พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่628 หนึ่งคำมั่นสัญญา
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่628 หนึ่งคำมั่นสัญญา
บทที่628 หนึ่งคำมั่นสัญญา
หลังจากที่รพีพงษ์กับฝนสุดาได้ยินคำพูดของชายชรา ต่างก็สะดุ้งสะเทือน
ฝนสุดาพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น“คุณลุง พูดจริงหรือคะ คุณลุงช่วยชีวิตรพีพงษ์ได้จริงๆหรือคะ”
ชายชราสีหน้าเปื้อนยิ้ม พูดขึ้น“มีความมั่นใจแปดสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ต้องดูสถานการณ์ส่วนตัวเขาด้วย”
“งั้นคุณลุงรีบดูให้เขาทีเถอะค่ะ ถ้าคุณลุงช่วยชีวิตเขาไว้ได้ จะให้หนูดำน้ำลุยไฟก็ยินดี”ฝนสุดาน้ำตาไหลด้วยความตื้นตัน
ส่วนรพีพงษ์มองชายชราอย่างชะงักงันเล็กน้อย เขาไม่เชื่อว่าในโลกนี้จะมีอะไรที่ได้มาฟรีๆ และยิ่งไม่เชื่อว่าคนที่มีความสามารถขนาดนี้จู่ๆจะวิ่งมาช่วยเขาโดยที่ไม่คาดหวังอะไรตอบแทน
“คุณลุงครับ ถ้าผมเดาไม่ผิด ที่คุณลุงยื่นมาช่วย มีวัตถุประสงค์ความต้องการบางอย่างใช่ไหมครับ”รพีพงษ์เอ่ยปากถาม
ชายชรายิ้มแล้วพูดขึ้น “ไม่เลว ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆ ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ก็ต้องมีมูลค่าในตัวทั้งนั้นล่ะ”
“คุณอยากได้อะไรจากผมครับ”รพีพงษ์เอ่ยปากถาม
“อย่าเพิ่งร้อนใจไป ข้าขอดูสถานการณ์ของเจ้าหน่อย ไว้ให้ข้ายืนยันแล้ว ข้าจะบอก แล้วเราค่อยคุยเงื่อนไขกันก็ไม่สาย”
ชายชราพูดพลาง เดินไปตรงหน้ารพีพงษ์ ยื่นมือไปจับจุดบนกระดูกของรพีพงษ์
รพีพงษ์ไม่ได้ต่อต้าน คนที่ใกล้ตายอย่างเขา ไม่กลัวว่าคนแก่จะฉวยโอกาสทำร้ายอะไร เขาตอนนี้หรอก
จากการสำรวจตัวรพีพงษ์ ชายชรายิ้มออกมาอย่างสดใสเรื่อยๆ บ่นพึมพำว่า“กระดูกแข็งแรงดี ชีพจรไม่ติดขัด อัจฉริยะ คิดไม่ถึงว่าข้าอายุปูนนี้ จะมาเจออัจฉริยะที่หาได้น้อยเยี่ยงนี้ มิน่าล่ะได้รับบาดเจ็บขนาดนี้ ยังรอดชีวิตมาได้”
รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของชายชรา เขาไม่ได้ตกใจอะไรนัก เพราะว่าตอนที่อาจารย์เขาพบ ในปีนั้นท่านก็ได้กล่าวไว้อย่างนั้น
หากแต่เขาแค่ไม่รู้ว่าชายชราคนนี้มีหัวนอนปลายเท้าเป็นมายังไง แต่ว่าสิ่งที่ยืนยันได้คือ ชายชราคนนี้ทำให้รพีพงษ์รู้สึกหวาดกลัวอยู่ลึกๆ
ต่อให้เป็นอนันยช ก็แค่ทำให้รพีพงษ์รู้สึกได้ถึงเพียงความอันตรายเท่านั้น แต่ความรู้สึกแบบนี้ รพีพงษ์เคยสัมผัสได้จากอาจารย์ของเขา
“บาดเจ็บของเจ้า ยังไม่ถึงขั้นที่ไม่สามารถสมาน ฉันมียาอายุวัฒนะที่ทำให้คนตายฟื้นขึ้นได้อยู่สามเม็ดพอดี ยานี้จะช่วยสมานเครื่องในทั้งห้าของเจ้าได้”ชายชราหยิบขวดเล็กๆออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เขย่าไปมาตรงหน้ารพีพงษ์
รพีพงษ์ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากนัก เพราะว่าเขารู้ดี ของที่ยิ่งล้ำค่า สิ่งที่แลกเปลี่ยนต้องมีมูลค่าสูงตาม
“ผมต้องทำอะไรบ้างครับ คุณลุงถึงให้ยาสามเม็ดนี้กับผม”รพีพงษ์เอ่ยปากถาม
“ง่ายนิดเดียว ข้าต้องการเพียงคำมั่นสัญญากับเจ้า”ชายชราเอ่ยปากขึ้นช้าๆ
“คำมั่นสัญญาอย่างนั้นเหรอ”รพีพงษ์ตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าคำเรียกร้องของชายชราจะง่ายถึงเพียงนี้ แต่บางทีคำของ่ายๆ ก็มักจะมีน้ำหนักที่หนักอึ้งถ่วงเอาไว้
“ใช่แล้วล่ะ ข้าให้ยาสามเม็ดนี้กับเจ้า ช่วยชีวิตเจ้า แต่เจ้าต้องให้คำมั่นสัญญากับข้าอย่างหนึ่ง หลังจากที่เจ้าฟื้นตัวแล้ว ข้าจะขอให้เจ้าทำอะไรเมื่อไหร่ที่ไหนก็ได้ แต่เจ้าวางใจ มีเพียงเรื่องเดียว ที่เจ้าปฏิเสธไม่ได้ ถ้าเจ้าตกปากรับคำ ข้าก็จะให้ยาสามเม็ดนี้แก่เจ้า”ชายชราเอ่ยปาก
หลังจากที่รพีพงษ์ได้ฟัง จึงรีบถามขึ้น“งั้นถ้าคุณให้ผมไปฆ่าคนในครอบครัว ผมก็ต้องไปหรือครับ”
ชายชรายิ้มให้ พูดว่า“ข้ากับเจ้าไร้ซึ่งความแค้นใดๆต่อกัน แล้วเหตุใดต้องให้เจ้าไปฆ่าคนในครอบครัวด้วยเล่า เจ้าก็น่าจะเดาออก ว่าหากข้ายื่นเงื่อนไขแบบนี้ เพราะข้าเห็นศักยภาพในอนาคตของเจ้าต่างหาก หากเจ้ามีชีวิตต่อไป ภายภาคหน้าจะยิ่งใหญ่ ผู้มากความสามารถเช่นเจ้า ข้าจักเก็บไว้ใช้ทำการใหญ่”
“หากเจ้าเชื่อมั่นในตัวข้า ก็จงนำยาสามเม็ดนี้ไป หากไม่ไว้ใจ ข้าก็ไม่ฝืน”
รพีพงษ์มองขวดในมือของชายชรา แววตาลังเล
ชายชราคนนี้ดูไม่เหมือนคนร้ายแม้แต่น้อย แต่ก็แค่ดูภายนอกเท่านั้น และสิ่งที่ชายชราจะเรียกร้องก็ยังไม่รู้ว่าคืออะไร ยิ่งเป็นแบบนี้ สิ่งที่ต้องแลกในอนาคตก็ยิ่งมีมูลค่ามหาศาล
แต่หากว่าเขาไม่รับปาก สิ่งที่เขารอ ก็มีเพียงความตายหนทางเดียว
แต่ปัจจุบันเขาบาดเจ็บถึงเพียงนี้ เกรงว่าต่อให้เก่งกาจแค่ไหน ก็คงไร้เรี่ยวแรงกลับ สวรรค์
ในจังหวะที่รพีพงษ์กำลังสับสน ฝนสุดาจึงหยิบขวดมา แล้วพูดขึ้น“หนูตอบรับเขาแทนคุณลุงค่ะ คุณลุงให้หนูทำอะไรก็ได้ ขอเพียงแค่ยาขวดนี้ช่วยชีวิตเขาไว้ได้”
ชายชราหัวเราะขึ้นมา พูดขึ้น“ยัยหนู แม้ว่าเจ้าจะงดงามนัก เป็นหลานสะใภ้ข้าก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวนะ แต่ว่าตอนนี้ข้ายังไม่มีเหตุผลใดที่ต้องการใช้เจ้า เพราะฉะนั้นทางเลือกนี้ ให้เจ้าตัดสินใจเองเถอะ”
ฝนสุดาเม้มปากอย่างจนใจ
เป็นนาน รพีพงษ์จึงสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วพูดขึ้น“ตกลง ผมรับปาก”
ไม่ว่าอย่างไร ขอแค่รักษาชีวิตไว้ได้ก่อน ถึงจะมีสิทธิ์พูดถึงเรื่องในอนาคต
ชายชราพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นจึงหยิบเบ็ดตกปลาขึ้น หิ้วชะลอมไม้ไผ่ ยิ้มให้รพีพงษ์แล้วพูดว่า“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราตกลงว่ากันตามนี้ ต่อไปเวลาข้าหาเจ้า หากเจ้าปฏิเสธ สิ่งที่เจ้าเผชิญ จะไม่ใช่เพียงแค่ความตายเท่านั้น”
พูดจบ เขาจึงเดินออกไป
รพีพงษ์ตะลึงเล็กน้อย แล้วรีบพูดขึ้น“แค่คำมั่นสัญญาเพียงลมปากหรือครับ พวกเราไม่ต้องทิ้งช่องทางติดต่อไว้หรือครับ แล้วท่านจะหาผมเจออย่างไร”
“หากเจ้าเชื่อมั่น เพียงวาจาหนึ่งคำก็มากพอ สำหรับช่องทางการติดต่อ ไม่จำเป็นสำหรับตาแก่อย่างข้า ตอนที่ข้าต้องการใช้เจ้า ข้าหาตัวเจ้าพบได้ทุกที่ทุกเวลา”
ชายชรามิได้หยุด ยังคงเดินหน้าไป
ไม่นานนัก เงาของชายชราก็หายไปจากสายตาของคนทั้งคู่
“คุณลุงนี่สมองท่าจะยังไม่ค่อยแล่นเท่าไหร่นะ โลกกว้างใหญ่ขนาดนี้ ถ้าคิดจะหลบ เขาจะหาเจอได้ไง”ฝนสุดาเอ่ยปากพูด
“ถ้าย้อนคิด โลกกว้างขนาดนี้ เขายังมั่นใจว่าจะหาฉันได้ตลอดเวลา เธอคิดว่าข้อมูลกับพลังงานที่เขามีในมือ จะน่ากลัวแค่ไหน”รพีพงษ์จ้องฝนสุดาแล้วพูด
ฝนสุดาสีหน้าเปลี่ยนพลัน เธอตกใจในคำพูดของรพีพงษ์ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ต่อให้ตระกูลก้องวณิชกุลสักสิบตระกูลก็เอาไม่อยู่
“เป็นไปได้ไหมที่คุณลุงจะแค่เล่นตลกร้าย ยาที่เขาให้มาสามเม็ดนั้นอาจจะไม่ใช่ยาอายุ วัฒนะก็ได้ อาจจะเป็นยาพิษ แล้วจะทำไงดี”ฝนสุดาเกิดกังวลขึ้นมา
รพีพงษ์หรี่ตาแล้วพูดขึ้น“เรื่องมาถึงขั้นนี้ ฉันไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว พาฉันกลับไปเถอะ ยานี้ได้ผลหรือไม่ ไม่นานก็ได้รู้”
……
ชายชราถือชะลอมชะลอฝีเท้าอยู่ข้างหน้า ไม่นานนัก รถที่มีสีสันคันหนึ่งก็จอดลงตรงหน้า มีชายเอวตรงคนหนึ่งลงมาจากรถ โค้งคำนับให้ชายชราอย่างยำเกรง พูดอย่างนอบน้อม“เจ้านาย ท่านได้เดินเล่นบริเวณนี้นับชั่วโมงแล้ว ได้เวลากลับเปร์คิงแล้ว”
ชายชราพยักหน้า ยื่นเบ็ดและชะลอมให้
ในตอนที่เขากำลังจะขึ้นรถนั่นเอง จู่ๆก็ยกมือขึ้น ตบหน้าผากตนเองเบาๆ บ่นพึมพำ“แหม ลืมบอกพ่อหนุ่มนั่นไป ว่ายาที่ให้เขากินนั่นจะทำให้เขาเกิดไฟราคะ ช่างเถอะ ยังไงซะเขามียายหนูเฝ้าอยู่ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”