พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่798 คำขอของอาจารย์
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่798 คำขอของอาจารย์
บทที่798 คำขอของอาจารย์
“ยอดเยี่ยมที่สุด ยอดฝีมือแดนดั่งเทพ ที่แท้ก็น่ากลัวแบบนี้นี่เอง” รพีพงษ์พึมพำกับตัวเอง
ถ้าเขาอยู่ในแดนระดับนี้ วันนั้นตอนที่ต่อสู้ น่าจะใช้แค่อากาศ ก็สามารถเอาชีวิตของบดีศวรทั้งสี่คนได้แล้ว
ยอดฝีมือของแดนนี้ ไม่สามารถใช้คำทั่วไปมาอธิบายได้อีกแล้ว ฝีมือของพวกเขา เก่งเกินกว่าจะบรรยายได้
และคนที่อยู่หน้าของรพีพงษ์ในตอนนี้ คือคนที่เก่งเหนือคำบรรยาย
“หากผมฉันไม่ผิดล่ะก็ ถ้าพลังวิเศษเสนของแกได้ฝึกฝนช่ำชอง และถึงระดับปล่อยเน่ยจิ้ง ถึงเวลานั้น ฝีมือของแกจะก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว” อาจารย์กล่าว
“แดนปรมาจารย์ สุดท้ายแล้ว ก็คือทางโลก และแดนดั่งเทพ จึงจะเป็นแดนที่ตัดขาดจากทางโลกจริงๆ”
“แต่เพราะความเก่งกาจของแดนนี้ ดังนั้นถ้าสามารถมาถึงระดับนี้ได้ น้อยมาก นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมแกรู้ว่ามีแดนปรมาจารย์ แต่กลับไม่เคยได้ยินแดนดั่งเทพมาก่อน”
รพีพงษ์พยักหน้า เข้าใจความหมายของอาจารย์ แม้สำนักของศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริง ส่วนใหญ่จะละทางโลกกันไปแล้ว และมีจำนวนมากที่แอบซ่อนอยู่ พยายามไขว่คว้าศิลปะการต่อสู้โดยเฉพาะ แต่เอาเข้าจริง ระหว่างพวกเขากับทางโลกนั้น ยังคงมีการติดต่อกันอยู่
และมีเพียงคนที่เป็นแดนดั่งเทพ จึงจะถือได้ว่าละทางโลกอย่างสบายแล้วจริงๆ ผู้ที่สามารถมาถึงระดับนี้ได้ ล้วนมีความต้องการที่ต่างกันออกไป ความคิดของพวกเขา ล้วนเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่เข้าไม่ถึง ดังนั้นสังคมทางโลก จะมีข่าวคราวของแดนปรมาจารย์อยู่บ้าง แต่ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีข่าวเกี่ยวกับแดนดั่งเทพเลย
มีจะมี ผู้คนก็ไม่มีทางเชื่อ
เพราะมือของยอดฝีมือของแดนดั่งเทพมันมหัศจรรย์จริงๆ
“พอล่ะ ข้อสงสัยในใจของแกน่าจะหายไปแล้ว ต่อไปฉันขอพูดถึงเหตุผลที่ฉันรอแกตื่นมาหน่อยได้ไหม” อาจารย์ยิ้มพลางกล่าว
รพีพงษ์พยักหน้า กล่าว “เชิญอาจารย์พูดได้เลย”
“ความจริงที่ฉันอยู่ที่นี่รอแกตื่นขึ้นมา ก็เพราะอยากขอความช่วยเหลืออะไรจากแกหน่อย” อาจารย์กล่าวอย่างสงบ ด้วยสายตาของคนที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน
“อาจารย์มีอะไรจะให้ผมทำ กรุณาพูดมาได้เลย ผมจะทำมันอย่างเต็มที่” รพีพงษ์กล่าวอย่างไม่ลังเล ถ้าไม่มีอาจารย์ เขาไม่มีทางเดินมาถึงจุดนี้ได้ อาจารย์เป็นผู้มีพระคุณต่อเขา ดังนั้นเขาไม่มีทางปฏิเสธข้อเรียกร้องใดๆของอาจารย์ได้
“เมื่อกี๊ฉันได้พูดไปแล้ว ฉันกำลังหาบางอย่างเกี่ยวกับพลังวิเศษเสนอยู่ ช่วงหลายปีมานี้ฉันได้เจอเบาะแสบางอย่าง ถึงขั้นเจอจุดสำคัญ ถ้าสามารถเข้าไปที่นั่นได้ ฉันเชื่อว่าข้อสงสัยทุกอย่างเกี่ยวกับพลังวิเศษเสน จะถูกไขออก”
“เพียงแค่การที่จะเข้าไปที่นั่นได้นั้น จะต้องมีกุญแจดอกพิเศษ ช่วงหลายปีมานี้ฉันได้หาที่อยู่ของกุญแจนี้มาโดยตลอด”
พูดพลาง อาจารย์ก็ได้หยิบหยกแขวนออกมาจากชุด บนหยกแขวนเป็นรูปที่ซับซ้อนมาก ดูๆไปเหมือนกับเป็นโทเทม แวบแรกที่รพีพงษ์เห็น รู้สึกเหมือนกับโทเทมนั้นมีชีวิต ทำเอาตกใจไปตามๆกัน
แล้วก็ไม่รู้ว่าทำไม หลังจากที่ดูหยกแขวนนี้สักพักแล้วนั้น ความรู้สึกที่แตกซ่านของรพีพงษ์ที่เกิดขึ้นตอนเพิ่งตื่นนอนทันใดนั้นได้รวมกันเป็นหนึ่งโดยเร็ว
“หยกแขวนนี้มีชื่อว่าหยกโยงจิต นี่เป็นกุญแจที่ฉันพูดถึง แต่เป็นแค่หนึ่งในนั้นเท่านั้น หยกโยงจิตมีด้วยกันสามอัน มีเพียงเอาสามอันวางไว้ด้วยกัน ถึงจะสามารถเปิดสถานที่ที่ฉันพูดถึงออกได้ ฉันใช้เวลามานานหลายปี ก็หาเจอเพียงอันนี้เท่านั้น”
“แต่ที่โชคดีก็คือ ฉันรู้ถึงที่อยู่ของหยกโยงจิตที่เหลืออีกสองอันแล้ว”
“เพราะด้วยเหตุผลบางอย่าง อนาคตอันไม่ไกลนี้ ฉันจะต้องเผชิญกับภัยพิบัติ เพียงแค่เข้าไปที่นั่นได้ ถ้าฉันผ่านภัยพิบัติครั้งนี้ไปไม่ได้ จุดจบก็คือความตาย”
“เวลาของฉันเหลือไม่มาก เพื่อเผชิญกับภัยพิบัติที่จะมาถึง ฉันจะต้องเตรียมการอีกเยอะ นั่นหมายถึงฉันไม่มีเวลามากพอที่จะไปหาหยกโยงจิตอีกสองดอกที่เหลือ”
“แล้วครั้งนี้ฝีมือแกทำให้ฉันแปลกใจมาก ด้วยระดับปัจจุบันของแก ไปช่วยฉันหาหยกโยงจิตอีกสองดอกที่เหลือมา น่าจะไม่ยากเกิน ดังนั้นสิ่งที่ฉันอยากให้ช่วยนั้น ก็คือไปหาหยกโยงจิตที่เหลืออีกสองดอก”
เมื่อฟังคำพูดของอาจารย์จบ รพีพงษ์ก็แปลกใจ เขาไม่คาดคิดว่าฝีมืออาจารย์ก็ถึงระดับนี้แล้ว ยังมีภัยพิบัติที่ต้องเผชิญอีก ดูๆไปแม้ฝีมือจะเก่งกาจขนาดไหน ก็สามารถเจอเข้ากับปัญหาได้
“มิทราบว่าอาจารย์จะต้องเจอกับภัยพิบัติอะไรหรอ?” รพีพงษ์ถาม
อาจารย์ยิ้ม กล่าว “มีบางเรื่อง ที่ตอนนี้แกยังไม่ควรจะรู้ รู้ไปก็ไม่มีผลดีอะไร รอให้ถึงเวลา แล้วแกจะรู้เองว่าฉันต้องเจอกับภัยพิบัติอะไร”
รพีพงษ์พยักหน้า เข้าใจความหมายของอาจารย์ จากนั้นก็กล่าวว่า “เรื่องของอาจารย์ ผมช่วยแน่นอน แม้หยกโยงจิตที่เหลือที่อยํ่ไกลสุดหล้าฟ้าเขียว ผมก็จะต้องหามาให้อาจารย์ให้จนได้”
อาจารย์มองไปที่รพีพงษ์อย่างชอบใจ กล่าว “ได้ยินคำพูดนี้ของแก ฉันก็พอใจแล้ว”
“ในการหาหยกโยงจิต แกต้องไปจากตระกูลลัดดาวัลย์ ฉันรู้ว่าแกไม่สบายใจเรื่องความปลอดภัยของตระกูลลัดดาวัลย์ โดยเฉพาะเมียและลูกของแก ดังนั้นเพื่อให้แกสบายใจ ฉันสามารถให้ปวัตร ปวิชทั้งคู่อยู่ที่ตระกูลลัดดาวัลย์ ปกป้องเมียและลูกของแก ดูแลความปลอดภัยของตระกูลลัดดาวัลย์”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของอาจารย์แล้วนั้น รพีพงษ์ก็ซาบซึ้ง สิ่งที่อาจารย์พูด เป็นสิ่งที่เขาคิดไว้ทั้งหมดจริงๆ หากเขาจากไป สิ่งที่กังวลที่สุด ก็คืออารียาและหนูลินทั้งคู่
ตอนนี้อาจารย์สัญญาแล้วว่าจะให้ปวัตรปวิชทั้งสองอยู่ที่นี่ รพีพงษ์ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ว
รพีพงษ์รู้ดีถึงความสามารถของปวัตรปวิช ฝีมือของทั้งสองล้วนไม่แพ้นายใหญ่ของตระกูลใหญ่เหล่านั้น ถ้าร่วมมือกัน จะไม่มีใครเทียบได้
เพียงแค่ไม่ใช่ยอดฝีมือของแดนดั่งเทพหาเรื่อง พวกเขาทั้งสอง สามารถต่อกรกับทุกปัญหาของตระกูลลัดดาวัลย์ได้แน่นอน แม้คนของตระกูลใหญ่พวกนั้นมาหาเรื่อง ก็สามารถต่อกรได้
“ขอบคุณที่อาจารย์เข้าใจ อาจารย์วางใจได้ ผมจะเอาหยกโยงจิตที่เหลืออีกสองอันมาให้ได้” รพีพงษ์ประสานมือกับอาจารย์ “มิทราบว่าหยกโยงจิตที่เหลืออีกสองอันอยู่ที่ไหนหรอครับ?”
อาจารย์หยิบกระดาษขึ้นมา ยื่นให้รพีพงษ์ กล่าว “จากการค้นหาช่วงหลายปีมานี้ ฉันรวบรวมข้อมูล และมั่นใจว่าหยกโยงจิตที่เหลืออีกสองอันอยู่ที่ไหน”
“หนึ่งในนั้น ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงหลายมือ ต่อสู้ ประมูล สุดท้ายอยู่ในมือของตระกูลหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น”
“และอีกอัน อยู่ในมือของกลุ่มสิงโต”
“ในกระดาษนี้มีที่อยู่อย่างละเอียดของพวกมัน แกลองดู”
ได้ยินกลุ่มสิงโตสามคำนี้ รพีพงษ์ก็ชะงัก ไม่คิดว่าสิ่งที่อาจารย์ค้นหา จะอยู่ในมือของพวกเขา