พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่594 เรือสำราญสุดหรู
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่594 เรือสำราญสุดหรู
บทที่594 เรือสำราญสุดหรู
หลังจากคนตรวจตั๋วพูดเสร็จ ก็ออกจากที่นี่อย่างรวดเร็ว
เมื่อประวีร์ทั้งสองคนที่กำลังจ้องมองรพีพงษ์และอารียาเมื่อเห็นฉากนี้ ก็รู้สึกสงสัย ไม่เข้าว่าทำไมจู่ๆคนที่ตรวจตั๋วออกไปอย่างกะทันหัน
“พวกเขาสองคนคงจะไม่ใช่ว่าซื้อตั๋วปลอมมานะ? แล้วถูกเขาจับได้ ตอนนี้เขากำลังไปหาคนมาตรวจสอบ”นีรเดาแล้วพูด
ประวีร์พยักหน้าเห็นด้วย และกล่าวว่า: “เป็นไปได้มาก แม้ว่าตระกูลฉัตรมงคลในเมืองริเวอร์จะถือว่าอยู่ในท้องถิ่น ก็เป็นเพียงตระกูลชนชั้นปานกลางเล็กๆเอง ยิ่งกว่านั้นอารียาก็ไม่เป็นที่ชื่นชอบ แล้วก็มีสามีที่เศษสวะ พวกเขาจะไปเกาะพระจันทร์ได้อย่างไร ไม่แน่ตั๋วพวกเขาจะเป็นของปลอมจริงๆ”
“ตลกสิ้นดี ขึ้นเรือสำราญด้วยตั๋วปลอม พวกเขาสองคนคิดว่าคนบนเรือสำราญเป็นคนโง่หรือไง ไม่แปลกเลยที่ตระกูลฉัตรมงคลในเมืองริเวอร์เป็นตระกูลที่ไร้ความสามารถ มีคนไร้สมองแบบนี้อยู่ ยังไงก็ไม่สามารถจะพัฒนาขึ้นมาได้”นีรก็หัวเราะเยาะเย้ย
เจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วก็กลับมาทันที เขาพาชายที่แต่งตัวดีมาหา มาถึงตรงหน้ารพีพงษ์และอารียา ชายคนนั้นโค้งคำนับให้กับรพีพงษ์และอารียาทันที แล้วพูดว่า: “แขกผู้มีเกียรติทั้งสองท่าน เชิญตามผมมาทางนี้ได้เลยครับ”
รพีพงษ์และอารียาต่างก็พยักหน้า จากนั้นเดินตามชายคนนั้นไปอีกด้านขึ้นเรือสำราญ และตรงไปที่ทางเข้าลิฟต์ โดยข้างบนมีตัวหนังสือไม่กี่คำเขียนว่า “สำหรับลูกค้าวีไอพีเท่านั้น”
“คนเมื่อกี้เขาทำอะไร? ทำไมเหมือนกับว่าทำความเคารพให้พวกเขาสองคนล่ะ?”สีหน้านีรเต็มไปด้วยความสงสัย
ประวีร์ก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไร แล้วพูดว่า: “ในเมื่อนี่คือเรือสำราญของเกาะพระจันทร์ คนทุกคนก็มีมารยาททั้งนั้น ต่อให้ถูกขับไล่ คงจะพูดโน้มน้าวดีๆ ไม่มีอะไรน่าแปลกตรงไหน”
“อย่าไปสนใจพวกเขาเลย พวกเรากำลังจะไปที่ชั้นแปด ซึ่งถือได้ว่าเป็นชั้นที่ค่อนข้างสูงอยู่ แม้ว่าตั๋วของพวกเขาจะเป็นของจริง แต่ก็คงอยู่ชั้นล่างสุด”
นีรพยักหน้าทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวัง
หลังจากที่บริกรแต่งตัวดีพารพีพงษ์และอารียาเข้าไปในลิฟต์แล้ว ก็ยิ้มและพูดว่า: “คุณทั้งสองท่านคือแขกผู้มีเกียรติในการเดินทางครั้งนี้ของไข่มุกของพวกเรา พวกเราจะสนองตามความต้องการทุกอย่างของพวกคุณสองคน ไข่มุกมีทั้งหมดสิบสองชั้น คุณทั้งสองสามารถเยี่ยมชมชั้นใดก็ได้ตามความต้องการ”
“เรือสำราญของคุณมีจุดเด่นบ้างอะไรเหรอ?”อารียาถามอย่างสงสัย
“เราจะมีการแสดงบางประเภทที่แตกต่างกันในแต่ละชั้น อย่างสุภาพสตรีแบบคุณ อาจสนใจในการแสดงเครื่องแต่งกาย ถึงเวลาคุณสามารถไปที่ชั้นแปดเพื่อชมการแสดงเดินแบบของนางแบบได้ หากคุณมีเสื้อผ้าที่ชอบ ก็สามารถซื้อได้”บริกรพูดอย่างตั้งใจ
อารียาพยักหน้า คิดว่าเสื้อผ้าบนเรือสำราญลำนี้ คงจะแพงจะตายอย่างแน่นอน ด้วยทัศนคติของความมัธยัสถ์ เธอรู้สึกว่าไม่ควรไปดูนางแบบเดินแบบใดๆ ไม่อย่างนั้นถึงเวลาตอนนั้นชอบเสื้อผ้าขึ้นมาจริงๆ รพีพงษ์คงจะไม่พลาดอย่างแน่นอน และซื้อให้เธอ
เธอยังจินตนาการถึงฉากนั้นออกมาได้ว่า “ชอบก็ซื้อ เงินแค่นี้เอง”
เมื่อถึงชั้นบนสุดของเรือสำราญ รพีพงษ์และอารียามาถึงก็ได้เห็นทะเลที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา และท้องฟ้าสีคราม ก็รู้สึกผ่อนคลาย
แน่นอนว่า เสียเงินมากหน่อย ยังสามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่แตกต่างกันได้
พื้นที่ชั้นบนสุดของเรือสำราญมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆพร้อม ด้านบนสุดของเรือสำราญ ยังมีสระว่ายน้ำ
บริกรพารพีพงษ์และอารียาไปที่ห้องของพวกเขาทั้งสอง ภายในห้อง เป็นหนึ่งห้องนอนและหนึ่งห้องนั่งเล่น ที่ตกแต่งอย่างหรูหรา และเมื่อเปิดผ้าม่านของห้องออก ทำให้เห็นทะเลและท้องฟ้า
“พื้นที่สาธารณะด้านนอกห้อง จะมีโต๊ะและเก้าอี้สำหรับพักผ่อน ที่นั่นจะมีเครื่องดื่มนานาชนิด ที่สำคัญสามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่ดีที่สุดของเรือสำราญทั้งลำได้ แน่นอนว่า ถ้าพวกคุณทั้งสองต้องการว่ายน้ำ ตรงนั้นมีสระว่ายน้ำและอุปกรณ์ ล้วนแล้วแต่ระดับการแข่งขัน”บริกรคอยแนะนำบริการที่สามารถเพลิดเพลินได้ที่ชั้นบนสุด
หลังจากอธิบายกับรพีพงษ์และอารียาอย่างตั้งใจจนจบ บริกรก็ออกจากห้องของรพีพงษ์และอารียาไป ถ้าหากมีความต้องการ เพียงแค่พวกเขาตะโกนเรียก จะมีเจ้าหน้าที่บริการจะเข้ามาทันที
หลังจากที่บริกรจากไป อารียาก็นอนลงบนเตียงนุ่มๆในห้อง อย่างเพลิดเพลิน
แม้ว่าห้องพักที่นี่จะไม่ใหญ่นัก แต่ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดเป็นของแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ซึ่งมีคุณภาพดีกว่าที่ใช้ที่บ้านหลายร้อยเท่าเป็นธรรมดา
ทันทีที่อารียา เข้ามาในห้องนี้ก็รู้สึกผ่อนคลายไปทั้งตัว เหมือนว่าสำหรับนักออกแบบการตกแต่งภายในของห้อง จะใช้ความคิดไปไม่น้อย
“สามี ที่นี่สบายมากจริงๆ แม้ว่าราคาจะแพงเกินไป หนึ่งล้านห้าต่อหนึ่งคน คิดๆดูแล้วก็เสียดาย”อารียากล่าว
รพีพงษ์หัวเราะขึ้นมา แล้วพูดว่า: “เสียดายทำไม เธียรวิชญ์เป็นคนซื้อตั๋ว เขาเป็นคนที่ควรจะเสียดายมากกว่า”
อารียายิ้มแหะๆ กวักมือเรียกรพีพงษ์ แล้วพูดว่า: “สามี นายมาที่หน่อย”
รพีพงษ์เดินมาที่ข้างเตียง อารียาลุกขึ้นมานั่ง แล้วถามว่า : “มีอะไร?”
อารียาลุกขึ้นมานั่ง และกอดรพีพงษ์ไว้ แล้วพูดว่า: “ลูกในท้องของฉันเพิ่งบอกว่า อยากดื่มชานม”
ทันใดนั้นรพีพงษ์หัวเราะ และพูดว่า: “ลูกในท้องของเธอเพิ่งจะสามเดือนเองนะ ยังไม่เป็นตัวเลย ฉันว่าเธอมากกว่าที่อยากดื่มชานม”
อารียากอดรพีพงษ์ทันทีแล้วเริ่มออดอ้อนขึ้นมา แล้วพูดว่า: “ก็คนเขาอยากดื่ม บริกรเมื่อกี้บอกว่าข้างนอกมีเครื่องดื่มหลากหลายชนิดไม่ใช่เหรอ เราไปดูกันเถอะ”
รพีพงษ์ยิ้มอย่างตามใจให้อารียา จากนั้นก็พยักหน้า แล้วพูดว่า: “ถ้างั้นก็ไปเถอะ แต่ว่าดื่มได้เพียงแก้วเดียว”
“รู้แล้วน่า รู้แล้วน่า รอฉันเปลี่ยนกระโปรงสวยๆชุดหนึ่งก่อน เราค่อยออกไป”
สิบนาทีต่อมา รพีพงษ์และอารียาทั้งสองคนมาถึงสถานที่ที่มีทิวทัศน์ที่ดีที่สุดของเรือสำราญ มีคนนั่งชมวิวอยู่แล้วแปดคน รวมรพีพงษ์และอารียาทั้งสองคน สิบคนพอดี
ในบรรดาแปดคนที่เหลือเป็นคู่สามีภรรยาสองคู่ และอีกสี่คนเป็นผู้ชาย
ทันทีที่รพีพงษ์และอารียาปรากฏตัว อารียาก็ดึงดูดสายตาของทุกคน เธอสวมชุดกระโปรงยาวสายเดี่ยวสีน้ำเงิน รูปร่างและความสง่าราศีแสดงออกมาอย่างชัดเจน หญิงสาวในสองคู่นั้นเห็นอารียา ก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมาเล็กน้อย
รพีพงษ์รู้สึกได้ถึงสายตาของคนเหล่านั้น ก็กระตุกยิ้มมุมปากอย่างบางๆ อารียาเป็นภรรยาของเขา และเป็นความภาคภูมิใจของเขา ภรรยาของมีเสน่ห์ เขาก็ต้องรู้สึกมีเกียรติเป็นธรรมดา
หลังจากพาอารียาไปเอาชานมหนึ่งแก้วที่เพิ่งทำออกมาในสถานที่นี้ รพีพงษ์และอารียาก็เดินไปที่โต๊ะว่าง และนั่งลง
“อากาศและแสงแดดที่นี่ดีจริงๆ”อารียากล่าวด้วยความชอบใจ
ในเวลานี้มีคนคนหนึ่งวัยสามสิบกว่า สวมกางเกงขาสั้นสบายๆเสื้อกล้าม ไว้ทรงวินเทจเปิดข้าง และผู้ชายที่สวมแว่นกันแดดมองรพีพงษ์และอารียาตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อสายตาไปตกอยู่ที่บนตัวอารียา แสดงได้ถึงความปรารถนาที่จะครอบครอง แต่ก็ถูกแว่นตากันแดดถูกกั้นไว้
เขามองไปที่อารียาไม่กี่วินาที แล้วเดินไปเข้ามา