พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่765 วัดเล็กๆ
บทที่765 วัดเล็กๆ
อารียาและรพีพงษ์ทั้งคู่เดินมาถึงหน้าประตูวัด เห็นประตูของวัดปิดสนิท ไม่รู้ด้านในมีคนอยู่หรือไม่
“มีคนอยู่ไหมคะ?” อารียาตะโกนถาม
“ไม่แน่อาจเป็นวัดร้าง ไม่งั้นไกด์ก็ต้องแนะนำที่นี่แล้วสิ คุณดูนะที่นี่เหมือนไม่ค่อยมีคนมาเลย วัดนี้น่าจะไม่มีคน” รพีพงษ์กล่าว
อารียาพยักหน้า รู้สึกว่าที่รพีพงษ์พูดนั้นอาจเป็นไปได้อยู่
แต่เขาเพิ่งพูดจบยังไม่ทันขาดคำ ประตูของวัดเล็กก็ถูกเปิดออก เดินในมีคนคล้ายนักบวชเดินออกมาสองคน
นักบวชทั้งสองกล่าวต่อรพีพงษ์และอารียาอย่างสุภาพ หนึ่งในนักบวชนั้นกล่าว “ท่านทั้งสอง พบเจอสถานที่นี้ของเขา ถือว่าเป็นโชคดีของพวกคุณ และเป็นความภูมิใจของพวกเรา พวกเรามีกฎว่า หากเจอคนของวัดเล็กของเรา จะได้รับพร เชิญท่านทั้งสองทางนี้”
หน้าตาอารียาดีใจ ไม่คาดคิดว่าวัดเล็กขนาดนี้จะให้พรได้ด้วย แม้เธอไม่เชื่อในศาสนาพุทธ แต่เกี่ยวกับเรื่องวพิเศษแบบนี้ เธอก็ไม่ลบหลู่ อีกอย่างเค้าก็จะมอบความสุขให้ ดังนั้นเธอจังเดินเข้าไปอย่างมีความสุข
รพีพงษ์เห็นดังนี้ ก็ตามเข้าไป ด้านในของวัดเล็ก
ในวัดเล็กมีกลิ่นหอมของธูป ดูๆไปน่าจะเพิ่งจุด มีพระพุทธรูปองค์ไม่ใหญ่มากอยู่ตรงกลาง ด้านหน้าเต็มไปด้วยของบูชา
พระรูปหนึ่งที่สวมใส่จีวรสีเหลืองกำลังนั่งอยู่ด้านหน้าของพระพุทธรูป นักบวชสองคนนั้นเดินไปด้านหน้าเขา หนึ่งในนั้นกล่าว “เจ้าอาวาส พรหมลิขิตมาถึงแล้ว”
พระที่ได้ถูกเรียกว่าเจ้าอาวาสได้เปิดตาขึ้น ยืนขึ้นจากพื้น หันหน้าไปมองรพีพงษ์และอารียา ด้วยรอยยิ้ม
“ดูจากลักษณะของโยมทั้งสองแล้ว กำลังจะมีโชคในช่วงนี้ โดยเฉพาะโยมผู้หญิง หน้าตามีเลือดฝาด ท่าทางกระปรี้กระเปร่า ต้องมีเรื่องให้ดีใจแน่นอน” เจ้าอาวาสกล่าว
อารียาก้มหน้าลงแล้วยิ้ม ที่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับรพีพงษ์นั้น ถือเป็นเรื่องที่ทำให้เธอดีใจที่สุดแล้ว
“ในเมื่อวันนี้พรหมลิขิต งั้นอาตมาก็จะส่งมอบความสุขให้ โยมหญิง ตามอาตมามา”
เจ้าอาวาสทำท่าเชิญให้อารียา จากนั้นก็เดินเข้าไปในประตูเล็ก
อารียาพยักหน้า จากนั้นก็เดินเข้าไปด้านใน
รพีพงษ์ก็เดินตามเข้าไป แต่ถูกนักบวชสองคนขวางไว้
“พิธีกรรมของเจ้าอาวาส ครั้งหนึ่งเข้าได้แค่คนเดียวเท่านั้น ขอโยมกรุณารอสักครู่”
อารียาหันหน้ามองรพีพงษ์ กล่าว “น่าจะเสร็จเร็ว คุณรอก่อนแล้วกัน”
รพีพงษ์ไม่คิดมาก แล้วก็พยักหน้า คิดว่าวัดนี้ไม่ใหญ่ ด้านในอาจจะนั่งไม่พอ
หลังจากที่มองอารียาเดินไปกับเจ้าอาวาสแล้วนั้น รพีพงษ์ก็ดูด้านในของวัด เขาสังเกตเห็นมุมบางมุมของวัดว่ามีฝุ่นเกาะอยู่มาก ราวกับว่าตอนที่นักบวชทำความสะอาดนั้นแค่ทำความสะอาดแบบผ่านๆเท่านั้น
ดูพระพุทธรูปอีกครั้ง มีบางจุดที่สีลอกออกมาแล้ว เหมือนกับไม่มีคนทำนุบำรุงมานานแล้ว ไม่รู้ว่าการทำแบบนี้ถือเป็นการไม่เคารพพระพุทธเจ้าหรือไม่
ไม่นานหลังจากที่เจ้าอาวาสพาอารียาเข้าไปนั้น นักบวชก็เดินตามเข้าไป ห้องโถงเหลือเพียงรพีพงษ์คนเดียวเท่านั้น ทำให้รพีพงษ์รู้สึกว่าพวกนักบวชไม่ค่อยเข้าท่า มักจะทำอะไรลึกลับ ความจริงก็แค่ต้องการค่าธูปเทียนเท่านั้น
แต่ขอแค่อารียาดีใจ แม้จะถูกโดนโกงเงินนิดหน่อย ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็รู้สึกสบายใจ
ผ่านไปประมาณสิบห้านาที ก็ยังคงไม่มีเสียงอะไรเกิดขึ้น อารียายังไม่ออกมาจากด้านใน รพีพงษ์จึงเริ่มรำคาญ
บวกกับวัดนี้ไม่ดูค่อยถูกหลักเกณฑ์สักเท่าไหร่ รพีพงษ์เริ่มรู้สึกไม่ค่อยสบายใจขึ้นมา
ประตูเล็กด้านหลัง เป็นห้องเก่าที่มีแสงสว่างเล็กน้อยเท่านั้น ขณะนี้อารียานั่งบนเก้าอี้ เป็นลมไปแล้ว ร่างกายถูกเชือกมัดไว้
เธอเพิ่งเข้าไปไม่นาน เจ้าอาวาสคนนั้นได้เอาธูปหอมมาวนๆอยู่บริเวณใบหน้าของเธอ จากนั้นอารียาก็รู้สึกมึนๆ ไม่นานก็สลบไป
ขณะนี้เจ้าอาวาสจ้องไปที่อารียาด้วยความดูแคลน ราวกับไม่ได้เป็นพระอรหันต์อย่างไรอย่างนั้น
“ของดีจริงๆด้วย แบบนี้ ทำเอาฉันทนไม่ไหวแล้ว เสียดายของดีแบบนี้ ให้อาจารย์ได้ลิ้มลอง ฉันไม่มีโอกาสนี้แล้ว” เจ้าอาวาสบ่นพึมพำ
“พวกแกทั้งสอง พาหญิงคนนี้ขึ้นไปบนเขาเดี๋ยวนี้ มอบให้กับอาจารย์” เจ้าอาวาสจ้องไปที่นักบวช
“แล้วคนด้านนอกล่ะ?”
เจ้าอาวาสยิ้ม กล่าว “เขายุผิงใหญ่ขนาดนี้ คนที่ไม่เดินตามทางหลัก ก็มีคนสองคนที่ถูกสัตว์ร้ายกินไป ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร เดี๋ยวมันฉันจัดการเอง พวกแกทั้งสองรีบพาหญิงคนนี้ไปบนเขาเดี๋ยวนี้”
นักบวชทั้งสองพยักหน้า จากนั้นก็ยกเก้าอี้ที่มัดตัวอารียาขึ้น เดินออกไปทางประตูหลัง ขึ้นเขาไป
ณ ห้องโถง รพีพงษ์ไม่อยากรออีกแล้ว ได้เดินเข้าไปในประตูเล็กนั้น
ขณะนี้เจ้าอาวาสได้เดินออกมาจากด้านใน ด้วยรอยยิ้มเลศนัยจ้องไปที่รพีพงษ์
“ภรรยาผมล่ะ?” รพีพงษ์ถาม
“อาตมาได้แสดงธรรมให้ภรรยาของคุณ และบวชให้เธอแล้ว ต่อจากนี้ไปโยมไม่จำเป็นต้องเจอเธออีกต่อไป” เจ้าอาวาสยิ้ม
รพีพงษ์เห็นท่าทางเจ้าอาวาสจากนักบวชเป็นกุ๊ย ก็รู้แล้วว่าติดกับดักแล้วล่ะ ด่าในใจ แล้วตะโกนออกมาว่า “รีบเอาภรรยาผมคืนมา ไม่งั้นผมจะฆ่าคุณซะ!”
“เหอะเหอะ ไม่คาดคิดว่าจะบ้าดีเดือดเหมือนกันนะ จะบอกให้นะ ฉันเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์โอบนิธิเขาเป็นยอดฝีมือของแดนปรมาจารย์ และฉันเป็นลูกศิษย์ของเขา เป็นเน่ยจิ้งชั้นต้น อ้อใช่ แกไม่น่าจะรู้ว่าเน่ยจิ้งคืออะไร ก่อนอื่น แกต้องรู้ก่อน ว่าวันนี้แกจะไม่มีชีวิตกลับไปแล้ว พอแล้ว!”
“เมียของแกได้ถูกพาไปหาอาจารย์โอบนิธิแล้ว ถ้าเกิดข้อผิดพลาด คืนนี้ เธอจะได้รับความสุขจากอาจารย์โอบนิธิ แต่แก จะต้องตาย ถ้าจะโทษ ก็โทษตัวแกเองละกันที่โชคร้าย อยากจะมาวัดเล็กนี้ของเราให้ได้!”
เจ้าอาวาสพูดจบ จากนั้นก็พุ่งไปที่รพีพงษ์ ใช้มือหนึ่งจับคอรพีพงษ์ไว้
รพีพงศ์ดูแคลน ไม่คิดว่าอาจารย์โอบนิธิอะไรนั่นจะเป็นคนสกปรกแบบนี้ กล้าทำเรื่องแบบนี้ ผู้หญิงเหล่านั้นที่หายตัวไป ก็น่าจะเป็นฝีมือของพวกเขานั่นแหละ
รพีพงษ์เกรี้ยวกราดขึ้นทันใดในขณะที่เจ้าอาวาสพุ่งเข้าไปหารพีพงษ์นั้น รพีพงษ์ก็จับข้อมือเขาไว้ ใช้แรง หักข้อมือนั้นเสีย
สีหน้าเจ้าอวาสถอดสี ไม่คิดว่ารพีพงษ์จะเก่งกาจขนาดนี้ เหงื่อไหลออกมาเต็มหน้า
“แก……แกเป็นใคร? ทำไม ทำไมเก่งกว่าอาจารย์โอบนิธิเสียอีก?”
รพีพงษ์ดูแคลน ไม่สนใจคำพุดของเจ้าอาวาส ยกขาขึ้นมา แล้วถีบไปที่เขา เสียงดังเคร็ก เจ้าอาวาสล้มลงกับพื้น ยอดฝีมือเน่ยจิ้งชั้นต้น ถูกรพีพงษ์หักมือหักขาเสียแล้ว
“พูดมา พวกแกทำอะไรกับภรรยาของฉัน! ถ้าเธอเป็นอะไรไปแม้แต่น้อย อย่าว่าแต่ไอ้อาจารย์โอบนิธิบ้าบออะไรนั่น แม้แต่วัดมังกรของพวกแกทั้งหมด ก็จะพังลง!”