พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่827 ยังจะได้พบกันอีกครั้งมั้ย
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่827 ยังจะได้พบกันอีกครั้งมั้ย
บทที่827 ยังจะได้พบกันอีกครั้งมั้ย
ในฐานะที่เป็นตระกูลระดับโลก ตระกูลฮารุฮิยังดำรงตำแหน่งสำคัญในประเทศญี่ปุ่น แต่เมื่อเทียบกับตระกูลอุเอสึงิที่สำคัญและควบคุมครึ่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นเป็นหลัก ตระกูลฮารุฮิยังคงห่างไกลมาก
ที่สำคัญมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง มีหลายครั้งที่ตระกูลฮารุฮิจำเป็นต้องพึ่งพาตระกูลอุเอสึงิ ถึงจะสามารถรักษาตำแหน่งของตระกูลฮารุฮิให้มั่นคงอยู่ในรูปแบบโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ดังนั้นนายใหญ่ของตระกูลอุเอสึงิ แม้ว่าจะอายุห้าสิบกว่า เกือบหกสิบแล้ว ชอบคุณหนูของตระกูลฮารุฮิ ตระกูลฮารุฮิก็ต้องรีบส่งตัวคุณหนูของตระกูลตัวเองไปยังตระกูลอุเอสึงิ แบบนี้ถึงจะแสดงให้เห็นว่าความเคารพที่ตระกูลฮารุฮิมีต่อตระกูลอุเอสึงิได้
ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับลูกในตระกูลใหญ่แบบนี้แล้ว การแต่งงานเป็นเครื่องมือของผลประโยชน์ เพื่อเพียงพอที่จะแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ที่มากขึ้น พวกเขาก็ไม่รังเกียจคู่ชีวิตในอนาคตของลูกๆจะเป็นใคร
คฤหาสน์ตระกูลฮารุฮิ
ในห้องรับแขก บรรยากาศตึงเครียด
ในตอนนี้ฮารุฮิ สินนายใหญ่ของตระกูลฮารุฮิและทาจิมะ ฮิซาโกะภรรยาของเขากำลังนั่งอยู่บนโซฟา สีหน้าของทั้งสองคนโกรธขึ้งไม่พอใจ จ้องมองคนที่กำลังก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ ฝนสุดาที่ไม่สนใจพวกเขาทั้งสองคน
“เป็นสัมพันธ์ไมตรีกับตระกูลอุเอสึงิในตอนนี้เป็นที่พึ่งพาอาศัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของตระกูลฮารุฮิของเรา ถ้าหากตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลอุเอสึงิ ตระกูลฮารุฮิของเราจะต้องประสบกับหายนะครั้งใหญ่ หรือแกจะทนเห็นทุกอย่างของตระกูลฮารุฮิพังพินาศย่อยยับเหรอ?”ฮารุฮิ สินเอ่ยปาก
ฝนสุดาหยุดกดโทรศัพท์ เงยหน้าขึ้นมองฮารุฮิ สึงิแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า: “ตระกูลฮารุฮิพังพินาศย่อยยับ ก็เป็นเพราะว่านายใหญ่อย่างพ่อที่ไร้ความสามารถ แล้วเกี่ยวอะไรกับหนู หนูบอกแล้วว่าไม่มีทางที่จะเป็นภรรยาน้อยของนายใหญ่ตระกูลอุเอสึงิ ก็ไม่มีทางอยู่แล้ว!”
เมื่อฮารุฮิ สินได้ยินสิ่งที่ฝนสุดาพูด ก็กำหมัดแน่นด้วยความโกรธ และลุกขึ้นยืนจากโซฟา จะลงมือสั่งสอนฝนสุดา
ทาจิมะ ฮิซาโกะที่อยู่ข้างๆเมื่อเห็นเช่นนี้ก็รีบห้ามฮารุฮิ สิน จากนั้นหันหน้าไปพูดกับฝนสุดาว่า: “สุดา ลูกก็อย่าต่อปากต่อคำเลย ลูกไม่รู้ว่ามีผู้คนมากมายอยากเป็นภรรยาน้อยของนายใหญ่ตระกูลอุเอสึงิ แต่นายใหญ่ตระกูลอุเอสึงิก็ไม่ชอบ”
“แม้ว่านายใหญ่ตระกูลอุเอสึงิอายุจะหกสิบแล้ว แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็น่ากลัวมาก คนทั้งคนดูไปแล้วก็สี่สิบกว่าเท่านั้นเอง ลูกแต่งงานเป็นภรรยาน้อยของเขา ไม่เพียงแต่นำผลประโยชน์มาสู่ตระกูลฮารุฮิไม่รู้จบ แต่สำหรับตัวลูกเอง ก็ถือว่าเป็นประโยชน์ที่ดีมากเช่นกัน”
ฝนสุดาเบะปาก แล้วพูดว่า: “มีประโยชน์กับฉันเหรอ? ฉันว่านี่เป็นความต้องการของพวกคุณมากกว่า พวกคุณไม่เคยนึกถึงความรู้สึกของหนู!”
ฮารุฮิ สินส่งเสียงเย็นชาทันที เอ่ยปากว่า: “แกในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลฮารุฮิ นี่เป็นภาระหน้าที่ของแก สิ่งนี้เกี่ยวอะไรกับความรู้สึกของแก อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าในใจแกคิดถึงแต่เด็กประเทศจีนคนนั้น”
“แกก็อายุมากขนาดนี้แล้ว ยังมีเรื่องบางอย่างที่ต้องให้ฉันมาสอนแกด้วยตัวเองอีกเหรอ? เด็กประเทศจีนคนนั้นมีอะไรดี? เขามีตรงไหนที่เทียบกับนายใหญ่ของตระกูลอุเอสึงิได้เหรอ? คนประเทศจีนเทียบจากสายเลือดก็สู้คนประเทศญี่ปุ่นอย่างเราไม่ได้ เขาไม่คู่ควรกับแกเลย!”
เมื่อฝนสุดาได้ยินคำพูดของฮารุฮิ สิน ก็รีบลุกขึ้นยืนอย่างรีบร้อน ตะโกนว่า: “ผู้ชายที่คิดอะไรตื้นๆอย่างพ่อ สาเหตุที่การพัฒนาตระกูลฮารุฮิต้องพึ่งพาคนอื่นเพื่อความอยู่รอด ทั้งหมดเป็นเพราะความโง่เขลาของนายใหญ่อย่างพ่อ!”
เพราะรู้ว่าระหว่างตัวเองและรพีพงษ์ไม่มีทางมีจุดจบ ดังนั้นหล่อนไม่เคยบอกพ่อแม่ตัวเองว่ารพีพงษ์มีฐานะเป็นนายน้อยของกิสนา
ทั้งฮารุฮิ สินและทาจิมะ ฮิซาโกะรู้ดีว่าฝนสุดาเป็นเพราะหลงใหลผู้ชายประเทศจีนคนหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าผู้ชายประเทศจีนคนนี้เป็นใคร รวมทั้งพวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อของรพีพงษ์มาก่อน ดังนั้นจึงคิดไปเองว่ารพีพงษ์เป็นคนที่ไม่มีภูมิหลังที่แข็งแกร่ง ดอกฟ้ากับหมาวัด คนหลอกลวงที่ดีแต่หลอกหญิงสาว
หลังจากที่ฮารุฮิ สินได้ยินสิ่งนี้ ไม่สามารถทนความโกรธในใจได้อีกต่อไป ฟาดฝ่ามือตบไปที่หน้าฝนสุดาทันที
เสียงเพี้ยะดังขึ้นมา
ห้องรับแขกทั้งห้องเงียบลงมาในทันที ทาจิมะ ฮิซาโกะมองฝนสุดาอย่างจนใจ และไม่ได้ห้ามฮารุฮิ สินอีกต่อไป
ฝนสุดากุมใบหน้าของตัวเอง ดวงตาทั้งสองข้างจับจ้องมองไปที่ฮารุฮิ สิน ในแววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“ฉันไม่สนใจว่าแกจะยอมหรือไม่ยอม แล้วก็ไม่สนใจว่าคนในใจของแกเป็นใคร เรื่องที่แกจะต้องแต่งงานไปเป็นภรรยาน้อยของนายใหญ่ตระกูลอุเอสึงิ ไม่มีพื้นที่สำหรับการต่อรองกันอีก ฝั่งตระกูลอุเอสึงิก็ส่งข่าวมาแล้ว หวังว่าจะได้จัดงานแต่งงานขึ้นโดยเร็วที่สุด เรื่องนี้แกไม่มีสิทธิ์ ตระกูลฮารุฮิ ฉันเป็นใหญ่ ระงับอารมณ์ของแกด้วย หลายปีมานี้ฉันตามใจแกมากเกินพอแล้ว ตอนนี้แกก็ควรมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือตระกูลบ้าง”
ฮารุฮิ สินพูดกับฝนสุดาด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด จากนั้นก็หันกลับไปที่ห้อง
ทาจิมะ ฮิซาโกะจ้องไปที่ฝนสุดา และเอ่ยปากว่า: “ลูกสาว คิดดูให้ดีๆ มีเพียงแต่งงานกับนายใหญ่ตระกูลอุเอสึงิ ลูกถึงจะมีอนาคตได้”
หลังจากพูดจบ หล่อนก็หันหลังและจากไป
ฝนสุดาก้มหน้าลงอย่างใจหดหู่ หันหลังเดินไปที่ชั้นบนที่ห้องนอนของตัวเอง
เปิดประตูห้อง แล้วเดินเข้าไปในห้องนอน ฝนสุดามองไปที่ผนังข้างเตียงของตัวเอง
ด้านบนติดภาพสเก็ตช์ที่หล่อนวาดไว้ ในภาพสเก็ตช์ ทั้งหมดเป็นรูปลักษณ์ของรพีพงษ์ ในนั้นมีมากมาย เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนนั้นที่หล่อนอยู่กับรพีพงษ์
นั่นเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของหล่อน
แม้จะถูกพ่อตบหล่อนก็ไม่ร้องไห้ แต่หลังจากที่เห็นภาพสเก็ตช์บนผนัง น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาอย่างอดกลั้นไม่ไหว
“รพีพงษ์ พวกเรา ยังจะได้พบกันอีกครั้งมั้ย?”
……
สำนักเทพยาเซียน ในเวลากลางคืน ดวงจันทร์สว่างดวงดาวเบาบาง
อุเอสึงิ ฮารุนั่งอย่างเบื่อหน่ายอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่ข้างบ่อน้ำ เท้าทั้งสองข้างหย่อนลงมา แกว่งเบาๆ
แสงพระจันทร์ที่สาดส่องบนผิวของอุเอสึงิ ฮารุขาวราวกับหิมะ ทำให้หล่อนยิ่งดูดีมีราศีขึ้นมาก ราวกับนางฟ้าบนท้องฟ้าจริงๆ ทำให้คนไม่อาจละสายตาไปได้
“คุณชาย พวกเขาบอกว่าถ้าหากพรุ่งนี้คุณยังไม่ตื่นขึ้นมา ก็จะปลุกคุณคนมาทันที ความจริงแล้วฉันก็ชอบแบบนี้ คุณชายไม่ตื่น ฉันก็สามารถมองดูคุณชายอย่างอิสระไปตลอดแบบนี้ ยังสามารถพูดจาเรื่อยเปื่อยอยู่ตรงหน้าคุณชายได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ยังสามารถชื่นชมรูปร่างที่ดูดีของคุณชายได้ แฮะๆ ถ้าเกิดคุณตื่นขึ้นมา ฉันก็จะไม่มีโอกาสแบบนี้แล้ว”
ขณะที่อุเอสึงิ ฮารุจ้องมองที่รพีพงษ์ แล้วพูดกับตัวเอง
“แต่คุณชายตื่นขึ้นมาก็ดีกว่า เนื่องจากผ่านไปหลายวันแล้ว ถ้าคุณชายยังไม่ตื่นอีก ไม่แน่อาจจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจริงๆ”
ทันทีที่เสียงของอุเอสึงิ ฮารุเพิ่งลดลง เสียงแปลกๆก็ดังขึ้นในบ่อน้ำ
อุเอสึงิ ฮารุนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ก็รีบมองสังเกตไปด้านข้างของรพีพงษ์ พบว่าน้ำในบ่อรอบตัวรพีพงษ์ กลับเริ่มเดือดขึ้นมา
หล่อนอุทานทันที และกระโดดลงจากหินอย่างรวดเร็ว จ้องมองไปที่รพีพงษ์ที่อยู่ในบ่อน้ำอย่างกังวล
ความร้อนระหว่างรอบร่างกายของรพีพงษ์เพิ่มขึ้น ผิวหน้าบนตัวเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว พลังอานุภาพที่มองไม่เห็นได้ปะทุออกมาจากร่างกายของรพีพงษ์ บีบคั้นให้อุเอสึงิ ฮารุจำเป็นต้องถอยหลังไป
หลังจากนั้นไม่นาน รอยแดงบนผิวหนังของรพีพงษ์ก็ค่อยๆลดลง และน้ำในบ่อที่เดือดก็สงบลง ต่อจากนั้น เขาก็ลืมตาขึ้นมา มีแสงไฟส่องสว่างสองดวงออกมา จากนั้นก็มีเสียงดังขึ้น ลุกขึ้นมา และตกลงไปด้านนอกบ่อน้ำ
เขายกฝ่ามือขึ้น มีแสงปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา แสงนั้นตกกระทบลงบนก้อนหินขนาดใหญ่ตรงหน้าเขา
มีเสียงโครมดังขึ้นมา ในเวลาต่อมา ก้อนหินก้อนนั้นก็แตกออกกระจายไปทั่ว ไม่มีอยู่อีกต่อไป