พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่568 คงไม่ใช่เขาหรอกมั้ง
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่568 คงไม่ใช่เขาหรอกมั้ง
บทที่568 คงไม่ใช่เขาหรอกมั้ง
คฤหาสน์ตระกูลพงศ์ธนธาดา
รถของชลาธิปขับเข้ามาในลานจอด เขาลงมาจากรถ รู้สึกว่ารอบบ้านวันนี้เงียบเป็นพิเศษ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งลงมาจากรถตามชลาธิป คนๆนี้เป็นบอดี้การ์ดติดตัวของเขา ในบรรดาลูกน้องของตระกูลพงศ์ธนธาดา ฝีมือเขานับว่าอยู่ชั้นต้นๆ
ชลาธิปหันกลับไปมองบอดี้การ์ด ถามขึ้น“นายรู้สึกไหมว่าบรรยากาศในบ้านวันนี้ดูแปลกๆ”
บอดี้การ์ดหันไปมองรอบๆ ยิ้มขึ้น “ดูเงียบไปหน่อยครับ อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้คุณท่านค่อนข้างตึงเครียดก็ได้ครับ”
ชลาธิปถอนใจออกมาอย่างอ่อนใจ รู้สึกว่าบอดี้การ์ดพูดไม่ผิด ช่วงนี้เขาตึงเครียดจริงๆ ทั้งยังต้องห่วงเรื่องดองญาติกับบ้านธาดาวรวงศ์ ยังต้องกังวลเรื่องรพีพงษ์ เหนื่อยใจจริง
เขาเดินเข้าไปในคฤหาสน์ ไม่ห่วงความปลอดภัยของตัวเองแม้แต่น้อย มีบอดี้การ์ดอยู่นี่ ต่อให้รพีพงษ์บุกเข้ามาก็ไม่กลัว
จากที่ผ่านเหตุการณ์คราวที่แล้ว ชลาธิปให้บอดี้การ์ดติดตัวตลอดมา สำหรับเขาแล้ว ศักยภาพรพีพงษ์ไม่เลวนัก แต่คงสู้บอดี้การ์ดของเขาไม่ได้
ทั้งคู่เดินเข้าไปในคฤหาสน์ หลังจากที่ชลาธิปเดินเข้าไป ก็ยังรู้สึกเงียบเชียบ จึงขึ้นไปดูที่ห้องนอนอารียา พอเห็นว่าห้องว่างเปล่า อารียากับขนมปังไม่อยู่
เขาขมวดคิ้ว เขารู้เรื่องที่อารียากับขนมปังออกไปเดินเล่นวันนี้ แต่ว่าเวลาป่านนี้แล้ว ทั้งคู่น่าจะกลับมาได้แล้วนี่นา
ชลาธิปหยิบมือถือออกมา จะโทรหาอารียา จะถามว่าอยู่ที่ไหน ในเวลานี้เอง จู่ๆข้างล่างก็มีเสียงเอะอะขึ้นมา เขารีบวิ่งลงไป คิดจะไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่พอเขาลงมาถึงชั้นล่าง ก็เห็นว่าห้องรับแขกนั้นโล่งสนิท ไม่มีใครเลยสักคน แม้แต่บอดี้การ์ดของเขาก็ไม่รู้ว่าไปไหน
ชลาธิประวังตัวชึ้นมาทันที รู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ปกติ จึงรีบเข้าไปหลบอยู่มุมกำแพง
หยิบไม้เบสบอลออกมา คิดว่าจะเอามาป้องกันตัว
เขาถือไม้เบสบอลแล้วมองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง เขาเดินไปทางหน้าประตู คิดว่าบอดี้การ์ดของตนนั้นน่าจะเดินไปสูบบุหรี่อยู่ที่สนาม
ในจังหวะที่ชลาธิปออกจากประตู จู่ๆก็รู้สึกสันหลังเย็นวาบ จากนั้นก็มีเสียงตามมา“ไปทำอะไร”
ชลาธิปตกใจจนขนลุกซู่ รีบหันหลังกลับ แล้วตวัดไม้เบสบอลในมือไปยังร่างๆนั้น
แต่ว่าไม้เบสบอลยังไม่ทันได้ถูกตัวคน มือนั้นก็คว้าเอาไว้ก่อน แล้วแย่งไป
ชลาธิปกลืนน้ำลายลงคอ จ้องให้ชัดถนัดตา ถึงได้เห็นชัดเจนว่าผู้ที่ยืนอยู่ด้านหลังเป็นใคร
“รพีพงษ์!แกอีกแล้ว แกจะเอายังไงกันแน่!”ชลาธิปตะโกน
รพีพงษ์เคาะไม้กับมือตนเอง ยิ้มแล้วพูดว่า“แน่นอนว่ามาคิดบัญชีกับแก”
ชลาธิปแค่นเสียง แล้วพูดขึ้น“อย่าคิดเข้าข้างตัวเองไปหน่อยเลย บอดี้การ์ดฉันอยู่ที่นี่ เขาเก่งมาก รับมือกับแกได้สบายๆ ฉันแนะแกว่ารีบออกไปจากบ้านฉันตอนนี้เลยดีกว่า อย่ารนหาเรื่องใส่ตัวเลย”
รพีพงษ์ยิ้มขึ้นมาอย่างสดใส จากนั้นชี้นิ้วไปที่คนที่อยู่หลังโซฟา แล้วถามขึ้น“บอดี้การ์ดที่แกพูดถึง คงไม่ใช่เขาหรอกมั้ง”
ชลาธิปเดินไปที่คนๆนั้น สีหน้าเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง คิดไม่ถึงว่าบอดี้การ์ดที่ฝีมือสูงขนาดนี้ โดนรพีพงษ์จัดการเสียราบเลย
เขาได้ยินเสียงขยับเขยื้อนมาจากด้านบนเมื่อครู่ น่าจะเป็นเสียงปะทะฝีมือระหว่างรพีพงษ์กับบอดี้การ์ดของเขา ตอนนี้มาเห็นบอดี้การ์ดของตนนอนพังพาบอยู่บนพื้น ชลาธิปคิด ว่าคงต้องประเมินรพีพงษ์ใหม่
คนๆนี้โรคจิตเกินไป!
เดิมทีเขาคิดว่าบอดี้การ์ดของตนเองนั้นคงจะปะทะฝีมือกับรพีพงษ์ได้สบายๆ คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์เองก็จะซัดบอดี้การ์ดลงหมอบกับพื้นได้สบายๆเช่นกัน
และเมื่อครู่ตอนที่รพีพงษ์ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง ถ้ารพีพงษ์คิดจะฆ่าเขา เกรงว่าเขาน่าจะไปรายงานตัวกับยมบาลแล้วล่ะ
ชลาธิปกลืนน้ำลายลงคอ เขาเป็นประมุขตระกูลพงศ์ธนธาดามานานขนาดนี้ เป็นครั้งแรกที่เขาจะรู้สึกอ่อนเรี่ยวแรง
“ฉันบอกเรื่องแกให้แม่ของฉันฟังแล้ว แม่ไม่เชื่อ เพราะงั้นดูจากปัจจุบัน ฉันก็ไม่มีวิธีอื่น”ชลาธิปเปิดปากพูด
“วันนี้จะมาคุย ไม่ใช่เรื่องนี้ ตอนนี้แคลร์อยู่กับผมแล้ว นับแต่วันนี้ เธอจะปลอดภัย ผมรับประกัน”
รพีพงษ์พูดพลาง เดินไปนั่งลงตรงโซฟา
ชลาธิปขมวดคิ้ว พูดขึ้น“แกหมายความว่าไง แกคิดว่าฉันให้ความปลอดภัยกับแคลร์ไม่ได้งั้นเหรอ ”
รพีพงษ์หัวเราะหึๆ พูดขึ้น“แกนี่นะให้ความปลอดภัยกับเธอ ให้คนเทยาทำแท้งให้เธอกิน นี่ก็นับว่าเป็นการให้ความปลอดภัยด้วยใช่ไหม”
สีหน้าชลาธิปถอดสีโดยพลัน เดินไปหยุดหน้ารพีพงษ์ ถามขึ้น“แกว่าไงนะ ยาทำแท้ง เหรอ”
“อย่ามาเสแสร้งแกล้งทำหน่อยเลย แกสั่งให้สาวใช้ที่ชื่อขนมปังวางยาลงในชานมของแคลร์ ถ้าฉันไม่ไปพบเข้าวันนี้ แกคงรู้แก่ใจว่าผลลัพธ์มันเป็นยังไงสินะ”รพีพงษ์มองชลาธิปด้วยสายตาที่เย็นชา
“แคลร์ท้องลูกของผมอยู่ ต่อให้ไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น แกก็ไม่มีวันหนีความผิดไปได้หรอก!”
ชลาธิปชะงักแล้วลุกลี้ลุกลนขึ้น พูดขึ้นว่า“แกไม่ต้องมาพูดแถไปแถมา!ฉันไม่เคยมีความคิดที่จะแตะต้องลูกในท้องของแคลร์ ฉันกลับให้คนต้มน้ำแกงไปบำรุงครรภ์เธอทุกวันด้วย กลัวว่าเธอจะอ่อนแอแล้วมีผลกระทบต่อเด็กในท้อง จู่ๆแกมาปรักปรำกันแบบนี้ ฉันไม่ยอมรับแน่นอน!”
รพีพงษ์ดูปฏิกิริยาของชลาธิปจึงเข้าใจว่าน่าจะเป็นคำสั่งของคุณนายใหญ่มากกว่า ชลาธิปเองไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย
และพอได้ยินว่าชลาธิปให้ความสำคัญกับเด็กในท้องขนาดนั้น จึงทำให้รพีพงษ์รู้สึกทึ่ง
ในเมื่อแน่ใจแล้วว่าคนที่บงการขนมปังไม่ใช่ชลาธิป รพีพงษ์จึงคุยเรื่องต่อไปกับชลาธิป
“รพีพงษ์ แกคงไม่สุ่มสี่สุ่มห้า หาเหตุผลมาปรักปรำฉัน แล้วหาเรื่องพาแคลร์ไปหรอกนะ”ชลาธิปจ้องมองรพีพงษ์
รพีพงษ์หยิบมือถือออกมา หาคลิป ยื่นให้ชลาธิป
คลิปนั้นเป็นเนื้อหาที่ขนมปังยอมรับว่าคุณนายใหญ่เป็นคนสั่งวางยาแคลร์
หลังจากที่ชลาธิปได้ดูคลิปแล้วจึงขมวดคิ้วขึ้น เขาคิดไม่ถึงว่าคุณนายใหญ่จะทำอะไรแบบนี้
“เรื่องนี้ฉันไม่รู้เรื่องด้วย คุณนายใหญ่กำลังระแวงว่าฉันตุกติกเรื่องดองญาติกับตระกูลธาดาวรวงศ์อยู่ ไม่วางใจฉันแม้แต่น้อย แค่ฉันให้รับผิดชอบจัดงานให้แคลร์กับคุณชายก็เท่านั้น”ชลาธิปพูด
“ไม่ว่ายังไง แกก็เป็นคนบ้านพงศ์ธนธาดาเหมือนกัน ต่อให้แม่แกให้สาวใช้วางยา แกก็หนีความรับผิดชอบนี้ไม่พ้นอยู่ดี ถ้าแกไม่อยากลิ้มรสการสั่งสอนของฉัน ก็มาร่วมมือกับฉัน นี่เป็นทางออกเพียงทางเดียวของแก”รพีพงษ์พูด
“ร่วมมือกับแกเหรอ ทำอะไร”
รพีพงษ์หรี่ตา แล้วพูดขึ้น“กำจัดบ้านธาดาวรวงศ์……แล้วก็แม่งูพิษของแก”