พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่666 ขวัญนลิน
บทที่666 ขวัญนลิน
หลังจากที่เสียงดังใส่ศศินัดดาแล้วนั้น รพีพงษ์ก็เดินไปที่ห้องของอารียา เมื่อกี๊เขาได้สั่งดัมพ์รงค์ไว้แล้ว ว่าถ้าหากศศินัดดากล้าเหยียบเข้ามาในตระกูลลัดดาวัลย์แม้แต่ก้าวเดียว ให้ทุบขาเธอให้หักไปเลย
ในขณะกลับมาถึงสวน ศักดาเดินไปที่รพีพงษ์ แล้วถาม “คือหญิงคนนั้นจริงๆใช่ไหม?”
รพีพงษ์พยักหน้า ยิ้มพลางกล่าว “ผมไล่เธอไปแล้ว ก่อนที่อารีจะคลอด เธอจะไม่มีทางได้เข้ามาที่ตระกูลลัดดาวัลย์แม้แต่ก้าวเดียว”
“งั้นก็ดี ฉันคิดว่าหญิงคนนี้ได้ผ่านเรื่องราวในครั้งนั้นมาแล้วจะหยุดทุกอย่าง ใครจะรู้ว่าตอนอารีคลอดลูกแล้วเธอจะมา และก็ไม่รู้ว่ามีเจตนาอะไร” ศักดาถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
“ความจริงเธอไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าวันนี้อารีคลอดลูก เธอคิดว่าผมตายไปแล้ว ดังนั้นจึงได้มาเสพสุขที่ตระกูลลัดดาวัลย์” รพีพงษ์อธิบาย
ศักดากล่าว “งั้นก็ยิ่งน่าเกลียดเข้าไปใหญ่ มันชั่ง……เห้อ เบื่อจะพูดล่ะ”
“ไม่ต้องนึกถึงเธอแล้ว วันนี้อารีคลอดลูก เป็นเรื่องดี อย่าให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องมาทำให้จิตใจหม่นหมองอีกเลย” รพีพงษ์กล่าว
ศักดาพยักหน้า แล้วไม่พูดเรื่องของศศินัดดาอีก จากนั้นก็หันไปสนใจในห้องนั้นต่อ
ผ่านไปได้ประมาณสองชั่วโมง รพีพงษ์รอจนรำคาญขึ้นมา เกือบที่จะพุ่งเข้าไปด้านในแล้ว
“นี่มันกี่ชั่วโมงแล้ว ทำไมยังไม่เสร็จอีก เกิอะไรขึ้นกับอารีหรือเปล่า ผมต้องเข้าไปดูสักหน่อยแล้ว” รพีพงษ์กล่าว
ชนิสรารีบห้ามรพีพงษ์ไว้ แล้วกล่าว “คลอดลูกไม่ได้เร็วอย่างที่คุณคิด นี่แค่เท่าไหร่เอง บางคนใช้เวลาเป็นวันยังคลอดไม่ออกเลย คุณรออีกนิด ฉันว่าใกล้จะเสร็จแล้วแหละ”
รพีพงษ์ถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ได้ยินในห้องแป๊ปๆก็มีเสียงโหยหวนออกมา เขาแทบจะระเบิดออกมาแล้ว
ในขณะเดียวกันเขาก็รับรู้ได้ถึงความยิ่งใหญ่ของผู้หญิง แค่เรื่องคลอดลูก ก็น่านับถือแล้ว
“ดูๆแล้วต่อไปต้องทำดีกับอารีแล้วแหละ และทำให้ผู้หญิงของพวกเรารู้ถึงความยิ่งใหญ่ของแม่ อนาคตต้องกตัญญูกับแม่ให้มากๆ”
ในขณะที่รพีพงษ์พูดกับตัวเองอยู่นั้น ในห้องก็มีเสียงของทารกร้องดังขึ้นมา ทุกคนที่อยู่ในสวนสะดุ้ง
รพีพงษ์ตื่นเต้นจนไม่รู้จะทำยังไง และไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำอะไรดี
ขณะนี้พยาบาลวิ่งออกมาจากด้านในด้วยรอยยิ้ม แล้วกล่าว คลอดแล้วคลอดแล้ว แม่ลูกปลอดภัย เป็นสาวสวยนะ”
“อะไรนะ! ทำไมเป็นลูกสาว ต้องเป็นลูกชายถึงจะถูก พวกคุณมั่วหรือเปล่า!” จารุณีที่รออยู่ตะลึง ทำเอาคนที่อยู่ในสวนงงงวยกันไปหมด
รพีพงษ์เขินอายแล้วรีบพูดกับธฤตญาณว่า “แกดูเธอไว้นะ ฉันเข้าไปด้านในแป๊ป”
“ไม่ ฉันก็อยากเห็นด้วย ฉันไม่เชื่อว่าจะเป็นลูกสาว ต้องมั่วแน่ๆ” จารุณีไม่เชื่อ
“ตอนนี้เพิงจะคลอดลูก ไม่เหมาะที่จะเข้าไปหลายคน พวกคุณรอสักหน่อยล่ะกัน” พยาบาลอธิบาย
ธฤตญาณขวางหน้าจารุณีเอาไว้ แล้วกล่าวอย่างไม่เข้าใจว่า “ลูกสาวไม่ดีหรอ รพีพงษ์ก็ไม่รังเกียจ ทำไมคุณรังเกียจล่ะ?”
“ถ้าไม่ใช่ลูกชาย แล้วฉันจะจีบได้ไง ฮือๆๆ ความฝันของฉัน ดับสลายลงซะงั้นหนะ” จารุณีเกือบจะร้องออกมา
ธฤตญาณมึนงง ไม่เข้าใจจารุณีจริงๆว่าคิดอะไรอยู่
ในห้อง
เมื่อรพีพงษ์เข้าไป ก็เห็นอารียานอนอยู่บนเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง เหงื่อไหลจนผมเปียกไปหมด ริมฝีปากขาวซีด ดูออกว่าเธอผ่านความเจ็บปวดมามากขนาดไหน แต่ตอนนี้ใบหน้าของเธอก็ยังมีรอยยิ้ม
พยาบาลข้างๆกำลังอุ้มทารกที่อยู่ในฟูกมา ดูๆไปดำนิดหน่อย เพิ่งคลอดออกมา ยังลืมตาไม่ขึ้น
รพีพงษ์เดินไปข้างเตียง จูบลงไปที่หน้าผากของอารียา แล้วหันไปอุ้มเด็กทารกจากพยาบาลมา
“เมียจ๋า ลำบากคุณเลย พวกเรามีลูกสาวแล้ว” รพีพงษ์ยิ้มพลางกล่าว
“ตั้งชื่อให้เธอเถอะ” อารียากล่าว
รพีพงษ์ไตร่ตรงสักพัก แล้วกล่าว “งั้นเรียกว่าขวัญนลิน ดีไหม?”
“ทำไมหรอ?” อารียากล่าว
“เพราะเธอจะเป็นสิ่งที่ค่าของเรา ผมจะทำให้เธอเป็นคุณหนูที่มีความสุขที่สุดบนโลกใบนี้” รพีพงษ์ยิ้มพลางอธิบาย
อารียาพยักหน้า แล้วกล่าว “ได้ เอาตามคุณล่ะกัน”
รพีพงษ์จ้องไปที่ทารกที่อยู่ในอ้อมกอด แล้วกล่าว “ต่อจากนี้ไปหนูชื่อขวัญนลินนะ จำไว้ หนูเป็นลูกสาวของรพีพงษ์ พ่อจะทำให้โลกรู้ ไม่มีใครกล้ารังแกลูกได้ ใครกล้ารังแก พ่อจะชกมันเข้าไปให้ตัวแตกเลย!”
ก่อนหน้านี้ ของรักของรพีพงษ์คืออารียา ใครก็แตะไม่ได้ แต่จากนี้ไป ของรักของรพีพงษ์เพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง นั่นก็คือขวัญนลินที่อยู่ในอ้อมกอดเขา
ประตูของคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ ศศินัดดายืนอยู่ที่เดิม เท้าสะเอว ยืนด่าอยู่ที่หน้าประตู
ตอนนั้นที่รพีพงษ์ไล่เธอไป เธอรู้สึกไม่พอใจ จึงได้ยืนด่าอยู่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ด้วยคำศัพท์ที่ไม่น่าฟังต่างๆนาๆ แต่ทว่าเธอก็ไม่กล้าแม้จะย่างเข้าประตูตระกูลลัดดาวัลย์แม้แต่ก้าวเดียว
ดัมพ์รงค์ยืนอยู่บนหลังคาจ้องไปที่ศศินัดดา ศศินัดดารู้สึกได้ว่าคนที่ยืนอยู่บนหลังคานั้นแตะต้องไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงด่าทอเท่านั้น
สักพัก ศศินัดดาด่าจนเหนื่อยแล้ว ก็หยุดลง
ในขณะเดียวกันนี้ คนใช้คนหนึ่งวิ่งมา พูดกับคนเฝ้าประตูอย่างตื่นเต้นว่า “คลอดแล้วคลอดแล้ว เป็นลูกสาว นายใหญ่บอกว่าวันนี้เป็นวันดี จะให้โบนัสกับพวกเราทุกคน”
คนเฝ้าประตูตื่นเต้น และดีใจอย่างมาก
ศศินัดดาได้ยินคำพูดของคนนั้น ก็พึมพำทันทีว่า “ลูกสาว ลูกสาวมีประโยชน์อะไร จะดีไปกว่าลูกชายได้ไงกัน ชาตินี้ที่ฉันต้องทนทุกข์ขนาดนี้ ก็เพราะไม่มีลูกชาย ตอนนี้ลูกสาวที่เลี้ยงมาอย่างยากลำบากก็ไม่ยอมรับฉัน ถ้าฉันอยู่ด้านใน เห็นว่าคลอดลูกสาว จะบีบคอให้ตายทันที”
ในขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น สายตาของศศินัดดาก็เผยความร้ายกาจออกมา
ในขณะเดียวกันนี้ ในร้านอาหารแห่งหนึ่งของเกียวโต ในห้องลับ หลายๆคนกำลังนั่งด้วยกัน ในห้องเต็มไปด้วยควัน ทุกคนล้วนสูบบุหรี่
ที่นั่งตรงกลาง คนที่กำลังนั่งอยู่นั้น ชื่อชลาคม ลูกชายของพลช คนที่นั่งอยู่บนโต๊ะนี้ ล้วนเป็นคนที่เหลือของตระกูลนฤวัตปกรณ์และตระกูลวรโชติธีรธรรม เพราะรับไม่ได้ พวกเขาไม่ได้หนีออกจากเกียวโต
“รพีพงษ์มันฆ่าพ่อผม ล้างบางตระกูลนฤวัตปกรณ์ของผม แค้นนี้ ต้องชำระ! เชื่อว่าทุกคนที่นั่งอยู่ในที่นี้ก็คิดเหมือนกับผม ตอนนี้สิ่งที่พวกเราขาด ก็คือการต่อกลอนกับตระกูลลัดดาวัลย์เท่านั้น
“ใช่ ถ้าสู้กันซึ่งๆหน้า พวกเราไม่รู้จะตายยังไง แต่ในโลกนี้ถ้าอยากล้างแค้น ก็ไม่ได้มีแค่วิธีเดียว บางครั้ง มดก็ล้มช้างได้” คนหนึ่งพูดออกมา
ชายคนหนึ่งที่นั่งข้างๆชลาคมตาลุกวาว แล้วกล่าว “เมียของรพีพงษ์จะคลอดในเร็ววันนี้ไม่ใช่หรอ ไม่แน่อาจคลอดแล้วก็ได้ พวกเราเอาชนะรพีพงษ์ไม่ได้ แต่ลงมือกับลูกมันได้หนิ”
“ถ้าพวกเราหาวิธีขโมยลูกมันมาได้ นั่นก็มีตัวประกันในการต่อรองกับรพีพงษ์แล้วไม่ใช่หรอ?”
คนบนโต๊ะอาหารเห็นด้วย ชลาคมก็ยิ้มตอบรับ แล้วกล่าว “ความคิดนี้ไม่เลว ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นพวกเราก็หาวิธีขโมยลูกรพีพงษ์มาเถอะ ถึงเวลานั้น ต้องให้รพีพงษ์ได้ลิ้มลองความรู้สึกของสูญเสียของอันเป็นที่รักไป!”