พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่806 อุเอสึงิ ฮารุ
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่806 อุเอสึงิ ฮารุ
บทที่806 อุเอสึงิ ฮารุ
สาวผู้งามดั่งเทพธิดา คืออุเอสึงิ ฮารุที่อยู่บนภาพที่รพีพงษ์ถืออยู่ในมือ
ในภาพบอกแค่ความงามของอุเอสึงิ ฮารุ หนึ่งในพันเท่านั้น หรืออาจไม่ถึงเลยก็เป็นได้ แต่หลังจากที่รพีพงษ์ได้เห็นตัวจริงแล้วนั้น ก็ตกตะลึง
สวยสาวที่รพีพงษ์เจอมานั้นไม่เยอะ แต่ความงามของอุเอสึงิ ฮารุยังคงทำให้รพีพงษ์ก็อารมณ์ที่ว่า “สาวงามคนนี้ควรจะอยู่บนสวรรค์”
แต่ไม่นานเข้าก็ได้สงบนิ่งลง เพราะเขาเป็นพ่อคนแล้ว แล้วในใจก็มีเพียงแค่อารียาคนเดียว เห็นสาวงามแบบนี้ ทำได้มากสุดก็แค่มอง
หลังจากที่อุเอสึงิและผู้เฒ่าคนนั้นเห็นรพีพงษ์แล้ว ก็เกิดความสงสัยขึ้น โดยเฉพาะสายตาที่รพีพงษ์มองอุเอสึงิ ฮารุทำให้เธอต้องขมวดคิ้วเล็กน้อยเลยทีเดียว
“คุณคือคนของสำนักเทพยาเซียน?” อุเอสึงิ ฮารุ ใช้ภาษาจีนอย่างคล่องแคล่วถาม
รพีพงษ์ยืนขึ้น แล้วพยักหน้าให้เธอ
“คุณหนู คนนี้อาจจะอ้างก็ได้ ก่อนหน้านี้สำนักเทพยาเซียนบอกผมว่าจะจัดคนที่เป็นแดนปรมาจารย์มาก่อน เด็กนี่ดูๆไปอายุรุ่นราวคราวเดียวกับคุณหนูนะ ไม่มีทางเป็นยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ได้” ผู้เฒ่าที่ยืนอยู่ข้างๆอุเอสึงิ ฮารุกล่าว
นัยน์ตาอันสวยงามของอุเอสึงิ ฮารุแปลกใจ รู้สึกว่ารพีพงษ์น่าจะปลอมตัวมาจริงๆ
รพีพงษ์เห็นทั้งสองไม่เชื่อตน จึงได้โชว์ฝีมือให้เห็นในทันที จากนั้นก็เดินไปที่กำแพง ต่อยเข้าไป ที่กำแพงเป็นหลุมขนาดหมัดขึ้นทันใด
“ตอนนี้เชื่อแล้วยัง?”
อุเอสึงิ ฮารุกับผู้เฒ่ามองเหตุการณ์อย่างตะลึง เมื่อกี๊ที่รพีพงษ์แสดงฝีมือออกมานั้นมีเพียงแดนปรมาจารย์เท่านั้นที่ทำได้ ผู้เฒ่าคนนั้นก็เป็นแดนปรมาจารย์เช่นกัน ไม่มีทางดูผิดแน่นอน
。
“คุณอายุราวๆเดียวกับคุณหนูของผมแท้ๆ ทำไมถึงได้มีฝีมือขนาดนี้ แม้จะมีพรสวรรค์ แต่อายุขนาดนี้ก็ไม่น่าจะเป็นแดนปรมาจารย์ได้?” ผู้เฒ่ากล่าวอย่างคาดไม่ถึง
รพีพงษ์ยิ้ม กล่าว “สำนักเทพยาเซียนใช้ยาในการพัฒนา คิดจะใช้ยาพัฒนาระดับ เป็นเรื่องที่ง่ายดาย ดังนั้นผมอายุเท่านี้แล้วเป็นแดนปรมาจารย์ ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”
ในเมื่อจะต้องปลอมตัวเป็นคนของสำนักเทพยาเซียน ก็ต้องปลอมให้เหมือนหน่อย
ทั้งสองฟังก็รู้สึกว่ามีเหตุผล ความสงสัยในตัวของรพีพงษ์ก็ลดลง
“ที่แท้ชื่อเสียงของสำนักเทพยาเซียนก็เจ๋งจริง เมื่อกี๊พวกเราเสียมารยาท ขอคุณชายได้โปรดให้อภัย” อุเอสึงิกล่าวอย่างมีมารยาทต่อรพีพงษ์
ได้ยินคุณชายคำนี้ รพีพงษ์รู้สึกกำลังย้อนเวลา แต่เมื่อนึกว่าเธอเป็นคนญี่ปุ่น อาจไม่เข้าใจการเรียกของประเทศจีน ดังนั้นจึงไม่พูดอะไร
รพีพงษ์ยิ้ม กล่าว “เกรงใจเกินไปแล้ว ในเมื่อเจอกันแล้ว งั้นพวกเราก็ไปยังสำนักเทพยาเซียนกันเถอะ แบบนี้พวกคุณก็จะได้แลกเปลี่ยนกับผู้อาวุโสโดยเร็ว”
พูดจบ รพีพงษ์จะเดินออกไปข้างนอก ในขณะเดียวกันนี้ผู้เฒ่าได้มองไปรอบๆ หลังจากที่จ้องไปที่รพีพงษ์แล้วนั้น ก็กล่าว “สหาย ใจเย็นๆ มิทราบว่าพวกเราขอดูตัวอย่างของยาหน่อยได้ไหม ดูเสร็จแล้วก็เดินทางกัน”
รพีพงษ์ชะงัก ชายชุดดำนั้นไม่เคยบอกมาก่อนว่าตระกูลอุเอสึงิต้องการยาตัวไหน และไม่เคยพูดถึงว่ามีตัวอย่างยังไง ตอนนี้ผู้เฒ่าขอจากรพีพงษ์ แน่นอนว่ารพีพงษ์เอาออกมาให้ไม่ได้
เขาคิดว่าชายชุดดำตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้แน่นอน ตอนนี้เขาคิดเพียงแค่อยากรีบโทรหาครองภพ ให้ครองภพทิ่มชายชุดดำไปหลายๆครั้ง
“เอิ่มเอิ่มผมไม่ได้เอาตัวอย่างมา รอให้ไปถึงสำนักแล้วค่อยดูก็ได้” รพีพงษ์พูดอย่างอึดอัด
ผู้เฒ่าดึงแขนของอุเอสึงิ ฮารุไว้ ถอยหลังไป แล้วกล่าว “แกไม่ใช่คนที่สำนักเทพยาเซียนส่งมา พวกเราไม่ได้ต้องการยา แกจะเอาตัวอย่างยามาได้ไง!”
รพีพงษ์ด่าในใจ ไม่คาดคิดว่าจะถูกชายชุดดำหลอก หรือผู้เฒ่ากำลังหลอกเขา
ตอนแรกเขาคิดว่าจะยืมตัวจนของชายชุดดำ แล้วขณะที่ไปสำนักเทพยาเซียน ก็ฉวยโอกาสถาม ไม่คาดคิดว่าเพิ่งเริ่มก็ถูกจับได้เสียแล้ว
ดูๆแล้วเขาไม่เหมาะกับการแสดงละครจริงๆ
อุเอสึงิ ฮารุขมวดคิ้วกำลังมองไปที่รพีพงษ์ แล้วถาม “แกเป็นใครกันแน่ ทำไมต้องปลอมตัวเป็นคนของสำนักเทพยาเซียน คนที่สำนักเทพยาเซียนจัดมาไปไหนแล้ว?”
รพีพงษ์ถอนหายใจอย่างเซ็ง คิดว่าไหนๆก็ถุกจับได้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องแสร้งอีกต่อไป บอกไปเลยตรงๆ
“ในเมื่อถูกจับได้แล้ว งั้นผมจะพูดตรงๆ คนของสำนักเทพยาเซียนนั้นต้องการฆ่าผม แต่ถูกผมจับไว้ ผมได้ถามเรื่องของพวกคุณจากเขา เพราะผมก็สงสัยในสำนักเทพยาเซียน ดังนั้นจึงอยากไปพร้อมกับพวกคุณ พวกคุณวางใจได้ ผมไม่คิดร้าย” รพีพงษ์กล่าว
ผู้เฒ่าดูแคลน แล้วกล่าว “ใครจะไปรู้ว่าแกพูดจริงหรือเปล่า คุณหนู พวกเราไปกันเถอะ เผื่อถูกหลอก” พูดจบ ผู้เฒ่าก็ได้พาอุเอสึงิออกไปจากที่นี่
รพีพงษ์ส่ายหัว แวบเดียวก็ไปถึงประตู แล้วขวางทั้งสองคนไว้
“ถ้าผมคิดอะไรมิดีมิร้ายกับพวกคุณล่ะก็ ตอนที่พวกคุณเข้ามา พวกคุณทั้งสองก็จะกลายเป็นศพไปแล้ว ผมไม่อยากมีความแค้นกับพวกคุณ แค่สนใจในสำนักเทพยาเซียนก็เท่านั้น”
แน่นอน ว่าเขาก็ยังสนใจในการแลกเปลี่ยนกันระหว่างตระกูลอุเอสึงิและสำนักเทพยาเซียน แต่ไม่ได้พูดออกมา
“ไม่ละอายใจ แกอิแค่เด็กน้อย อยากคุกคามพวกเรา อย่าคิดว่าเป็นแดนปรมาจารย์แล้ว จะคุยโวยังไงก็ได้นะ!”
ในสายตาของผู้เฒ่า แม้รพีพงษ์จะเป็นแดนปรมาจารย์ในช่วงอายุเท่านี้ ก็เพิ่งจะเป็นได้ไม่นาน เขาจะลงมือต่อรพีพงษ์ ก็ไม่น่าจะยากอะไร
ดังนั้นเมื่อเห็นรพีพงษ์ขวางพวกเขาไว้นั้น เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงลงมือต่อรพีพงษ์ทันใด
รพีพงษ์เซ็ง เห็นผู้เฒ่าลงมือ ก็ได้เพียงกล่าวอย่างสงบว่า “ความจริงไม่อยากทำร้าย แต่คุณบีบผม งั้นผมก็จะไม่เกรงใจล่ะ”
ห้านาทีผ่านไป
อุเอสึงิเห็นผู้เฒ่าที่ถูกรพีพงษ์กดไว้กับพื้นยืนขึ้นไม่ได้ ก็ตกใจได้ถอยไปด้านหลังอย่างไม่รู้ตัว
แม้ฝีมือของผู้เฒ่าคนนี้ในตระกูลอุเอสึงิไม่ถือว่ายอดเยี่ยมที่สุด แต่ก็ถือเป็นยอดฝีมือที่ทุกคนเคารพนับถือ ไม่คาดคิดว่าเขาจะถูกรพีพงษ์จัดการอย่างรวดเร็ว ทำให้เธอตกใจเป็นอย่างมาก
รพีพงษ์หันไปยิ้มกับเธอ กล่าว “คุณสบายใจได้ ผมไม่ได้มาร้าย เพียงแค่ผมได้บอกกับพวกคุณไปแล้ว ถ้าปล่อยให้พวกคุณไปง่ายๆก็ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ ถ้าพวกคุณไปฟ้องสำนักยาเซียนเรื่องผมก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่แล้ว”
อุเอสึงิ ฮารุได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่หลังจากที่เห็นฝีมือของรพีพงษ์แล้ว เธอก็รู้สึกว่ารพีพงษ์พูดถูก ถ้ารพีพงษ์จะฆ่าพวกเขา พวกเขาก็คงตายไปนานแล้ว
ผู้เฒ่าที่ถูกรพีพงษ์กดอยู่กับพื้นก็ตะลึง ฝีมือที่วัยรุ่นคนนี้แสดงออกมา ก็เกือบจะเป็นฝีมือในช่วงปกติของระดับนายใหญ่ของตระกูลแล้ว
แต่ถ้าเทียบกับช่วงที่ไม่ปกติของนายใหญ่ล่ะก็ ยังต่างกันมาก……
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ผู้เฒ่าก็ตัวสั่นขึ้นมา ราวกับนึกถึงเรื่องที่น่ากลัวอยู่อย่างไรอย่างนั้น