พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่633 มอบห้างให้พวกเรา
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่633 มอบห้างให้พวกเรา
บทที่633 มอบห้างให้พวกเรา
ตุรียะมองไปยังรพีพงษ์และฝนสุดาที่กำลังจีบกันอยู่อย่างเจ็บปวด เมื่อกี๊ที่รพีพงษ์โยนเขานั้นทำเอาเขาเกือบหายใจไม่ออก
เขามองไปที่รพีพงษ์ด้วยความอาฆาต และมองไปที่การ์ดเหล่านั้นที่กองอยู่กับพื้น รู้ดีว่าจะไม่มีทางที่จะลงมือต่อรพีพงษ์ได้แล้ว ตอนนี้ทำได้เพียงหาวิธีหลบหนี กลับไปแล้วค่อยหาวิธีล้างแค้น
เขาลุกขึ้นจากพื้น จากนั้นรีบพุ่งไปที่ประตู
แต่ทว่า รพีพงษ์ขวางอยู่ด้านหน้าเขา เขารู้สึกเหมือนชนเข้ากับบานเหล็กอย่างไรอย่างนั้น แล้วโดนกระแทกออกทันที แล้วล้มลงกับพื้นอีกครั้ง
รพีพงษ์มองไปที่ตุรียะอย่างสงบ แล้วกล่าว “แกคิดว่าเรื่องนี้จะจบง่ายๆงั้นหรอ?”
ตุรียะรู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อกลอนของรพีพงษ์ ดังนั้นจึงรีบขอชีวิต “พี่ชาย ผมผิดไปแล้ว ผมไม่รู้จริงๆว่าเธอคือภรรยาของพี่ ถ้ารู้ ผมไม่มีทางทำแบบนี้แน่นอน พี่ยกโทษให้ผมเถอะนะ”
รพีพงษ์ดูแคลน หันไปมองที่ฝนสุดา ถาม “คุณอยากจัดการกับเขายังไง?”
“ไอ้อุบาทว์นี่มันคิดจะลวนลามฉัน ไม่ว่ายังไงก็ปล่อยมันไปง่ายๆไม่ได้ อย่างน้อย……ก็ต้องทำให้มันสืบสกุลไม่ได้ ถึงจะระบายความคับแค้นใจของฉันออกมาได้!” ฝนสุดาจ้องไปที่ตุรียะ อย่างเกรี้ยวกราด
มีรพีพงษ์คอยให้ท้ายอยู่ เธอไม่มีทางกลัวใดๆ ราวกับเป็นธิดาแห่งขุนเขาอย่างไรอย่างนั้น
ตุรียะรู้สึกส่วนล่างเริ่มชา ตัวสั่น แล้วรีบกล่าว “คนสวย มันเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ ผมก็ไม่ได้ทำอะไรคุณไม่ใช่หรอ อย่าใจร้ายหน่อยเลย ถ้าคุณปล่อยผมไป ผมจะไม่หาเรื่องคุณอีก ว่าไง?”
“แกยังจะหาเรื่องฉันอีกหรอ?” ฝนสุดาชักตา
“แกไม่มีสิทธิ์เรียกร้องใดๆ” รพีพงษ์กล่าวอย่างเยือกเย็น
ตุรียะได้ยินรพีพงษ์พูดแบบนี้ ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา ในเมืองปากซำ ไม่มีใครกล้าไม่ให้เกียรติตุรียะ ตอนนี้เขาอยากปรับความเข้าใจ แต่สองคนนี้กลับได้คืบจะเอาศอก นี่มันท้าทายเขาชัดๆ
เขาจ้องไปที่รพีพงษ์อย่างโมโห แล้วกล่าว “จะให้ดีแกรู้จักพอก็ดีนะ ฉันอยากปรับความเข้าใจก็เพราะให้เกียรติแก กูไม่เคยกลัวใครในเมืองปากซำนี้ มึงลองไปถามดู พ่อกูหนะเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าเชร์สิงมีใครไม่เคยไปบ้าง เล่นกับกู เดี๋ยวพวกมึงจะรู้สึก”
รพีพงษ์บึนปาก แล้วกล่าว “ก็แค่ลูกชายของเจ้าของห้าง จะอวดอะไรนักหนา”
“เย็ดแม่ พุดอย่างกับมึงรวย ถ้ามึงมีเงิน จะให้เมียมึงมาโรงจำนำเพื่อจำนำของหรอวะ? มึงหยุดโม้ได้ล่ะ” ตุรียะประชดประชัน
รพีพงษ์ได้ยินประโยคนี้ ก็สะกิดใจ มองไปที่ฝนสุดา แล้วถาม “ให้พ่อแกเอาห้างให้พวกเรา ช่วงนี้คุณเหน็ดเหนื่อยเพื่อผมมามาก ถึงเวลาที่ผมต้องตอบแทนคุณบ้างแล้ว ซื้อห้างนั้น ผมพาคุณไปเดินเที่ยว คิดว่าไง?”
แววตาของฝนสุดาเป็นประกาย ในฐานะที่เป็นคุณหนูที่ใช้เงินเก่ง ฝนสุดาอยากซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ตัวเองนานแล้ว แต่เพื่อดูแลรพีพงษ์ เธอจึงทำได้เพียงอดกลั้น ตอนนี้รพีพงษ์พูดแบบนี้ เธอรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก
แต่เพียงแค่เธอและรพีพงษ์ตอนนี้อยู่ในสภาวะเสือออกจากป่า แม้ในสายตาพวกเขาห้างไม่มีราคา และพวกเขาไม่คุ้นเคยกับที่นี่ พ่อของตุรียะก็ไม่มีทางให้ห้างนี้เพียงเพราะเหตุผลนี้แน่นอน
“แต่ พวกเขาไม่มีทางเอาห้างให้พวกเราฟรีๆหรอก ที่นี่พวกเราก็ไม่มีอำนาจอะไร พ่อเขาก็ไม่ใช่คนโง่” ฝนสุดาพูดเตือน
รพีพงษ์หัวเราะออกมา แล้วกล่าว “ถ้าให้ไม่ได้ล่ะก็ งั้นฉันซื้อก็ได้ ไม่มีอะไรที่เงินซื้อไม่ได้”
“แต่พวกเราไม่มีเงิน” ฝนสุดาจ้างรพีพงษ์
รพีพงษ์หน้าตาลี้ลับ จากนั้นก็หยิบบัตรธนาคารออกจากชุดของตัวเอง ตอนนั้นรพีพงษ์จะใช้ซื้อชลาธิป ต่อมาก็เอาบัตรแสนล้านนั้นติดไปที่เกาะพระจันทร์ด้วย
บัตรนี้อยู่กับรพีพงษ์มาตลอด อาจเพราะโชคดี ตอนที่เขาตกน้ำไป บัตรไม่ได้หายไปไหน
แม้ตอนที่อยู่บนเกาะพระจันทร์รพีพงษ์ใช้เงินไปไม่น้อย แต่บัตรนี้ก็ยังคงมีเงินเก้าหมื่นล้านกว่า ไม่ต้องพูดถึงห้างสรรพสินค้าเชร์สิง แม้จะเป็นร้อย ห็ไม่เกินความสามารถ
ฝนสุดามองไปที่บัตรนั้นของรพีพงษ์อย่างแปลกใจ แล้วถาม “ในบัตรนั้นมีเท่าไหร่?”
“ซื้อธุรกิจเล็กๆสักครั้งของเมืองปากซำ ก็ไม่มีปัญหา” รพีพงษ์ยิ้มพลางกล่าว
ฝนสุดาตะลึง ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์ยังมีเงินเหลืออีกเยอะขนาดนี้
อารมณ์ของเธอเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที จากนั้นก็พูดกับนพีพงษ์ว่า “แกไอบ้า ทำไมไม่บอกว่ามีเงินเยอะขนาดนี้ ยังให้ฉันไปโรงจำนำแลกเงิน คุณรู้ไหมว่าช่วงนี้ฉันลำบากมากขนาดไหน คุณเกินไปแล้วนะ!”
รพีพงษ์มองไปที่ฝนสุดาอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แล้วกล่าว “ผมไม่รู้ว่าคุณไปจำนำของหนิ ผมคิดว่าเงินของคุณพอ คุณก็ไม่เคยบอกผม ผมก็ว่าคุณหนูของตระกูลก้องวณิชกุล เงินไม่น่าขาดมือสิ”
ฝนสุดากำหมัด แล้วแสดงความโมโหของตนออกมา
“เหอะ ฉันไม่สน คุณต้องชดเชยให้ฉัน แค่ห้างเดียวไม่พอหรอนะ” ฝนสุดากล่าว
“โอเคโอเคโอเค ไม่ว่าคุณอยากได้อะไร ผมก็จะหาให้” รพีพงษ์กล่าว
ตุรียะได้ยินทั้งคู่คุยกัน รู้สึกเหมือนอยากได้เงินมากจนบ้าไปแล้ว สุดท้าย เขาก็ทนรพีพงษ์โอ้อวดไม่ไหว แล้วกล่าว “มึงจะอวดให้มากกว่านี้อีกได้มั้ยวะ? ทำไมมึงไม่บอกเลยล่ะว่ามึงเป็นคุณชายของตระกูลแนวหน้าระดับโลก จะซื้อห้างของกู ก็ว่าแม้แต่โรตีมึงยังไม่มีปัญหาซื้อเลย!”
รพีพงษ์และฝนสุดาหันไปมองตุรียะพร้อมกัน ชั่วขณะนั้น ตุรียะรู้สึกว่าทั้งสอง อาจจะเป็นคนของตระกูลแนวหน้าระดับโลกจริงๆ
แต่ก็เป็นแค่ความคิดผิดๆเท่านั้น เมืองปากซำเล็กๆนี้ จะมีบุคคลแบบนี้ปรากฏกายอยู่ได้อย่างไรกัน
“หยุดพูดไปซะ รอให้พวกเราเจอพ่อแกก่อน ให้เขาโอนห้างให้พวกเรา มิเช่นนั้น ฉันจะเอา ชีวิตแก” รพีพงษ์กล่าวอย่างเยือกเย็นต่อตุรียะ
“ฝันไปเถอะ!” ตุรียะด่าไป
รพีพงษ์บิดไหล่ของตุรียะ ใช้กำลังเล็กน้อย ตุรียะก็ร้องออกมา เจ็บจนน้ำตาไหล
“จะต้องให้ฉันทำซ้ำอีกครั้งไหม?”
“ไม่ต้องแล้ว ไม่ต้องแล้ว ฉันจะพาพวกแกไปเจอพ่อฉันเดี๋ยวนี้ ขอเถอะ อย่าลงแรงอีก ไม่งั้นแขนฉันหักแน่ๆ” ตุรียะขอร้อง
เขาดูแคลน คิดว่าคนนี้มันชั่งโง่จริงๆ อยากไปเจอพ่อเขา เขาให้เจอพ่อเขา ทุกอย่างก็จะเป็นไปตามที่เขาพูด รพีพงษ์และฝนสุดาเข้าถ้ำเสือแท้ๆ