พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่701 ครองสุข
บทที่701 ครองสุข
ตอนที่พิชยะกับเขมทัตและอื่นๆจากไป ท่าทีมึนงง โดยเฉพาะพิชยะ ราวกับสูญเสียจิตวิญญาณไป การเดินกลายเป็นแข็งๆเกร็งๆมากขึ้น
เขาประสบกับความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต แต่เดิมเขามีอารมณ์อันฮึกเหิมสนใจจะมาต่อสู้ขั้นเด็ดขาดกับรพีพงษ์ อยากจะผ่านการต่อสู้ครั้งนี้ มาพิสูจน์ความแข็งแกร่งของตัวเอง
อย่างไรก็ตามก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มขึ้น เขาได้รับรู้ข่าวที่เหมือนราวกับฟ้าผ่า ทำให้จิตใจอันฮึกเหิมของเขาดับลงไปในทันที ไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยวอยู่เลย
เน่ยจิ้งขั้นกลาง พ่อของเขาพยายามมาหลายปี ก็บรรลุถึงพื้นฐานนี้ แต่เด็กที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขา กลับสามารถบรรลุถึงระดับนี้ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งนี่ทำให้ความสามารถที่น่าภาคภูมิใจของเขา กลายเป็นสิ่งที่ไร้ค่าที่จะพูดถึง
ตั้งแต่นั้นมา รพีพงษ์กลายเป็นภูเขาลูกใหญ่ที่อยู่ในหัวใจของพิชยะ ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่มีทางข้ามผ่านมันไปได้…..
……
ในอีกสองวันถัดมา ข่าวที่รพีพงษ์สังหารอนันยชแพร่กระจายไปทั่วไชน่าทาวน์ของอเมริกา และชื่อเทพมรณะนี้ ก็กลายเป็นประเด็นสนทนาที่ร้อนแรง
เนื่องจากข้อจำกัดของกฎ หลังจากที่รพีพงษ์สังหารอนันยชแล้ว ก็ไม่ได้ลงมือกับคนในตระกูลนิธิวรสกุล แต่ให้ชาลิสาใช้อำนาจของกิสนา เริ่มการตรวจสอบและปรับสมดุลของตระกูลนิธิวรสกุลให้เท่ากัน
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา รพีพงษ์อยู่ที่สำนักงานใหญ่สหพันธ์สหภาพจีนมาโดยตลอด
หัวหน้าทีมของปรมาจารย์เน่ยจิ้งกลัวว่ารพีพงษ์จะก่อเหตุอะไรที่ผิดปกติ ในช่วงนี้มักที่วิ่งมาที่สำนักงานใหญ่สหพันธ์สหภาพจีน รพีพงษ์ก็พบว่าศรัณย์เฝ้าระวังตัวเอง ก็ไม่ได้ว่าอะไร
บ่ายวันนี้ ในห้องรับแขก รพีพงษ์และโศศุจทั้งสองคนกำลังดื่มน้ำชากันอยู่
“อะไรนะ! นายแต่งงานแล้ว! ที่สำคัญยังมีลูกสาวแล้วด้วยเหรอ?”โศศุจวางถ้วยชาในมือของตัวเองลง สีหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อมองไปที่รพีพงษ์ ราวกับว่ารพีพงษ์ไปทำเรื่องทรยศมา
“ใช่แล้ว ลูกของผมเพิ่งครบเดือนมาไม่นานนี้เอง นี่น่าแปลกเหรอ?”รพีพงษ์จ้องไปที่โศศุจแล้วถาม
โศศุจถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ สีหน้าท่าทาง ราวกับว่าพลาดโอกาสดีๆไป
“ทำไมถึงแต่งงานแล้วล่ะ ที่สำคัญยังมีลูกสาวด้วย น่าเสียดายจริงๆ น่าเสียดาย”โศศุจพึมพำกับตัวเอง
รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของโศศุจ ก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกทันใด ทำไมเรื่องที่เขาแต่งงานมีลูกถึงได้กลายเป็นเรื่องน่าเสียดายไปได้ล่ะ
“ประธานโศศุจ ผมมีลูกสาว เป็นเรื่องที่มีความสุข ทำไมถึงได้เสียดายล่ะ?”รพีพงษ์เอ่ยปากถาม
“สำหรับนายแล้วเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว แต่ว่าสำหรับฉัน เหลือเพียงความเสียดาย ตอนนี้ก็ทำได้เพียงแค่คิด นายมีลูกสาวแล้วด้วย ลูกสาวของฉันไม่มีโอกาสเลยแม้แต่น้อย”โศศุจเอ่ยปากอย่างจนปัญญา
เมื่อรพีพงษ์ได้ยินคำพูดของโศศุจ ก็ลังเล ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
ในขณะนี้ชาลิสาเดินเข้ามาจากข้างนอก หลังจากที่โศศุจเห็นหล่อน ก็เอ่ยปากตรงๆว่า: “ลูกสาว ลูกไม่มีโอกาสแล้ว”
ชาลิสานิ่งไปชั่วขณะ เอ่ยปากถามว่า: “ไม่มีโอกาสอะไรเหรอ?”
“รพีพงษ์แต่งงานแล้ว ที่สำคัญมีลูกสาวแล้วด้วย ลูกไม่มีโอกาสแม้แต่น้อยเลย”โศศุจพูดตรงๆไม่อ้อมค้อม
ชาลิสาเข้าใจความหมายของโศศุจ ใบหน้าสวยเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที จากนั้นจ้องมองเขาอย่างโกรธๆ แล้วพูดว่า: “พ่อ พ่อพูดจาเหลวไหลอะไร เขาแต่งงานมีลูกสาว เกี่ยวอะไรกับหนู!”
“แน่นอนว่าเกี่ยวกับแก ลูกเขยที่ดีสมบูรณ์แบบแบบนี้ แกจะให้พ่อไปหาที่ไหนได้ล่ะ น่าเสียดาย ถูกคนอื่นแย่งไปแล้ว พ่อก็ทำได้เพียงแค่อิจฉาเขา”โศศุจเอ่ยปาก
ชาลิสากระทืบเท้าด้วยความโกรธ จากนั้นหันไปมองรพีพงษ์แวบหนึ่ง แววตาสั่นไหว เมื่อเห็นว่ารพีพงษ์จ้องมองมาที่ตัวเอง ก็รีบหันหน้าไปทางอื่น
หล่อนรู้สึกว่าถ้าตัวเองยังอยู่ที่นี่อีกต่อไป ก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้ว ดังนั้นจึงหันหลังเดินออกไปข้างนอก
“ยัยเด็กบ้านี่ ปกติแล้วเป็นคนที่ราวกับหลุดพ้นจากโลกมนุษย์ แต่จริงๆแล้วขี้อายมาก”โศศุจเอ่ยปาก
รพีพงษ์ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน คิดในใจว่ามีพ่อที่ปากตรงกับใจอย่างคุณ ไม่ขี้อายก็ไม่ได้แล้ว
ในไม่ช้า ชาลิสาที่ออกไปแล้วก็ย้อนกลับมาอีกครั้ง โศศุจยังอยากจะถามล้อชาลิสาเล่นว่ากลับมาอีกทำไม ในขณะนี้ มีเสียงของผู้ชายที่ค่อนข้างแหลมคมดังขึ้น
“ลิสา ทำไมเมื่อคุณเห็นผมต้องหนีด้วยล่ะ ผมไม่กินคุณหรอก ครั้งนี้ ผมจะต้องแต่งงานกับคุณให้ได้ คุณก็ตอบตกลงกับผมเถอะ”
หลังจากที่โศศุจได้ยินเสียงนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าก็หายไปอย่างไรร่องรอยทันที และก็ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้
ชาลิสาหลบอยู่ข้างหลังโศศุจด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และยังแอบมองไปที่รพีพงษ์ที่อยู่ด้านข้างแวบหนึ่ง
ในตอนนี้มีร่างหนึ่งกระโดดเข้ามาในห้องรับแขกอย่างรวดเร็ว ความเร็วของคนคนนั้นรวดเร็วมาก ที่สำคัญบนร่างกายก็มีพลังอานุภาพ แวบแรกก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดา
รพีพงษ์มองไปที่ชายคนนั้น พบว่าชายคนนี้อยู่ในช่วงอายุสามสิบกว่า ไว้หนวดเคราแพะ เบ้าตาทั้งสองข้างลึก ดูไปแล้วทำให้ผู้คนรู้สึกอึมครึม
“ครองสุข นายมาทำอะไรที่นี่อีก! ฉันเคยบอกไปแล้วไม่ใช่ว่า ที่สำนักงานใหญ่สหพันธ์สหภาพจีน ไม่ต้อนรับนาย?”โศศุจพูดกับคนคนนั้นด้วยสีหน้าไม่ดี
ครองสุขหัวเราะแฮะๆ แล้วพูดว่า: “พ่อตา คุณพูดแบบนี้ก็ไม่ถูก ลูกเขยของท่านมาสู่ขอถึงที่ คุณควรจะยินดีถึงจะถูก สินสอดผมก็เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว คุณรีบให้ลิสาหมั้นหมายกับผมเถอะ”
“แกอย่ามาพูดจาเหลวไหลไร้สาระที่นี่ ใครเป็นพ่อตาของแก ลูกสาวของฉันไม่วันแต่งงานกับคนอย่างหรอก แกรีบไสหัวไปซะ ไม่อย่างนั้นอย่างหาว่าฉันไม่เกรง!”โศศุจตะคอกอย่างเย็นชา
ครองสุขไม่ได้มีความตั้งใจที่จะออกไป แต่กลับยิ่งหน้าด้าน แล้วพูดว่า: “พ่อตา ลงมืออาจจะทำลายมิตรภาพได้ คุณก็รู้ ความแข็งแกร่งของเราสองคนนั้นเทียบเท่ากัน ต่อสู้ขึ้นมาก็ตัดสินผลไม่ได้ ที่สำคัญคุณอายุมากกว่าผม แล้วผมก็เป็นลูกเขยในอนาคตของคุณด้วย คุณลงมือกับผม นี่ก็คือรังแกคนไม่ใช่เหรอ?”
“แกอย่าพูดจาเหลวไหลที่นี่นะ! ลูกเขยในอนาคตของฉัน เป็นใครก็ได้ที่ไม่ใช่คนที่มักมากตัณหากลับอย่างแก!”โศศุจพูดอย่างโกรธๆ
“อย่าพูดอย่างนั้น ผมทำไมล่ะ ถึงยังไงผมก็เป็นยอดฝีมือเน่ยจิ้งขั้นกลาง คุณมีลูกเขยแบบนี้ น่าจะมีความสุขถึงจะถูก ผมก็แค่อายุมากกว่าลิมาไม่กี่สิบปีเอง นี่ก็ยังอยู่ในขอบเขตที่พอจะรับได้อยู่ คุณก็อย่าทำลายชีวิตแต่งงานที่สวยงามระหว่างผมกับลิสาเลย”ครองสุขพูดอย่างหน้าด้านไร้ยางอาย
รพีพงษ์หรี่ตาลง คาดไม่ถึงว่าคนแบบนี้ก็เป็นยอดฝีมือเน่ยจิ้งขั้นกลาง สามารถบรรลุถึงระดับนี้ได้ในวัยสามสิบกว่า ครองสุขคนนี้ก็เป็นมีความสามารถที่หาได้ยากจริงๆ
“ใครจะไปมีชีวิตแต่งงานที่งดงามกับแก นายก็เป็นแค่คนจิตวิปริต ต่อให้ความแข็งแกร่งแค่ไหน ฉันก็ไม่มีทางชอบคนอย่างนาย!”ชาลิสาตะโกนใส่ครองสุข
“ลิสา อย่าพูดแบบนี้ ฉันเสียใจนะ”คำพูดของครองสุข ทำให้ทั้งสามคนที่อยู่ในเหตุการณ์ขนลุกซู่
โศศุจมองดูผู้ชายที่หน้าด้านไร้ยางอายคนนี้ ปวดหัวอย่างฉับพลัน ครองสุขตามจีบชาลิสามากว่าครึ่งปีแล้ว แม้ว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งเน่ยจิ้งขั้นกลาง แต่คนคนนี้ก็ไม่มีความยับยั้งชั่งใจ มีความต้องการทางเพศสูง เพียงแค่ดูที่ลักษณะใบหน้าก็สามารถบ่งบอกได้ว่าคนคนนี้เป็นคนที่สับปลับแค่ไหน
นอกจากนี้เขาก็มักจะกลับตาลปัตร ทำให้คนเกิดความรู้สึกขนลุก ดังนั้นโศศุจไม่กล้ายกลูกสาวตัวเองให้กับคนแบบนี้
ในขณะนี้โศศุจสังเกตเห็นรพีพงษ์ที่อยู่ด้านข้าง ก็กลอกตาไปมาทันที จากนั้นกลอุบายอันชาญฉลาดคืบคลานเข้ามาในหัวใจ เขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาด และพูดกับครองสุขว่า:
“นายก็อย่าคิดเพ้อเจ้อไปหน่อยเลย ฉันมีลูกเขยแล้ว ที่สำคัญลูกสาวของฉันก็ชอบมากเช่นกัน ทั้งสองคนหมั้นกันแล้ว ดังนั้นนายไม่มีโอกาส”
“ลูกเขยของฉันก็อยู่ที่นี่ นายยังไม่รีบไปอีก พวกเราไม่ต้อนรับนาย”
ด้วยคำพูดนั้น โศศุจก็ชี้นิ้วไปที่รพีพงษ์