พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่782 จะต้องถอนรากถอนโคน
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่782 จะต้องถอนรากถอนโคน
บทที่782 จะต้องถอนรากถอนโคน
“รพีพงษ์ท้าทายวงการบู๊หัวเซี่ย ไม่ใช่วิธีการที่ฉลาดอะไรเลยนะ ต้องพิจารณาให้ดี”ท่านคทามองรพีพงษ์ด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“นั่นสินะลูกพี่ เรื่องแบบนี้ซี๊ซัวะพูดไม่ได้ พลังคนคนเดียว ต่อต้านทั้งวงการบู๊หัวเซี่ย นั่นก็บ้าคลั่งเกินไป”ครองภพรีบพูดเสริม
“รพีพงษ์ ตามที่ฉันดูนะ เราเชิญอาจารย์มาเถอะ นายต่อกรกับพวกเขาเพียงลำพัง มันเหนื่อยเกินไปจริงๆ แล้วแถมยังติดหลุมพรางของห้าตระกูลใหญ่อีก พวกเขาคงอยากให้นายทำแบบนี้แน่”เวทัสเองก็เอ่ยปากอย่างยากเย็น
รพีพงษ์ยิ้มมองคนในห้องโถง เห็นทุกคนต่างเป็นห่วงตยเอง จึงอธิบาย“ทุกท่านไม่ต้องเป็นห่วงครับ การท้าทายวงการบู๊หัวเซี่ย เป็นเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น ในเมื่อห้าตระกูลใหญ่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของวงการบู๊แห่งหัวเซี่ย ก็ปะทะกับห้าตระกูลใหญ่ก็พอ ส่วนที่เหลือ ไม่ได้มีศักยภาพเทียบเท่าห้าตระกูลใหญ่ ไม่ควรค่าแก่การพิจารณา”
“ศิษย์พี่ ต่อให้ต้องสู้รบปรบมือกับห้าตระกูลใหญ่ แต่ท่านคนเดียวจะต่อกรกับพวกเขาไหวหรือ พวกเขาทั้งห้าตระกูลต่างมีปรมาจารย์ฝีมือชั้นสูงอยู่ กับลูกศิษย์ลูกหาจำนวนนับไม่ถ้วน ท่านคนเดียวจะสู้ไหวหรือ”ดำเกิงเอ่ยปากพูด
รพีพงษ์ยักไหล่ หลังจากที่รู้กลยุทธ์ลับ รพีพงษ์ก็ไม่หวาดหวั่นอะไรอีกต่อปรมาจารย์ทั้งหลาย อีกทั้งกำลังภายในเขาน่าสะพรึง เขาถึงขั้นรู้สึกว่าปรมาจารย์บางคนอาจจะสู้เขาไม่ได้
ต่อให้ปรมาจารย์ห้าตระกูลรวมกันกับยอดฝีมือที่เหลือทั้งหมด รพีพงษ์ก็พร้อมสู้
เป็นความมั่นใจในศักยภาพแห่งตน พวกดำเกิงไม่เข้าใจมุมนี้ของรพีพงษ์ จึงต้องกังวล
“เอาล่ะ เรื่องนี้ก็ว่าตามนี้แล้วกัน ตอนนี้หาคนไปส่งข่าว บอกว่าผมต้องการท้าทายวงการบู๊แห่งหัวเซี่ย สถานที่คือสถานที่ที่พวกเขาจัดงานประลอง ตอนนี้นัดวันเดียวกันแล้วกัน……อืม สิบการประลอง”
“ห้าตระกูลใหญ่นี้ใช้ผมเป็นเครื่องมือปล่อยข่าว ถ้าผมไม่โต้กลับบ้าง เกรงว่าพวกเขาคงจะคิดว่าผมง่ายเกินไป ดังนั้นสิทธิ์ขาดในครั้งนี้ จะต้องอยู่ในมือผม งานประลองบ้าบออะไร ต้องฟังผมคนเดียว”
ผู้คนเห็นรพีพงษ์แน่วแน่ขนาดนี้ ต่างรู้ว่าคงจะโน้มน้าวยาก และรพีพงษ์ก็ไม่ใช่คนหัวอ่อน ถ้าเขาคิดจะทำอะไร เขาก็คิดจะทำให้สุด ต่างจึงไม่โต้เถียงรพีพงษ์
แต่ว่าเวทัสกับดำเกิงทั้งคู่รู้สึกว่าอย่างไรก็ควรบอกกล่าวอาจารย์ให้รับทราบอยู่ดี จึงได้คิดหาวิธีการติดต่อพิเศษจากเมืองเกียวโต เพื่อบอกกล่าวอาจารย์
ประมุขแห่งตระกูลลัดดาวัลย์ ท้าทายวงการบู๊หัวเซี่ย แต่ละวันจัดสิบการประลอง ยอดฝีมือแห่งวงการบู๊หัวเซี่ยต่างก็มาร่วมงาน!หลังจากที่บดีศวรออกจากบ้านลัดดาวัลย์ ข่าวลือก็สะพัดสะพือไปทั่ว รู้กันทั่วแม้ตรอกเล็กซอยย่อยในเมืองเกียวโต
เดิมทีทุกคนคิดว่ารพีพงษ์ไม่กล้าเข้าร่วมงานประลอง แต่ปรากฏว่าปฏิกิริยาที่รพีพงษ์ตอบกลับ ทำให้ต่างตกตะลึงกันไปทั่ว
รพีพงษ์ท้าทายวงการบู๊แห่งหัวเซี่ย เป้าหมายชัดเจน เขาไม่เห็นห้าตระกูลใหญ่อยู่ในสายตา ทำให้ทุกคนรู้สึกว่ารพีพงษ์บ้าคลั่งอย่างไร้ขอบเขต
แม้ว่าทุกคนต่างได้ฟังเรื่องราวของรพีพงษ์มาก่อน ต่างรู้ว่าเขาเก่งกาจ แต่ว่าคนๆเดียวจะท้าทายวงการบู๊หัวเซี่ยทั้งวงการได้อย่างไร ในมุมมองของทุกคน รู้สึกว่าเป็นการกระทำที่ไร้ความคิด
ดังนั้นในตอนที่ทุกคนกำลังศรัทธาในความกล้าของรพีพงษ์ ก็มีคนไม่น้อยที่คิดว่ารพีพงษ์เสแสร้ง
“ในเมื่ออยากวันแมนโชว์ ท้าทายวงการบู๊หัวเซี่ย รพีพงษ์คิดว่าในวงการไม่มีใครจัดการเขาได้อีกแล้วอย่างนั้นหรือ”
“รพีพงษ์เก่งกาจดีนะ แต่ครั้งนี้วู่วามไปหน่อย เขาคนเดียว จะไปท้าทายทั้งวงการได้ไง”
“เสแสร้งแกล้งทำน่ะสิ ข่าวนี้ถ้ายอดฝีมือได้ยินเข้า รพีพงษ์คงจบเห่”
……
ที่โรงแรมพระจันทร์ทอง ห้าตระกูลใหญ่ได้เหมาโรงแรมไว้เป็นระยะเวลานาน ไว้เป็นฐานทัพในเกียว
โต
เวลานี้ภายในโรงแรมเมืองทอง ห้าตระกูลใหญ่รวมตัว กำลังหารือเรื่องรพีพงษ์จะเข้าร่วมงานประลอง
“รพีพงษ์นี่มันตัวตลกชัดๆ งานประลองยังไม่กล้าร่วม ไม่กลัวคนหัวเราะเยาะหรือไง”
“ประมุขบ้านวัชรชัยไปเรียนเชิญด้วยตัวเอง เขากลับปฏิเสธ คงจะกลัวจริงๆล่ะมั้ง”
บดีศวรนั่งอยู่บนเก้าอี้ ในหัวกำลังคิดเรื่องปะฝีมือกับรพีพงษ์ในบ้านลัดดาวัลย์ ฝีมือของรพีพงษ์เหนือความคาดหมาย เขาคิดว่าถ้าปะทะฝีมือกับรพีพงษ์จริงจัง เขาจะต้านรพีพงษ์ได้นานสักเท่าไหร่
ในขณะที่ทุกคนกำลังเกลียดรพีพงษ์ที่ปฏิเสธเข้าร่วมงานจนทำให้แผนการพวกเขาล้มเหลวอยู่นั้น มีคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในห้องโถง ร้องตะโกน“เมื่อกี้บ้านลัดดาวัลย์ปล่อยข่าว บอกว่ารพีพงษ์จะท้าทายวงการบู๊หัวเซี่ยทั้งวงการ สถานที่ก็คือสถานที่ในงานประลองนี่แหละ”
ทุกคนมองไปที่คนนั้นเป็นสายตาเดียว สีหน้าตระหนกตกใจ
“แกว่าไรนะ รพีพงษ์จะท้าทายทั้งวงการ เขาบ้าไปแล้วหรือไง”ประมุขตระกูลตระกูลเมฆมหัสที่ใหญ่ที่สุดในห้า ตระกูลเอ่ยปากถาม
คนๆนั้นรีบเล่ารายละเอียดอีกรอบ หลังจากที่ทุกคนได้ฟัง สีหน้าก็แสดงความตกใจ
“พ่อหนุ่มนี่บ้าเอาการ ปฏิเสธคำเชื้อเชิญของเรา แต่กลับต้องการมาท้าทายวงการบู๊หัวเซี่ย เท่ากับว่าไม่เห็นเราห้าตระกูลอยู่ในสายตาเลย”ธนพลเอ่ยสีหน้าเดือดดาล
“นั่นสิ หรือว่ารพีพงษ์ฆ่าปรมาจารย์สองคนตระกูลภูธนแล้ว คิดว่าจะจัดการคนในวงการได้หมดเหรอ ช่างโอหังเสียจริง!”ประมุขตระกูลตระกูลยศบวรเสริมด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
ทัดเทพ เจ้าบ้านตระกูลตะกั่วทุ่งกลอกตา พูดขึ้น“ทุกท่าน เด็กหนุ่มคนนี้บ้าระห่ำไปสักหน่อย แต่ว่าเรื่องนี้ ผมว่านับเป็นเรื่องดี”
“เป้าหมายงานประลองของเรา ก็เพื่อให้รพีพงษ์ออกมาแสดงฝีมือ แล้วจัดการเขาเสีย ตอนนี้เขาเป็นฝ่ายท้าทายเรา ทำให้เราทำงานง่ายขึ้นเยอะ ส่วนเขาจะเห็นห้าตระกูลใหญ่ของเราอยู่ในสายตาหรือไม่ ไม่สำคัญแล้ว พอเขาตาย ไม่มีใครจดจำหรอกว่าเขาบ้าระห่ำแค่ไหน”
ชเยศ ประมุขตระกูลเชาวกรกุลที่นั่งข้างๆบดีศวรพยักหน้าตาม ยิ้มแล้วพูด“ตอนแรกคิดว่าเจ้าหนุ่มนี้ยอมแพ้ ที่ไหนได้ไม่คิดว่าจะบ้าระห่ำแบบนี้ จะว่าไปเป็นเรื่องดีสำหรับเราจริงๆ โดยเฉพาะให้เรารับการประลองวันละสิบครั้ง การประลองสิบครั้งนี้ จัดติดต่อกัน พวกเราผลัดกันขึ้นได้ เอามันให้ตายคาที่”
ทุกคนต่างพยักหน้า รู้สึกว่ารพีพงษ์กำลังขุดกับดักให้ตัวเอง อดแค่นยิ้มขึ้นไม่ได้
สีหน้าบดีศวรแสดงความคาดหวัง พลางพูดขึ้น“ในเมื่อพ่อหนุ่มนี่เสนอวิธีการให้ตัวเอง งั้นพวกเราก็อย่าเกรงใจเลย”
“การประลองจัดได้ดีหรือไม่คงไม่สำคัญแล้ว ตอนนี้สิ่งสำคัญคือการจัดให้รพีพงษ์เข้าประลอง ต่อให้เก่งกาจแค่ไหน พลังก็หมดได้ ก็กลายเป็นแพะที่ถูกชำแหละอยู่ดี”
“ถึงเวลา ต่อให้ห้าตระกูลต้องขายหน้า ก็ต้องกำจัดให้สิ้นซาก!”