พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่814 ทดสอบความแข็งแกร่ง
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่814 ทดสอบความแข็งแกร่ง
บทที่814 ทดสอบความแข็งแกร่ง
ศิษย์พี่คนนั้นพารพีพงษ์และคนอื่นๆเดินไปด้านใน ทุกคนจ้องมองไปที่ทิวทัศน์ในสำนักเทพยาเซียนด้วยความอยากรู้อยากเห็น บนใบหน้าก็ปรากฏความประหลาดใจออกมาเป็นครั้งเป็นคราว
สำนักเทพยาเซียนสมกับที่เป็นทำเลทองตามหลักฮวงจุ้ยที่มีกลิ่นอายอันอุดมสมบูรณ์ ในระหว่างทาง สามารถพบเห็นทุ่งสมุนไพรดกอยู่ทุกหนทุกแห่ง มีการปลูกวัตถุดิบยาต่างๆเป็นจำนวนมาก มีการเจริญเติบโตที่งอกงาม
ยิ่งเดินเข้าไปข้างใน ทุกคนจะได้กลิ่นของสมุนไพรที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เมื่อได้กลิ่นเป็นเวลานาน ก็ยิ่งรู้สึกกลิ่นหอมสดชื่นตลบอบอวล
“ฉันได้ยินผู้อาวุโสใหญ่บอกว่า ก่อนหน้านั้นที่ไปพบปะกับพวกคุณคือผู้อาวุโสธนัทของสำนักเทพยาเซียนของพวกเรา ทำไมเขาไม่มาพร้อมกับพวกคุณล่ะ?”ศิษย์พี่คนนั้นเอ่ยปากถาม
รพีพงษ์เอ่ยปากทันทีว่า: “คนคนนั้นบอกว่าจะไปเกียวโตเพื่อล้างแค้นให้กับเพื่อนที่ดีที่สุดของตัวเอง เป็นเพราะเวลาที่คับขัน และโอกาสที่หาได้ยาก ดังนั้นเขาจึงบอกตำแหน่งที่ตั้งของสำนักเทพยาเซียนให้พวกเรา ให้พวกเรามาด้วยตัวเอง”
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา รพีพงษ์ไม่ได้คล้อยตามคำพูดของเขาที่บอกว่าผู้อาวุโสธนัทเป็นอย่างไร แต่ใช้คนคนนั้นเป็นตัวแทนที่ เกิดคนนี้กำลังลวงเขาอยู่ อย่างนั้นละครนี้ก็ไม่สามารถเล่นต่อไปได้
หลังจากที่ศิษย์พี่คนนี้ฟังแล้ว ก็ถอนหายใจ และกล่าวว่า: “ผู้อาวุโสธนัทเป็นคนมีนิสัยชอบสันโดษและเอาแต่ใจตนเอง ชีวิตนี้ก็มีชินาธิปเป็นเพื่อนเพียงคนเดียว จากลักษณะอุปนิสัยของเขาแล้ว สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้จริงๆ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด รพีพงษ์ก็อดไม่ได้ที่จะโล่งอก เมื่อรู้ว่าตัวเองผ่านด่านการหลอกล่อนี้ไปแล้ว
“ชินาธิป? ก็คือปรมาจารย์ที่ถูกชายหนุ่มที่ชื่อว่ารพีพงษ์ฆ่าใช่มั้ย?”เพ็ญรตีเอ่ยปากถาม
ศิษย์พี่คนนั้นพยักหน้า แล้วพูดว่า: “ถูกต้อง ก็คือเขา ชินาธิปมีชื่อเสียงมานานหลายปี อยู่ในแวดวงศิลปะการต่อสู้ก็เป็นปรมาจารย์ท่านหนึ่งที่เป็นที่เคารพศรัทธานับถือเป็นอย่างมาก แต่กลับคาดไม่ถึงว่าสุดท้ายจะตายด้วยน้ำมือของชายหนุ่มที่อายุเพียงยี่สิบกว่า”
“ชายหนุ่มที่ชื่อว่ารพีพงษ์ก็เป็นคนมีความสามารถที่หาพบได้ยากเช่นกัน ได้ยินมาว่าเมื่อไม่นานนี้ห้าตระกูลใหญ่ในแวดวงศิลปะการต่อสู้ร่วมมือกันเพื่อจัดการกับเขา ปรากฏว่าเขาต่อสู้เพียงคนเดียวก็ทำให้พ่ายแพ้ยับเยิน ความสามารถของคนคนนี้ ช่างน่ากลัวจริงๆ”
แม้ว่าเพ็ญรตีสองพี่น้องจะเป็นคนเกาะทองขาว แต่พวกเขาก็เคยได้ยินเรื่องนี้เช่นกัน สำหรับรพีพงษ์แล้ว ในใจของพวกเขาก็ยังชื่นชมเลื่อมใส เนื่องจากดรัณอายุยี่สิบกว่าก็สามารถบรรลุถึงเน่ยจิ้งชั้นต้นได้ ก็ถือได้ว่าเป็นคนที่มีความสามารถหาพบได้ยากแล้ว แต่รพีพงษ์กลับฆ่าปรมาจารย์อย่างต่อเนื่องได้ในอายุเท่านี้ ถือได้ว่าเป็นปีศาจที่มีอยู่ในแวดวงศิลปะการต่อสู้จริงๆ
“รพีพงษ์คนนี้แข็งแกร่งจริงๆ ที่สำคัญเพิ่งจะอายุยี่สิบกว่า น่าจะเป็นคนสุภาพมีสติปัญญาความรู้แต่ชอบอิสระ เป็นชายหนุ่มรูปหล่อที่มีความสามารถ ถึงตอนนั้นฉันจะต้องเป็นคนเริ่มไล่จีบเขาก่อน ด้วยภูมิหลังของตระกูลพิมลนัทชาจากเกาะทองขาว ก็เพียงพอคู่ควรกับเขาแล้ว”เพ็ญรตีเอ่ยปากอย่างบ้าผู้ชาย
เมื่อได้ยินคำพูดของเพ็ญรตี รพีพงษ์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
เมื่อเพ็ญรตีเห็นรพีพงษ์หัวเราะ ก็เขม็งตาใส่เขาทันที เอ่ยปากว่า: “นายหัวเราะอะไร จะบอกนายให้ ถ้าฉันสามารถตามจีบรพีพงษ์ได้จริงๆ ถึงตอนนั้นเรื่องแรกก็คือให้เขามาทุบตีสั่งสอนนาย”
รพีพงษ์ยักไหล่ แสดงออกมาว่าไม่สนใจ อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีทางที่จะชอบคนแบบเพ็ญรตี
อุเอสึงิ ฮารุที่เดิมตามรพีพงษ์อยู่ข้างๆก็มองไปที่รพีพงษ์ด้วยท่าทางที่ซับซ้อน ถ้าหล่อนจำไม่ผิด ตอนนี้คนที่เล่นละครเป็นพี่ชายของเขา ชื่อก็คือรพีพงษ์
หลังจากนั้นไม่นาน ทุกคนก็เห็นว่ากลุ่มหมู่บ้านที่ก่อสร้างขึ้นมามากมายปรากฏตัวขึ้นในหุบเขา สถานที่เหล่านั้นน่าจะเป็นสถานที่พักอาศัยอยู่ของผู้คนในสำนักเทพยาเซียน
มองจากตรงนี้ไป ที่ตรงนั้นดูเหมือนหมู่บ้านเล็กๆ มองดูแล้วเงียบสงบ แต่ก็เป็นที่ที่ดีมากสำหรับการอยู่อย่างสันโดษ
“ทุกท่าน ถ้าต้องการเข้าไปที่สำนักเทพยาเซียนของเรา จะต้องผ่านการทดสอบความแข็งแกร่งหนึ่งครั้ง พวกเราจำเป็นต้องรับรู้ข้อมูลความแข็งแกร่งที่ถูกต้องของพวกคุณ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องราวที่ไม่สามารถควบคุมได้ ดังนั้นหวังว่าทุกท่านจะให้ความร่วมด้วย”ก่อนที่จะเดินไปถึงที่ห้องสำนักเทพยาเซียน ศิษย์พี่เอ่ยปากพูดขึ้นมา
หลังจากนั้นหลายคนก็ถูกพาเข้าไปในหุบเขา ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีสายน้ำลำธารไหลผ่าน
“ที่นี่เป็นสถานที่ที่ทดสอบความแข็งแกร่งของสำนักเทพยาเซียนของพวกเรา ตอนนี้พวกคุณผลัดเปลี่ยนกันใช้พลังทั้งหมดโจมตีไปที่หินก้อนใหญ่ตรงนั้น หินก้อนใหญ่นี้ได้รับการดัดแปลงเป็นพิเศษจากสำนักเทพยาเซียนของเรา สามารถดูดซับเน่ยจิ้งได้ ใช้วิธีการสั่นสะเทือนถ่ายทอดพลังเน่ยจิ้งออกมา สั่นกระจายน้ำในลำธารด้านหลังออก น้ำยิ่งสั่นกระจายมากเท่าไหร่ ความแข็งแกร่งก็จะยิ่งแข็งแกร่งเท่านั้น แน่นอนว่า คนที่ไม่ได้บรรลุถึงระดับเน่ยจิ้งย่อมไม่มีผลใดๆ ทุกท่านโปรดเรียงตามลำดับมาเถอะ”
รพีพงษ์และคนอื่นๆมองไปที่หินก้อนใหญ่ตรงหน้า รู้สึกแปลกประหลาดเป็นพิเศษ คาดไม่ถึงว่าจะสามารถทดสอบความแข็งแกร่งด้วยวิธีนี้ได้
ดรัณกระตือรือร้นที่จะลอง จึงยืนอยู่ตรงหน้าหินเป็นคนแรก จากนั้นใช้พลังทั้งหมด ฟาดไปที่บนก้อนหินก้อนนั้น
หลังจากนั้น ทุกคนก็เห็นในลำธารด้านหลังปรากฏมีคลื่น ทำให้น้ำด้านในสั่นเป็นระยะทางประมาณสิบเซนติเมตร
“เน่ยจิ้งชั้นต้น ไม่เลว อายุเท่านี้สามารถบรรลุความแข็งแกร่งถึงระดับนี้ ก็ถือได้ว่าเป็นคนมีความสามารถคนหนึ่ง”ศิษย์พึมพำเอ่ยปาก
เมื่อได้ยินคำชมของศิษย์พี่สำนักเทพยาเซียน ดรัณก็แสดงสีหน้าท่าทางภาคภูมิใจออกมาทันที เห็นได้ชัดว่าพอใจกับความแข็งแกร่งเป็นอย่างมากเช่นกัน
หลังจากนั้นยอดฝีมือเน่ยจิ้งชั้นต้นสี่คนที่มาพร้อมกับดรัณทั้งสองพี่น้องก็เดินไปข้างหน้า ใช้พลังทั้งหมดฟาดไปที่บนก้อนหินก้อนนั้น ส่วนใหญ่ก็ระยะทางเกือบสิบเซนติเมตร
เนื่องจากสำนักเทพยาเซียนจำเป็นต้องรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของทุกคนที่เข้ามา เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายในสำนักเทพยาเซียนจากคนที่เจตนาไม่ดี ดังนั้นต่อให้เพ็ญรตีจะบอกว่าตัวเองเป็นคนธรรมดา ก็ต้องเข้ารับการทดสอบ ผลการทดสอบไม่เคลื่อนไหวอย่างแน่นอน
หลังจากที่เพ็ญรตีทดสอบเสร็จ ก็ถึงอุเอสึงิ ฮารุและรพีพงษ์ทั้งสองคน เพ็ญรตีจ้องมองพวกเขาสองคนแวบหนึ่ง พูดอย่างดูถูกว่า: “มองแวบเดียวก็รู้ว่าพวกเขาสองไม่มีความแข็งแกร่ง ต่อให้ทดสอบก็คงจะเหมือนกันกับฉันอย่างแน่นอน”
แม้ว่าดรัณจะเป็นคนดี แต่ในใจของเขาก็คิดว่ารพีพงษ์และอารียาไม่มีความแข็งแกร่ง เนื่องจากคนที่มีความสามารถยังหาได้ยากมาก เป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะเป็นเหมือนเขา
รพีพงษ์ให้อุเอสึงิ ฮารุไปทดสอบก่อน อุเอสึงิ ฮารุยืนอยู่ตรงหน้าก้อนหิน จากนั้นใช้พลังทั้งหมดของตัวเองที่มี ฟาดไปที่บนก้อนหิน
เห็นเพียงน้ำในลำธารด้านหลังสั่นกระจายออกห่างไปประมาณห้าสิบเซนติเมตรอย่างกะทันหัน
ฉากนี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจ ต่างก็คาดไม่ถึงว่าความแข็งแกร่งของอุเอสึงิ ฮารุจะทรงพลังขนาดนี้
“โดยปกติแล้วระยะทางสามสิบเซนติเมตร สามารถแสดงถึงระดับเน่ยจิ้งขั้นกลางได้ เมื่อกี้นี้คุณสั่นกระจายออกไปได้เกือบจะห้าสิบเซนติเมตร ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคุณอยู่ในระดับยอดฝีมือเน่ยจิ้งขั้นกลาง ก็ถือว่ามีความสามารถโดดเด่นเหนือคนอื่นอยู่ คนมีความสามารถแบบคุณ ฉันไม่เคยพบเห็นมาหลายปีแล้ว”ศิษย์พี่พูดอย่างตื่นเต้น
อุเอสึงิ ฮารุเพียงแค่ยิ้มให้เขา จากนั้นก็ไปยืนอยู่ข้างๆรพีพงษ์ ไม่ได้ภาคภูมิใจแม้แต่น้อย ในใจของหล่อนรู้ดีว่า เมื่อเทียบกับรพีพงษ์แล้ว หล่อนยังห่างไกลอีกมาก
เดิมทีดรัณสองพี่น้องที่คิดว่าอุเอสึงิ ฮารุไม่มีความแข็งแกร่งอะไรในตอนนี้ก็ยิ่งตกตะลึง
เพ็ญรตีรู้สึกว่าบนใบหน้าของตัวเองร้อนผ่าว เป็นเพราะอุเอสึงิ ฮารุสวยงาม ในใจของหล่อนก็อิจฉาริษยา ดังนั้นเพ็ญรตีคิดว่าอุเอสึงิ ฮารุเป็นเพียงแจกกันดอกไม้ นอกจากความสวยงามแล้ว ก็ไม่มีอะไรดี
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า หล่อนต่างหากที่เหมือนกับแจกันดอกไม้