารียา จากนั้นค่อยช่วยอารียาฟื้นฟูความทรงจำ
เขาเดินเข้าไปในคอนโด เห็นนิษฐากำลังคุยอยู่กับเยาวเรศ ประตูเปิดออก ทั้งสองก็เงียบลง แล้วหันหน้ามองรพีพงษ์
หลังจากที่รพีพงษ์เดินเข้าไปแล้วนั้น นิษฐารีบลากเยาวเรศขึ้น จ้องไปที่รพีพงษ์ด้วยสายตาเตือน จากนั้นก็ยืนหลังโซฟา อยู่ออกห่างรพีพงษ์ไว้
รพีพงษ์เห็นปฏิกิริยาของทั้งสอง ก็ไม่พูดอะไร เดินเข้าไปในตึกโดยตรง เก็บข้าวของ ของตนเอง
นิษฐารอรพีพงษ์ขึ้นไปชั้นบน แล้วผ่อนคลาย แล้วพูดกับเยาวเรศอย่างระวังว่า “จิมมี่ฉันจะบอกอะไรให้นะ ฉันมั่นใจสุดๆว่า ไอ้นี่มันตีกับคนของตระกูลพงศ์ธนธดา ฉันเห็นกับตา แกคิดว่าตระกูลพงศ์ธนธดาจะปล่อยมันไปไหม”
เยาวเรศขมวดคิ้วมองไปที่นิษฐา แล้วถาม “แต่ฉันเพิ่งจะได้ยินมาจากที่มหาลัยว่ารพีพงษ์บริจาคเงินให้มหาลัยของเราพันล้านนะ คนแบบนี้ จะตีคนโดยไร้เหตุผลได้ไงกัน?”
“ถูกที่ไอ้นั่นมันบริจาคเงินให้มหาลัยพันล้าน แต่นี่แหละเป็นเหตุผลที่เขาลงมือกับตระกูลพงศ์ธนธดา เขาคิดว่าตัวเองมีฐานะ ดังนั้นจึงตระกูลพงศ์ธนธดาจึงไม่อยู่ในสายตาเขา วันนี้คนของตระกูลพงศ์ธนธดามาพูดคุยกับเขา ผลลัพธ์คือเขาไม่รู้อะไรก็เริ่มตบเค้าเลย ตบจนคนนั้นร้องอย่างครวญคราง ใช่ ตอนนั้นฉันถ่ายรูปไว้ด้วย”
นิษฐาพูดพลาง ก็หยิบมือถือขึ้นมา ให้เยาวเรศดู ในรูปเป็นรพีพงษ์ตบขนมปังอยู่จริงๆ
ความจริงนิษฐายังแอบถ่ายคลิปไว้ด้วย แต่ถ่ายคลิปมีเสียง เมื่อได้ยินจะรู้ในทันทีว่ารพีพงษืไม่ได้ตบอย่างไร้เหตุผล ดังนั้นนิษฐาจึงตัดสินใจไม่ให้คนอื่นดูคลิปนั้น
เยาวเรศเห็นรูปนั้น ก็คาดไม่ถึง ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะตบคนได้
“ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะเป็นคนแบบนี้” เยาวเรศพึมพำ
“ดังนั้น พวกเราให้เขาอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว วันนี้เขายั่วโมโหตระกูลพงศ์ธนธดา แม้เขาจะเอาเงินออกมาเป็นร้อยล้านได้ แต่ก็เทียบกับตระกูลพงศ์ธนธดาไม่ได้ คนของตระกูลพงศ์ธนธดาไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่ๆ ไม่แน่เราทั้งคู่อาจโดนโยงเข้าไปด้วยก็ได้นะ”
“ไอนี่มันหน้าไหว้หลังหลอก แกไม่เห็นหรอว่ามันปฏิบัติกับแกและกับฉันต่างกันอยู่ แสดงว่ามันคิดอะไรอยู่ แล้วมันยังตบคนแบบไร้เหตุผลอีก ถ้าให้มันอยู่กับเราต่อไป จะเป็นอันตรายอย่างมาก”
เยาวเรศเชื่อคำพูดของนิษฐา ตอนนี้เธอคิดว่า ถ้ายังไปมาหาสู่กับรพีพงษ์อยู่ล่ะก็ จะต้องอันตรายแน่ๆ ดังนั้นจึงพยักหน้าให้นิษฐา
เธอเห็นฝีมือของรพีพงษ์มาแล้ว ถ้ารพีพงษ์ทำอะไรพวกเธอทั้งสองล่ะก็ ทั้งคู่ไม่มีทางต่อต้านได้เลย
เห็นเยาวเรศเปลี่ยนความคิด นิษฐาก็ยิ้มออกมา แล้วกล่าวต่อว่า “ในเมื่อแกเห็นด้วย งั้นเดี๋ยวเราไปพูดกับมันให้รู้เรื่อง ให้มันย้ายออกไป”
ไม่นาน รพีพงษ์ก็เก็บของเสร็จ เดินลงจากชั้นบน
เขาไม่มีของอะไรที่ต้องเอาไปมากนัก เอาไปเพียงแค่เครื่องใช้ที่จำเป็นใส่ในกระเป๋าเท่านั้น แล้วหยิบลงมา
นิษฐาเห็นรพีพงษ์ลงมา ก็สูดหายใจลึกๆ เดินไปที่รพีพงษ์
“รพีพงษ์ ฉันปรึกษากับจิมมี่แล้ว ที่แกลงมือกับคนของตระกูลพงศ์ธนธดา ตระกูลพงศ์ธนธดาไม่มีทางปล่อยแกไว้แน่ ถ้าแกยงอยู่ที่นี่ต่อไปล่ะก็ พวกเราทั้งสองจะต้องโดนไปด้วยแน่ๆ ดังนั้นเราทั้งคู่จึงตัดสินใจให้แกย้ายออกไป พวกเราเป็นผู้หญิง ถ้าแกยังมีจิตใจดีอยู่บ้าง ก็ตอบรับพวกเราเถอะ” นิษฐากล่าว
ความจริงรพีพงษ์ตัดสินใจจะบอกทั้งคู่ ว่าเขาจะย้ายออกไปแล้ว ไม่คาดคิดว่านิษฐาจะรีบขนาดนี้ ไล่เข้าออกไปก่อน
เขาหันหน้ามองไปที่เยาวเรศ พบว่าสายตาของเยาวเรศที่มองเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว นัยน์ตาที่สดใส กลับเปลี่ยนเป็นความเกลียดชัง แล้วยังมีความรังเกียจและความขยะแขยงที่อธิบายไม่ได้รวมเข้าไปอีกด้วย
ไม่ต้องคิดก็รู้ น่าจะเป็นเพราะนิษฐาพูดอะไรให้เยาวเรศฟังอีกแน่นอน
เมื่อคิดถึงที่เรื่องของอารียา แล้วยังมีตอนนี้ที่เยาวเรศมีท่าทีที่เปลี่ยนไปต่อเขาอีก ความรู้สึกเข้าใจผิดแบบนี้ ทำให้เขารู้สึกไม่โอเคเป็นอย่างมาก
แต่เขาก็จะออกไปจากที่นี่แล้ว ดังนั้นจึงไม่อยากอธิบายอะไรอีก
เขาจ้องไปที่นิษฐา แล้วกล่าว “ผมก็อยากจะพูดกับพวกคุณอยู่พอดี ผมจะไปจากที่นี่แล้ว ห้องนี้เป็นห้องที่รุ่นพี่ชาของพวกคุณเช่าให้ผม รบกวนคุณบอกเธอให้ด้วย”
นิษฐาและเยาวเรศได้บินคำพูดของรพีพงษ์ ก็ชะงัก ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะออกไปเอง
“เหอะ ถือว่าแกยังรู้ข้อผิดพลาดของตัวเอง ฉันจะบอกพี่ชาให้ แกรีบไปเถอะ แล้วไม่ต้องกลับมาอีก” หลังจากที่นิษฐาตอบกลับมา ก็เหลือแค่ความสบายใจ
รพีพงษ์ไม่ลังเลใดๆ สะพายกระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องไป
นิษฐารีบเดินไปปิดประตู จากนั้นก็ยิ้มด้วยรอยยิ้มผ่อนคลาย แล้วกล่าว “สุดท้ายเอาไอ้ตัวการนี่ออกไปได้เสียที”
เธอเดินไปยังโซฟา นั่งลงไป แล้วกล่าว “ไอ้นี่มันรู้ว่าตัวเองรนหาเรื่องแล้ว ดังนั้นจึงรีบหนีไป คนแบบนี้ ตอนยโสมักจะลืมตัว แล้วค่อยเสียใจทีหลัง” เยาวเรศถอนหายใจ ในสมองไม่คิดถึงรพีพงษ์อีกต่อไป คิดเพียงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เท่านั้น