พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่808โทษของตระกูลอุเอสึงิ
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่808โทษของตระกูลอุเอสึงิ
บทที่808โทษของตระกูลอุเอสึงิ
“ผมบอกแล้วไม่ใช่หรอว่าไม่ให้ตามมา!” หลังจากที่อุเอสึงิ ยูกิเห็นคนที่ตามมาคือรพีพงษ์แล้วนั้น ก็มีท่าทีที่เหี้ยมโหดขึ้นมา เห็นได้ชัดว่ากำลังโกรธเคืองอย่างมาก
เขาเหมือนกับอยากจะกลับไปเป็นคนเดิม แต่เรื่องเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน อยากจะเปลี่ยนกลับไปก็เป็นไปไม่ได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นรพีพงษ์ก็เห็นลักษณะของเขาในตอนนี้แล้ว
“ตอนแรกผมก็คิดว่าตระกูลอุเอสึงิเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงอะไร ดังนั้นจึงไม่คิดจะบาดหมางกับพวกคุณ แต่ไม่คิดว่าพวกคุณกลับใช้วิชาไสยศาสตร์แบบนี้ เมื่อกี๊ที่คุณดื่ม คือเลือดคนใช่ไหม?” รพีพงษ์จ้องอุเอสึงิ ยูกิแล้วถาม
อุเอสึงิ ยูกิดูแคลน กล่าว “กูจะกินอะไรก็เรื่องของกูไม่เกี่ยวกับมึง มึงอย่ายุ่งเรื่องคนอื่นให้มากนัก มิเช่นนั้นอย่าหาว่ากูไม่เตือน!”
รพีพงษ์บึนปาก ตอนแรกรพีพงษ์คิดว่าหยกโยงจิตอยู่ในมือของตระกูลอุเอสึงิ เขาแย่งมามันดูไม่เหมาะสม ดังนั้นจึงอยากดูจากการแลกเปลี่ยนครั้งนี้ว่าตระกูลอุเอสึงิต้องการอะไร ถึงตอนนั้นเขาก็จะได้พิจารณาถูก
ถ้าสามารถหาของที่ตระกูลอุเอสึงิต้องการได้ ก็แลกเปลี่ยนกันถือว่าดีที่สุด
แต่ตอนนี้เห็นอุเอสึงิ ยูกิเล่นไสยศาสตร์ บวกกับระหว่างทางอุเอสึงิ ยูกิไม่ชอบมาพากล รพีพงษ์ก็สงสัย ว่าการแลกเปลี่ยนระหว่างตระกูลอุเอสึงิกับสำนักเทพยาเซียน ก็ไม่น่าจะข้ามพ้นเรื่องชั่วร้ายไปได้ ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็ เขาก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจกับตระกูลอุเอสึงิแล้ว
ครั้งนี้ที่พวกแกแลกเปลี่ยนกับสำนักเทพยาเซียน คงจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องไสยศาสตร์นี่หรอกนะ? ดังนั้นแกจึงไม่อยากให้ฉันรู้?” รพีพงษ์ถามอุเอสึงิ ยูกิ
อุเอสึงิ ยูกิมองไปรอบๆ ราวกับถูกขุดคุ้ยความลับแล้วอย่างไรอย่างนั้น ตะคอกไปที่รพีพงษ์อย่างโมโหว่า “ไอ้เด็กน้อย ความจริงมึงสามารถไปสำนักเทพยาเซียนอย่างสงบกับกูได้ แต่มันพยายามหาเรื่อง ในเมื่อมึงรนหาที่ตาย ก็อย่าโทษกูแล้วกัน!”
พูดจบ อุเอสึงิ ยูกิพุ่งไปหารพีพงษ์ ไม่ให้เวลาที่จะพูดคุยปรึกษาใดๆ
รพีพงษ์เห็นเหตุการณ์ก็ดูแคลน แม้ตอนนี้ท่าทีของอุเอสึงิ ยูกิน่ากลัว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาเปลี่ยนไปเป็นปีศาจแต่อย่างใด
ตามที่รพีพงษ์คาดเดา ที่เขาทำพิธีนั้นน่าจะเป็นเกี่ยวกับการเพิ่มพลัง ดังนั้นจึงเปลี่ยนเป็นแบบนี้ เพราะร่างกายไม่เหมาะสมกับการทำพิธีนี้ จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
เขาก็คงไม่ใช่เพราะร่างกายเปลี่ยนเป็นน่ากลัว แล้วฝีมือจะเลื่อนจากแดนปรมาจารย์เป็นแดนดั่งเทพได้ มิเช่นนั้นความสามารถของตระกูลอุเอสึงิก็ติดอันดับต้นๆของโลกแล้ว
ประเทศญี่ปุ่นไม่ได้มีสื่งที่สืบทอดมานานอย่างมั่งคั่งเหมือนกับประเทศจีน นักศิลปะการต่อสู้ของประเทศจีนพึ่งยาเพิ่มเพิ่มพลัง แต่ยอดฝีมือของประเทศญี่ปุ่นถ้าอยากเลื่อนขั้น ก็คงต้องพึ่งอะไรที่มันป่าเถื่อนแบบนี้
ในขณะที่อุเอสึงิ ยูกิพุ่งไปที่รพีพงษ์นั้น พลังของรพีพงษ์ระเบิดขึ้น ชนกับอุเอสึงิ ยุกิเข้าจังๆ
ไม่พูดก็ไม่ได้ ตอนนี้พลังของอุเอสึงิ ยูกิน่ากลัว แม้แต่รพีพงษ์ยังประหลาดใจ ทั้งสองชนเข้าด้วยกัน แต่รพีพงษ์ต้องถอยหลังไปสิบกว่าเมตร
เทียบกับก่อนหน้านี้ที่ต่อสู้ในบ้านนั้นกับรพีพงษ์ พลังงานตอนนี้ของอุเอสึงิ ยูกิเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าตัว
เห็นรพีพงษ์ต้องถอยเพราะตัวเอง อุเอสึงิ ยูกิก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย กล่าว “เด็กน้อย กูในสถานการณ์แบบนี้ พลังไม่มีใครต้านทานได้ ถ้ามึงอยากชนะกู เป็นไปไม่ได้แล้ว!”
รพีพงษ์ก็ยิ้ม แล้วกล่าว “ใครบอกแก ว่าเมื่อกี๊เป็นพลังทั้งหมดของฉัน? ฉันก็แค่อยากทดสอบพลังของแกในตอนนี้ก็แค่นั้น”
พูดจบ พลังของรพีพงษ์ก็ระเบิดออกมา ไม่แย่ไปกว่าอุเอสึงิ ยูกิเลย
อุเอสึงิ ยูกิชะงัก ไม่คาดคิดว่าพลังของรพีพงษ์ก็น่ากลัวได้ขนาดนี้ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความริษยา
เขาต้องใช้วิธีปฏิบัติที่น่ารังเกียจแบบนี้ จึงจะมีพลังระดับนี้ แต่ไอ้เด็กน้อยด้านหน้าของเขากลับมีระดับที่เขาทำมาอย่างยากลำบากอย่างง่ายดาย นี่ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจ
“วางมาดใหญ่โตเพื่อตบตาผู้คน รอแกตายก่อน จะดูว่าแกจะขี้โม้ยังไงอีก!”
ทั้งสองพุ่งชนกันอีกครั้ง พงหญ้ารอบๆล้มลงเพราะการต่อสู้กันของสองคนนี้ ทั้งสองประลองกันรอบๆบนต้นไม้ บนต้นไม้นั้นมีโพรงเกิดขึ้นใหญ่มาก
ในการต่อสู้ มีต้นไม้หลายต้นได้ล้มลงเพราะการต่อสู้ครั้งนี้
แม้ความสามารถของอุเอสึงิ ยากูเก่งกาจ แต่สำหรับการใช้พลังนั้นก็ทำไม่ได้ทุกอย่างอย่างรพีพงษ์ และอาจเป็นเพราะใช้ไสยศาสตร์ จึงมีความรู้สึกที่ไม่คงที่ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ไม่นาน รพีพงษ์ก็รู้จุดอ่อนของอุเอสึงิ ยูกิ
เขาไม่ลังเล ตบไปที่อกของอุเอสึงิ ยูกิโดยตรง อุเอสึงิ ยูกิลอยไปด้านหลัง ชนต้นไม้พังไปสองต้น จึงหยุดลง
รพีพงษ์เดินไปอยู่ตรงหน้าของอุเอสึงิ ยูกิ เห็นเขาหายใจแผ่วๆ ใบหน้าไร้ซึ่งเลือดฝาด ดูๆไปแล้วไม่น่าจะมีชีวิตต่อได้
“แก……แกไอ้อัปรีย์ ตระกูลอุเอสึงิของฉัน ไม่มีทางปล่อยแกไว้แน่” อุเอสึงิ ยูกิกล่าว
รพีพงษ์ดูแคลน กล่าว “ถ้าคนของตระกูลอุเอสึงิเล่นไสยศาสตร์แบบนี้ พวกแกไม่ต้องมาหาฉัน ฉันก็จะไปเอาเลือดเนื้อของพวกแกด้วยตัวฉันเอง”
“บอกมา พวกแกมีการแลกเปลี่ยนอะไรกับสำนักเทพยาเซียน!”
อุเอสึงิ ยูกิจับอกของตัวเองไว้ แล้วกล่าว “ฝันไปเถอะ แม้ฉันจะตาย ก็ไม่มีทางบอกแก!”
รพีพงษ์ไม่สนเขา ยื่นมือไปยังอกของอุเอสึงิ ยูกิ อุเอสึงิ ยูกิเห็นดังนั้นก็ตกใจ รีบหลบ เสียดายที่เขาไม่มีแรงต่อต้านรพีพงษ์ รพีพงษ์ถีบเข้าไปที่ตัวของเขาจนเขาไม่มีแรงต่อต้านอีกต่อไป
ที่อกของอุเอสึงิ ยูกิได้ซ่อนของเอาไว้ รพีพงษ์หยิบออกมา เป็นกระดาษที่เขียนสิ่งแลกเปลี่ยนไว้
“ไอ้โง่ นี่มันเป็นความลับของตระกูลอุเอสึงิของฉัน แกไม่มีสิทธิ์ดู เอามาเดี๋ยวนี้!” อุเอซึงิ ยุกิตะคอกไปที่รพีพงษ์
รพีพงษ์ไม่สนใจเขา เปิดใบรายการแลกเปลี่ยน แล้วสอดสายตาดู
ด้านบนเป็นตัวอักษรภาษาญี่ปุ่น ดีที่ตอนเด็กรพีพงษ์ได้เรียนภาษา เรียนภาษาของประเทศต่างๆ มิเช่นนั้นตอนนี้ก็ไม่มีทางดูสิ่งที่เขียนไว้บนกระดาษได้
บนรายการนี้เขียนเกี่ยวกับชื่อยาที่รพีพงษ์ไม่เคยได้ยินมาก่อน จำนวนด้านบนก็ไม่น้อย ดูไปแล้วก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
นี่ทำให้รพีพงษ์สงสัย เพราะถ้าแลกเปลี่ยนกันแค่ตัวยาล่ะก็ อุเอสึงิ ยูกิก็ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้จนมิดชิดขนาดนี้
แต่หลังจากที่รพีพงษ์ได้เห็นเนื้อหาหน้าสุดท้ายของรายการ เขาหน้าถอดสี และเริ่มโมโหขึ้นมา
“ดวงตาเด็กชายเด็กหญิงสิบคู่ เลือดบริสุทธิ์ทารกสามขวบสิบคน เนื้อบริสุทธิ์ของทารกสามขวบสิบคน