พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่662 ใครกล้าลงมือกับภรรยาและลูกของฉัน
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่662 ใครกล้าลงมือกับภรรยาและลูกของฉัน
บทที่662 ใครกล้าลงมือกับภรรยาและลูกของฉัน
โรงแรมไพศาล
ห้องโถงชั้นหนึ่ง ขณะนี้ถูกตกแต่งอย่างหรูหราอลังการ อาหารและขนมต่างๆถูกจัดเตรียมเรียบร้อย พื้นที่ตรงกลางของห้องโถงถูกเว้นว่างไว้ ให้ทุกคนได้ยืนพูดคุย
ช่วงค่ำเวลาสองทุ่ม หน้าโรงแรมไพศาลเต็มไปด้วยรถหรู ส่วนใหญ่เป็นตัวแทนธุรกิจต่างๆของเมืองเกียวโต คืนนี้จะมาที่นี่ เข้าร่วมงานเลี้ยงที่ตระกูลนฤวัตปกรณ์และตระกูลวรโชติธีรธรรมร่วมกันจัด
ทุกคนสวมใส่ชุดหรู ผู้สูงศักดิ์เดินเข้าไปในห้องโถง ทักคนต่างสวมใส่ตามที่ตัวเองชอบ แต่ทุกคนรู้ดี ว่างานในค่ำคืนนี้ เป็นไปเพื่อเอาเปรียบตระกูลลัดดาวัลย์
ขณะห้องโถงเต็มไปด้วยผู้คน จำนวนสามถึงห้าคนอยู่ด้วยกัน กำลังพูดคุยเรื่องต่างๆ แต่หัวข้อของทุกคนในค่ำคืนนี้ หนีไม่พ้นตระกูลลัดดาวัลย์และรพีพงษ์
“ตอนนั้นผมก็ถือว่าเป็นผู้นำในเรื่องอาหาร แต่ละเลยในเรื่องการบริหารไปหน่อย ห้องครัวไม่ค่อยสะอาด ด้วยเหตุผลนี้จึงได้โดนตระกูลลัดดาวัลย์แย่งการค้าไป ห้องครัวป้ะ จะไม่มีหนูได้ไง เสียดายที่คนไม่ฟัง สุดท้ายผมก็ถูกตระกูลลัดดาวัลย์เล่นงาน พวกเขาฉวยโอกาสนี้ เปิดครัวให้โล่งแล้วแย่งตลาดด้านอาหารไปเกือบครึ่ง ตัดขาดรายได้กูโดยปริยาย เสียดาย แม้ตระกูลลัดดาวัลย์จะเก่งยังไง ก็ไม่มีทางผยองต่อไป เวรกรรมตามทันแล้ว”
“พูดถูก ตอนแรกนั้นผมก็ถูกตระกูลลัดดาวัลย์เล่นโดยต้องแบกรับฉายาขายของปลอม ผมยอมรับว่าผมเคยขายของปลอมอยู่ล็อตนึง แต่อุบายที่ตระกูลลัดดาวัลย์ใช้มันเสียหายหนักมาก ก่อนหน้านี้พวกเขามีอำนาจเยอะ ผมไม่กล้าพูดอะไร ตอนนี้ไหลไปตามน้ำ กูไม่มีทางกลัวตระกูลลัดดาวัลย์อะไรนั่นแล้ว
“เหอะเหอะ ที่แท้หลายปีมานี้ตระกูลลัดดาวัลย์ทำผิดกับหลายๆคน ก็ไม่แปลกที่พวกมันจะเจอกับเรื่องราวที่เกิดในตอนนี้ วันนี้รพีพงษ์ตายแล้ว หญิงตั้งครรภ์เป็นนายใหญ่ ตระกูลลัดดาวัลย์ไม่มีค่าพอให้เคารพอีกต่อไป
……
ไม่นาน พลชและวรยศทั้งสองพาพวกจณัตว์ทั้งสี่มาที่ห้องโถง เห็นคนที่ห้องโถงเริ่มขยับตัว พวกเขาก็ยิ้มออกมา
“ทุกท่าน ผมดีใจมากที่ทุกคนมาร่วมงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้” พลชกล่าว
ทุกคนเงียบสงบลง หันไปมองคนที่อยู่ด้านหน้าสุดของห้องโถง
“วันนี้ทำไมพวกเราถึงได้จัดงานเลี้ยง ผมจะไม่ขอพูดอะไรมาก ทุกคนรู้ดี ปัจจุบันสถานการณ์ของเมืองเกียวโตนั้นสดใสขึ้นมาก ตอนที่รพีพงษ์มีชีวิตอยู่นั้น ทุกคนถูกตระกูลลัดดาวัลย์กดขี่ ไม่กล้าพูด แต่ตอนนี้รพีพงษ์ได้ตายไปแล้ว ผู้กุมอำนาจของตระกูลลัดดาวัลย์ก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง พวกเราไม่จำเป็นต้องทนกับตระกูลลัดดาวัลย์อีกต่อไป!”
พลชฮึกเหิม อยากที่จะปลุกบรรยากาศของงานเลี้ยงขึ้น
เมื่อเขาพูดออกมา ก็ได้รับการโต้ตอบเป็นจำนวนไม่น้อย ในความคิดของคนเหล่านี้ ช่วงหลายปีมานี้ตระกูลลัดดาวัลย์ได้กดขี่พวกเขาไว้จริงๆ ที่พวกเขาไม่มีความสามารถ ก็เป็นเพราะตระกูลลัดดาวัลย์ทำทั้งนั้น
“หลายปีมานี้เมืองเกียวโตถูกตระกูลลัดดาวัลย์ครองกิจการไว้ โดยเฉพาะหลังจากที่รพีพงษ์รับช่วงอำนาจของตระกูลลัดดาวัลย์ต่อ แล้วร่วมมือกับหอการค้าสมน. ยิ่งเหยียบพวกเราจมดินไปเลย ความสำเร็จในวันนี้ของพวกมัน ล้วนมาจากเลือดเนื้อของพวกเรา ทรัพย์สินทั้งหมดที่พวกมันมี ล้วนขโมยมาจากในมือของพวกเราทั้งนั้น กิจการที่พวกมันมี ล้วนเป็นงานที่พวกเราทำขึ้นมาทั้งนั้น!”
ทุกคนตื่นเต้น
“การกระทำที่น่ารังเกียจของตระกูลลัดดาวัลย์ ทำให้ทุกคนอาฆาตพยาบาท แม้แต่พระเจ้า ก็ดูต่อไปไม่ไหวแล้ว ดังนั้นที่วันนี้พวกเราจัดงานเลี้ยงนั้น เพื่อแย่ง ของที่อยู่ในมือตระกูลลัดดาวัลย์ ที่พวกเราเสียไป กลับมาทั้งหมด!”
“ได้!” ทุกคนปรบมือ ล้วนรู้สึกว่าพลชพูดถูกมาก
“วันนี้รพีพงษ์ได้ตายไปแล้ว คนที่กุมอำนาจของตระกูลลัดดาวัลย์เป็นหญิงตั้งครรภ์ เท่าที่ผมรู้มา หญิงคนนี้ยังเชื่อว่ารพีพงษ์ยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นจึงไม่สามารถส่งต่ออำนาจของตระกูลลัดดาวัลย์ได้ ผมมองว่า เธอหาข้ออ้างเท่านั้น เธออยากจะฮุบทุกอย่างของพวกเรา ให้เป็นของตัวเอง หญิงคนนี้มันหน้าเนื้อใจเสือ ร้ายกาจ! ดังนั้นวันนี้พวกเราจะต้องทำให้เธอเอากิจการทั้งหมดที่ตระกูลลัดดาวัลย์มีมอบให้พวกเราทั้งหมด มิเช่นนั้น แม้จะเป็นสตรีมีครรภ์ พวกเราก็จะไม่ไว้หน้า!”
“พูดถูก! เธอก็เป็นแค่หญิงต่างถิ่น คิดจะฮุบกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์ไว้ เห็นแก่เงินเกินไปแล้ว วันนี้ถ้าเธอไม่ตกลงส่งมอบกิจการทั้งหมดของตระกูลลัดดาวัลย์ให้ล่ะก็ งั้นผมก็จะไม่ให้มันมีลูก!” ในขณะนี้ชายร่างสูงใหญ่ตะโกนอย่างดังขึ้นมา
เมื่อเขาพูดจบ ลมก็พัด จากนั้นก็มีแสงสีขาวสว่างวับ กริชปักไปที่กลางหัวใจของคนนั้น อย่างรวดเร็ว แล้วคนนั้นก็ล้มลงกับพื้น
ในห้องโถงทั้งหมดเริ่มวุ่นวายขึ้นมา ใครจะรู้ว่าคนนั้นที่เมื่อนาทีที่แล้วยังพูดๆอยู่ อีกนาทีถัดมาจะมีกริชลอยมาปักอกจนตาย มันชั่งน่ากลัวกว่าหนังผีจริงๆ
“ใครจะกล้าลงมือกับลูกและเมียของฉันอีก?” เสียงโทนต่ำดังขึ้น ทำให้ความวุ่นวายในห้องโถงนิ่งลง
ทุกคนหันไปมองที่ประตู ร่างสูงสง่ายืนอยู่ที่ประตูนั้น ในขณะนี้ไฟของรถด้านนอกสว่างขึ้น ส่องมาทางนี้พอดี ทำเอาร่างนั้นเหมือนกับเทพสงคราม
“คนนั้นเป็นใคร? ทำไมเสียงคุ้นๆ?”
“พระเจ้า กริชเมื่อกี๊คงไม่ใช่เขาเป็นคนปาไปหรอกนะ ต้องมีกำลังมากขนาดไหน ถึงจะปักไปแล้วให้คนตายได้เลย”
“ชั่งน่ากลัวจริงๆ เมื่อกี๊พวกคุณได้ยินที่เขาพูดชัดเจนไหม หมายความว่าไง?”
ในขณะนี้รถคันนั้นขับออกไป ร่างรพีพงษ์ปรากฏตัวอย่างชัดเจนต่อหน้าสายตาสาธารณะ
“รพีพงษ์!” มีคนดูออกว่าเป็นรพีพงษ์อย่างรวดเร็ว แล้วก็ตะลึงกันในทันใด
“เชรด เป็นมันจริงๆด้วย มันตายไปแล้วไม่ใช่หรอ? ทำไมมาปรากฏตัวที่นี่ได้?”
“หรือเป็นวิญญาณของมัน? พลังในการโยนกริชแบบนั้น มันไม่ใช่กำลังของมนุษย์ทั่วไปนะ!” ไม่กี่อึดใจ ทุกคนในห้องโถงก็เริ่มวุ่นวายขึ้นมา
รพีพงษ์เดินไปในห้องโถง ทุกคนหลีกทางให้รพีพงษ์อย่างหวาดกลัว ทุกสายตาจับจ้องไปที่รพีพงษ์ คิดไม่ออกว่าคนที่ตายไปกว่าครึ่งปีแล้ว ทำไมถึงได้ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง
พลชและวรยศทั้งสองไม่คาดคิดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างกะทันหันแบบนี้ ความจริงรพีพงษ์ตายไปแล้ว ยังมีชีวิตกลับมาอีก และนี่ได้ปรากฏอยู่ในงานเลี้ยงของค่ำคืนนี้ด้วย
รพีพงษ์หยุดอยู่ต่อหน้าคนทั้งสอง จากนั้นก็มองไปที่พลช
“เมื่อกี๊เหมือนฉันจะได้ยินแกพูดว่า แม้เมียฉันเป็นสตรีมีครรภ์ แกก็จะไม่ปล่อยไว้ ใช่ไหม?”
พลชพึมพำ ด้วยความกลัวที่ออกมาจากเบื้องลึก เหงื่อไหลเต็มหัว ราวกับน้ำพุไหลออกมาอย่างเร็ว