พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่565 วางยา
บทที่565 วางยา
ในร้านอาหารตะวันตกแห่งหนึ่ง
รพีพงษ์กับวิไลพรนั่งลงที่โต๊ะ ชาวต่างชาติสวมสูทท่าทางโก้คนหนึ่งกำลังสีไวโอลินอยู่ข้างๆ บรรยากาศของร้านอาหารนั้นสะดวกสบาย ทำให้ผู้มานั่งรู้สึกสบายอารมณ์
“เด็กสาวที่ชื่อเยาวเรศฉันเห็นว่าไม่เลวนะคะ สุดท้ายก็เลยตัดสินใจรับไว้ คิดไม่ถึงว่าเธอจะปฏิเสธ คงกลัวว่าจะโดนเถ้าแก่กินมั้งคะ”วิไลพรพูดพลางหัวเราะขบขัน
“ทุกคนมีความต้องการในรูปแบบของตัวเองมั้ง เธอจะเลือกเส้นทางไหนก็เป็นเรื่องของเธอ ไม่เกี่ยวกับผมนี่นา”รพีพงษ์พูดขึ้น
“คุณนี่มันน่าเบื่อจริงๆ คุยกับคุณ ฉันเพิ่งเข้าใจนี่เองว่าอะไรเรียกว่าคุยจนฟ้าถล่ม”วิไลพรเปิดปากพูด
รพีพงษ์ยักไหล่ ดูไม่ยี่หร่าในความเห็นของวิไลพรที่แสดงต่อเขา
“คุณชายตระกูลธาดาวรวงศ์กลับมาแล้ว คนนี้ชื่อฉัตรพล เป็นนักสู้ที่บ้าคลั่งคนหนึ่ง ที่เขาหายไปไม่กี่ปี เขาไปเรียนวิชากับอาจารย์ที่ประเทศประเทศญี่ปุ่น”วิไลพรครุ่นคิด แล้วเบี่ยงประเด็น
“ไม่ว่าเป็นใคร ที่ขัดแย้งความคิดของเมียผม อย่าว่าแต่จะเป็นปรมาจารย์มาจากไหนเลย ต่อให้เป็นจอมยุทธ์วัดเส้าหลิน ผมก็จะกำราบให้ศิโรราบ”รพีพงษ์ยิ้ม สำหรับเรื่องการต่อสู้แล้ว เขามีความมั่นใจเสมอมา
“พอฉัตรพลกลับมา ก็เริ่มมาปรากฏตัวตามสถานที่ต่างๆในเมืองเซี่ยงไฮ้ อีกอย่างเขาเป็นคนมีศักยภาพมาก จนบัดนี้ยังไม่มีใครล้มเขาได้สักคน ถ้าคุณมั่นใจในศักยภาพตัวเองขนาดนั้น ก็ลองไปซัดกับเขาสักตั้งดูสิ”วิไลพรหยอกเย้า
“ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา รอได้เวลาสุกงอมก่อน ผมจะสั่งสอนเขาเองว่าอะไรเรียกว่าศักยภาพ”รพีพงษ์ตอบคำถาม“เรื่องที่ผมจัดแจงให้เป็นอย่างไรบ้าง”
วิไลพรหัวเราะร่าพูดขึ้น“คุณวางใจงานที่ฉันทำเถอะ การจัดการในคราวนี้ รับรองว่าเพียงพอต่อความต้องการของตระกูลธาดาวรพงศ์ ตอนนี้ก็แค่รอเวลาสุกงอมอย่างที่คุณพูดนั่นแหละ”
รพีพงษ์พยักหน้า กินเสต็กเนื้อในจานไปจนหมด
เวลานี้เองเสียงข้อความในมือถือของวิไลพรดังขึ้นหลังจากที่เธอก้มลงดู จึงยื่นให้รพีพงษ์
“คนที่คุณพร่ำพรรณาถึงกำลังจะออกจากบ้านแล้ว คุณไม่ไปคุ้มครองสักหน่อยหรือ”
รพีพงษ์จ้องดูมือถือของวิไลพร พอเห็นเขียนว่าอารียากับขนมปังออกจากบ้านพงศ์ธนธดาแล้ว และดูเหมือนกำลังจะไปเดินเล่นที่จตุรัสถนนคนเดิน
หลังจากที่รพีพงษ์กลับมาจากบ้านพงศ์ธนธดา ก็ได้จัดคนสะกดรอยตามนานแล้ว เพียงแค่อารียาออกจากประตูบ้าน ก็จะรีบรายงานทันที
รพีพงษ์หยิบกระดาษขึ้นมาเช็ดปาก เขาไม่ได้พูดอะไรกับวิไลพร ก็ก้าวฉับๆออกจากร้านอาหารไป
วิไลพรรู้อยู่แล้วว่ารพีพงษ์จะไปทำอะไร จึงรู้สึกเคืองขึ้นมานิดๆ บ่นพึมพำ“จะไปก็ไม่บอกไม่กล่าว น่าโมโหจริง”
หลังจากที่ได้สมาคมกับรพีพงษ์มาพักใหญ่ วิไลพรก็พอจะคลำทางนิสัยของรพีพงษ์ได้ถูก เธอใช้ลูกไม้ของตัวเอง เพื่อให้รพีพงษ์ระวังตัวกับเธอน้อยที่สุด ไม่อย่างนั้นวันนี้คงไม่ได้มานั่งกินอาหารฝรั่งกันแบบนี้อยู่สองคนหรอก
เดิมทีรพีพงษ์ที่ลดความระวังตัวกับวิไลพรจะคุยกับเธอให้มากหน่อย แต่ขอแค่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับอารียา วิไลพรก็จะหมดความหมายในสายตารพีพงษ์ไปทันที ทำให้วิไลพรรู้สึกขัดใจ
เธอมองดูรพีพงษ์ก้าวฉับๆออกไปจากร้านอาหาร เธอจือปากงอนตุ๊บป่องราวกับสาวน้อยก็ไม่ปาน แววตาระคนไปด้วยความหึงหวง
……
จตุรัสคนเดินถนน
หลังจากที่รพีพงษ์มาถึง ก็เริ่มที่จะมองหาเงาของ อารียา และก็เพื่อไม่ให้อารียาจำเขาได้ เขาก็ได้ซื้อหมวกแก๊ปมาใบหนึ่ง
ตอนนี้อารียาเข้าใจรพีพงษ์ผิดไม่น้อย ดังนั้นรพีพงษ์จึงได้แต่แอบตามอารียา เพราะถ้าประจัญหน้ากันตรงๆ อารียาก็จะสะบัดก้นหนี
เดินวนจตุรัสถนนคนเดินอยู่รอบหนึ่ง รพีพงษ์ไม่เห็นอารียาแม้แต่น้อย ในใจคิดอยู่ว่าอารียาออกมาเดินเล่น น่าจะไปในที่ๆคนไม่มาก เขาจึงเบนทิศเดินไปทางสวนสาธารณะของจตุรัสคนเดินถนน
ในตอนที่เดินไปครึ่งทาง รพีพงษ์จึงเดินเข้าไปในร้านขายชานม เขาเห็นเงาที่คุ้นเคย เป็นสาวใช้ต้นห้องของอารียา ขนมปังนั่นเอง
เขาจึงรีบเดินไปแถวร้านชานม ในเมื่อขนมปังอยู่นี่ อารียาก็น่าจะอยู่แถวๆนี้
แต่ดูอยู่นานสองนาน รพีพงษ์ก็ยังไม่เห็นเงาของอารียาเลยแม้แต่น้อย
เขาเองก็ไม่ได้ร้อนใจอะไรนัก ในเมื่อหาขนมปังเจอแล้ว เดี๋ยวค่อยๆสะกดรอยตาม ไป ก็คงจะหาอารียาเจอเอง
เขาก็เลยรออยู่แถวๆร้านชานม รอจนขนมปังถือชานมออกมาสองแก้ว เขากดหมวกลง เพื่อบังหน้า แล้วค่อยๆย่องตามไป
ขนมปังเดินไปทางสวนสาธารณะจริงๆ เพียงแต่เดินไปในทิศทางที่ไม่มีคน ขนมปังหันไปมองรอบๆทิศ เดินไปที่ม้านั่งตัวหนึ่ง วางชานมสองแก้วลง เปิดฝาแก้วหนึ่งขึ้น หยิบซองๆหนึ่งออกมา แล้วเทผงลงไปในแก้ว
พอเห็นภาพนี้รพีพงษ์จึงขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าขนมปังเทอะไรลงไป
ถ้าเดาไม่ผิด ชานมแก้วหนึ่งคงจะส่งให้อารียาดื่ม รพีพงษ์แน่ใจว่า ขนมปังคงจะไม่ดื่ม แก้วที่ตัวเองเทอะไรลงไปแน่นอน
การที่ได้สัมผัสก่อนหน้าทำให้รพีพงษ์รู้สึกว่าขนมปังไม่น่าจะใช่คนดีอะไร เขามั่นใจว่าขนมปังคงไม่ได้ใส่ยาบำรุงความทรงจำให้กับอารียาแน่นอน
หรือว่าชลาธิปจะรู้ตัวว่าตัวเองต่อกรกับรพีพงษ์ไม่ไหว แต่ก็จะตัดมิตรกับตระกูลธาดาวรวงศ์ไม่ได้ ความลำบากสองอย่างนี้ จึงคิดจะวางยาอารียา แล้วค่อยหาเหตุผลว่าอารียา เกิดอุบัติเหตุ แบบนี้ก็ตัดสิ่งกวนใจออกไปได้
แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร รพีพงษ์ไม่มีทางให้อารียาดื่มชานมแก้วนี้แน่นอน
ขนมปังมาถึงสวนสาธารณะได้ไม่นาน รพีพงษ์เห็นอารียานั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวใต้ต้นไม้ตัวหนึ่ง ในมือประคองหนังสือเล่มหนึ่งก้มหน้าอ่าน
ขนมปังยื่นชานมส่งให้อารียาตรงหน้า ใบหน้าพกพารอยยิ้มธรรมชาติ พูดขึ้น“คุณหนูคะ ชานมค่ะ ชานมร้านนี้ขึ้นชื่อมากเลยนะคะ รับรองว่าคุณหนูดื่มแล้วจะติดใจ”
พูดพลางขนมปังยื่นชานมในมือให้อารียา เป็นแก้วที่เธอเทของใส่ลงไปแก้วนั้น
อารียารับแก้วชานมไป ใบหน้าส่งยิ้ม พูดขึ้น“หอมจังเลยนะ แม้ว่าฉันจะจำไม่ได้ว่าก่อนหน้าฉันชอบชานมหรือเปล่า แต่ว่ากลิ่นนี้น่ะทำให้ฉันรู้สึกอยากดื่มมันขึ้นมาทันทีเลย”
ขนมปังยิ้ม แล้วพูดขึ้น“เมื่อก่อนคุณหนูก็ชอบดื่มค่ะ บางทีวันหนึ่งดื่มหลายแก้วเลยทีเดียว รีบชิมดูสิคะ ชานมรสนี้เป็นซิกเนเจอร์ของร้านเขาเลยนะคะ”
อารียาพยักหน้า เปิดฝาชานม เตรียมยกขึ้นดื่ม
ในเวลานี้เอง มือหนึ่งยื่นออกมาจากด้านหลังอารียา แล้วแย่งชานมแก้วนั้นไป
“เธอใส่อะไรลงในชาแก้วนี้”รพีพงษ์จ้องขนมปังเขม็ง แววตามีความเยือกเย็นออกมา