พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่738 ไม่ใช่ธุระอะไรของผม
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่738 ไม่ใช่ธุระอะไรของผม
บทที่738 ไม่ใช่ธุระอะไรของผม
คนของสี่ตระกูลใหญ่ได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็ล้วนสิ้นหวัง เพียงแค่คนที่ลงมือไม่ใช่รพีพงษ์ ปรมาจารย์เน่ยจิ้งก็จะไม่มีทางเข้ามายุ่งได้จริงๆ
ตอนนี้ทามันเพิ่งจะรับรู้ว่าสี่ตระกูลใหญ่กำลังเจออยู่กับสถานการณ์แบบไหน เหงื่อไหลหยดย้อย ปากสั่น
นายใหญ่อีกสามคนที่เหลือก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขาเลย ขณะนี้ล้วนตัวสั่น ขาสองข้างสั่นรัวๆ แต่ก็เพราะนักฆ่าที่อยู่ข้างๆจึงไม่กล้าขยับอะไรมาก
“ร……รพีพงษ์ พวกเราผิดไปแล้ว ได้โปรดให้โอกาสพวกเราด้วย หากแกให้โอกาสพวกเรา พวกเราสี่ตระกูลใหญ่สามารถเอาทุกอย่างไว้ในชื่อแก ต่อจากนี้ไปคอนเน็คชั่นของสี่ตระกูลใหญ่ แกเป็นคนดูแล เพียงแค่ไว้ชีวิตพวกเราด้วยเถิด” ทามันกล่าว
“ใช่ เพียงแค่คุณปล่อยพวกเราไป อยากได้อะไรว่ามา” นายใหญ่ที่เหลืออีกสามคนก็กล่าวต่อ
รพีพงษ์ยิ้ม กล่าว “ขอโทษนะ คอนเน็คชั่นเล็กๆของพวกคุณ ไม่อยู่ในสายตาผม ความผิดยางอย่าง ไม่ใช่แค่ขออภัยแล้วจะได้”
ทุกคนใจเต้นรัวๆ คำพูดของรพีพงษ์ ราวกับประกาศประหารชีวิตของเขาโดยตรง
พวกคทาวุธล้วนเข้าใจ ว่าถ้ารพีพงษ์ไม่พูดออกมา เกรงว่าคืนนี้พวกเขา จะต้องไปหายมบาลแล้วล่ะ
“รพีพงษ์ ปล่อยพวกเราไปเถอะนะ พวกเราผิดไปแล้ว ตอนบ่ายพวกเราไม่ควรยโสโอหังต่อหน้าคุณ ขอคุณได้โปรดใจกว้าง เพียงแค่ให้พวกเราได้มีชีวิตต่อไป ไม่ว่าจะให้พวกเราทำอะไรพวกเราก็ยอมทั้งนั้น” ขณะนี้คทาวุธไม่มีท่าทางของคุณชายอีกต่อไป จะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว จะสนเรื่องเกียรติยศและศักดิ์ศรีอีกทำไม
“รพีพงษ์ ฉันมันอัปลักษณ์ ฉันเป็นคนที่อัปลักษณ์ที่สุดในโลก เพียงแค่คุณไว้ชีวิตพวกเรา คุณอยากว่าฉันยังไงก็เชิญ ฉันผิดไปแล้ว” กันติศาขอชีวิต
รพีพงษ์มองเขาทั้งคู่ แล้วยิ้ม กล่าวว่า “ถ้าพวกแกไม่พูด ฉันก็ลืมพวกแกไปแล้วล่ะ ในเมื่อตอนนี้พวกแกทำให้ฉันนึกถึงเรื่องตอนบ่ายขึ้นมา งั้นเรื่องวันนี้ ก็ยิ่งไม่ต้องคิดอะไรมากแล้วล่ะ”
พูดจบ รพีพงษ์ก็หันหลัง เดินออกไปนอกโรงแรม
คทาวุธและกันติศางง คนของสี่ตระกูลใหญ่มองพวกเขา อยากจะพุ่งเข้าไปตบพวกเขาอย่างแรงๆหลายๆฉาด
ชาลิสาและไอ้อ้วนเห็นรพีพงษ์เดินออกมา ก็รีบตามไป ครองภพไม่ลังเล เรื่องตรงนี้ มอบให้เป็นหน้าที่ของนักฆ่าก็ได้แล้ว เขาในฐานะเน่ยจิ้งขั้นกลาง ต้องออกไปก่อนที่จะลงมือ
สี่คนเพิ่งจะเดินถึงด้านนอกของโรงแรม ก็ได้เจอเข้ากับปรมาจารย์เน่ยจิ้งทั้งเจ็ดคน
ศรัณย์ผู้นำเดินนำหน้า มองไปที่รพีพงษ์อย่างซับซ้อน แล้วหยุดลงอย่างช้าๆ
หลังจากที่รพีพงษ์เห็นศรันย์แล้วนั้น ก็ยิ้ม แล้วกล่าว “ไม่เจอกันนานนะ หัวหน้าศรัณย์”
“ดูๆไปวันนี้พวกเรามองข้ามฝีมือของคุณไป คนที่ออกจากคุกที่ห้าได้สำเร็จคนแรกของประวัติศาสตร์ แล้วแต่ปรมาจารย์ชินาธิปก็ตายด้วยน้ำมือของคุณ ตอนแรกที่ได้รับข่าวนี้ ผมไม่กล้าเชื่อเลย” ศรัณย์กล่าว
“หัวหน้าศรัณย์ก็พูดเกินไป” รพีพงษ์ตอบ
ศรัณย์และสมาชิกปรมาจารย์เน่ยจิ้งที่เหลือล้วนจ้องรพีพงษ์ รพีพงษ์ที่อยู่ด้านหน้า มีฝีมือระดับปรมาจารย์ นี่หมายถึง วัยรุ่นที่อายุเพียงยี่สิบกว่าปีนั้น ก็เป็นปรมาจารย์ที่แท้จริงได้
จะไม่ให้พวกเขาหมดอาลัยตายอยากได้อย่างไร
โดยเฉพาะผลบุญ ตอนที่เขาเห็นรพีพงษ์ในครั้งแรกนั้น คิดว่ารพีพงษ์เป็นรุ่นน้องที่เพิ่งได้เน่ยจิ้งเท่านั้น จากนั้นครั้งแล้วครั้งเล่าที่รพีพงษ์ได้ล้างความคิดของเขา
จนกระทั่งได้รับข่าวที่ว่ารพีพงษ์ฆ่าชินาธิป เขาก็ชาไปทั้งตัว สงสัยว่าตัวเองกำลังอยู่ในภวังค์แห่งความฝัน
“ถ้าผมเดาไม่ผิดล่ะก็ วันนี้ที่คุณมาที่นี่ ก็เพื่อลงมือต่อคนของสี่ตระกูลใหญ่ รพีพงษ์ ถึงแม้คุณจะมีฝีมือเป็นปรมาจารย์ แต่ผมก็ยังต้องเตือนคุณไว้อย่าง ลงมือฆ่าคนทั่วไป ก็ยังคงเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ บางทีพวกเราอาจห้ามคุณไม่ได้ แต่ยังไงก็จะต้องมีคนทำให้คุณได้รับการลงโทษ” ศรัณย์กล่าวอย่างเป็นทางการ
รพีพงษ์ยิ้มพลางกล่าว “หัวหน้าศรัณย์ก็เกินไป วันนี้ผมมากินข้าว ไม่ได้คิดจะลงมือกับพวกเขา แต่ผมได้ยินมาว่าเพราะการแย่งชิงอำนาจของสี่ตระกูลใหญ่ จึงถูกอีกฝั่งฆ่า นี่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับผมแล้วนะ?”
ศรัณย์ชะงัก ไม่เข้าใจที่รพีพงษ์พูด
ในขณะเดียวกันนี้เอง ในโรงแรมมีเสียงโอดครวญดังขึ้นมา แขกที่สี่ตระกูลใหญ่เชิญมาร่วมงานต่างพากันออกมา ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
ศรัณย์ส่งสายตาให้คนที่อยู่ด้านหลัง ทั้งหกรีบพุ่งเข้าไปในโรงแรม
ประมาณห้านาทีให้หลัง ทั้งหกพุ่งออกมา ผลบุญมาข้างๆศรัณย์ แล้วกล่าว “คนที่อยู่ด้านในล้วนเป็นนคนของสี่ตระกูลใหญ่ ถูกฆ่าปาดคอ ไม่มีใครรอด ไม่ใช่ฝีมือของเน่ยจิ้ง น่าจะเป็นฝีมือของนักฆ่า นักฆ่าพวกนั้นเร็วมาก ตอนนี้หาไม่เจอแล้ว”
ศรัณย์ได้ยินผลบุญรายงานแล้วนั้น ก็สูดหายใจลึก มองไปที่นัยนต์ตาของรพีพงษ์ยิ่งเพิ่มความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
รพีพงษ์รีบกล่าวในทันทีว่า “อย่าใช้สายตาแบบนี้มองผมนะ ผมไม่ได้ทำ เมื่อกี๊ผมยืนอยู่หน้าคุณ ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ พวกคุณอย่าเอาผมไปขังไว้ในคุกที่ห้าอีกนะ”
ศรัณย์ปวดหัว เจอคนแบบนี้ ไม่รู้จะต่อกรยังไงดี
“คุณยังมีศัตรูที่ไหนในไชน่าทาวน์อีกบ้างไหม บอกผมหน่อย ผมกลัวว่าผมจะเป็นโรคหัวใจเพราะคุณ ผมยังอยากใช้ชีวิตอีกนาน” ศรัณย์กล่าว
“สบายใจได้ สี่ตระกูลใหญ่นี่เป็นคนสุดท้ายแล้ว กำจัดพวกมันได้ ผมก็กลับประเทศแล้ว” รพีพงษ์กล่าว
ได้ยินคำพูดนี้ของรพีพงษ์ ปรมาจารย์เน่ยจิ้งทั้งเจ็ดก็ผ่อนคลายลง
ชาลิสาเหลือบมองรพีพงษ์ ด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์
ข่าวที่สี่ตระกูลใหญ่ถูกล้างบาง ภายในคืนเดียว ได้แพร่ไปทั่วไชน่าทาวน์ รพีพงษ์ชื่อนี้ ได้กลายเป็นหัวข้อในการสนทนาหลังมื้ออาหารของคนทั่วไปอีกครั้ง ตอนแรกไชน่าทาวน์ของอเมริกา มีตระกูลชั้นนำไม่กี่ตระกูล สุดท้ายพอรพีพงษ์มา ตระกูลชั้นนำเหล่านี้ก็ถูกล้างบางไป ถ้าพวกเขาไม่ได้เห็นตระกูลนิธิวรสกุลแล้วสี่ตระกูลใหญ่พังลงกับตา ไม่งั้นไม่มีทางเชื่อได้
เทือกเขากิสนาเพราะการจากไปของสี่ตระกูลใหญ่ ก็ทำให้ไชน่าทาวน์ของอเมริกาเป็นอิสระอีกครั้ง เชื่อว่าใช้เวลาไม่นาน ไชน่าทาวน์ของอเมริกาก็จะมีตระกูลใหม่ที่มีความสามารถโผล่ขึ้นมาอีก
ตอนนี้ รพีพงษ์ได้ล้างแค้นทั้งหมด เขาก็ต้องกลับประเทศจีน ตอนนี้ได้จองวันไว้แล้ว
ในขณะเดียวกันนี้เอง ตระกูลลัดดาวัลย์แห่งเกียวโต กำลังเผชิญกับวิกฤต